“พะพาย ดาวบริหารไง”
พะพายงั้นหรอ?ยัยเด็กกระโปกกระโปรงยาวลากพื้นที่เอาขนมมาให้ผมทุกวันเนี่ยนะ เหอะ!! ดีตรงไหนวะ หน้าตาก็งั้น ๆ หุ่นนี่...ไม่ต้องพูดถึงเลย สู้ครีมไม่ได้สักอย่าง
“เหอะ! กูจะรั่ว ยัยเด็กนั้นอะนะ?”
“เอ้ออ!”
ไอ้เพื่อนสามตัวตอบเป็นเสียงเดียวกันทำเอาผมขมวดคิ้วทันที เอาตรง ๆ เลยนะ ถ้าให้ผมเลือกเอง...ยัยเด็กนั้นคงเป็นลำดับสุดท้ายและท้ายสุด
“ทำไม ดีตรงไหนวะ สู้ครีมไม่ได้สักอย่าง หุ่นก็ตัน ๆ หน้าตาก็งั้น ๆ”
“เหยดด นี่มึงมีถั่วอยู่ในตารึไงวะ! ไปตรวจบ้างก็ดีนะ เดี๋ยวนี้มีโรคตาถั่วนะเพื่อน”
เอางี้นะ…ฆ่าเพื่อนติดคุกกี่ปีครับ?
“เด็กพะพายอะ น่ารักนะเว้ยจัดว่าเด็ดเลยแหละ หนุ่ม ๆ ตามจีบกันตรึมและที่สำคัญน้องมันกำลังตามจีบมึงอยู่”
“กูไม่เอา! แม่งโคตรเฉิ่มเห็นแค่เงา_วยกูก็หดแล้วไอ้เวร”
จะให้ผมนั่งยันหรือนอนยันก็ได้เอ้า ว่ายัยเด็กนั้นมันไม่ได้เรื่อง เผลอ ๆ จะพานทำให้ทุกอย่างมันยากขึ้นไปอีก
“ที่มึงไม่เอาเพราะเธอสวยสู้ครีมไม่ได้?”
“ก็เอ้อดิวะ! จะเอาคืนทั้งทีก็เอาให้สวยกว่าหน่อยดิ เดี๋ยวก็โดนตอกกลับมาว่าหาได้แค่นี้อีก บอกตามตรงว่ากูอาย!”
“ดีกรีดาวคณะเอาอะไรมาไม่สวยวะ เนื้อนมไข่ขนาดนั้น” ไอ้คอปเปอร์ว่าพลางส่ายหัวอย่างเอือมระอา
“มึงรู้ได้ไงว่าเด็กนั้นเป็นดาวคณะ?”
“นี่ใคร! คอปเปอร์นะครับ คนอย่างผมของแบบนี้สแกนไม่เคยพลาด”
“กูว่ามันก็ไม่แปลกนะที่มึงจะไม่เคยเห็นน้องเค้าในแบบสวย ๆ เพราะทุกครั้งที่น้องมาหามึง ก็มาออกแนวโทรม ๆ เหมือนวิ่งมาแล้วหลายร้อยโลแถมยังแต่งตัวเรียบร้อยชนิดที่ว่า...ไม่ให้เห็นเนื้อหนังมังสาอีก…แต่ถ้ามึงลองสังเกตตอนที่น้องมันอยู่กับเพื่อน ๆ ละก็...มึงจะรู้ว่าน้องแม่งออร่าพุ่งแค่ไหน มองให้ลึก มองให้ชัด เพื่อนเอ้ย”
ผมขมวดคิ้วเป็นปมมองไอ้ไทน์ที่พูดร่างยาวเป็นหางเว้า ทำไมพวกมันเห็นแต่ผมไม่เห็นหรือเพราะผมไม่ค่อยได้สังเกตเธออย่างที่พวกมันบอกกันวะ ก็ทุกครั้งที่เธอเอาของนั่นนู่นนี่มาให้ผมก็ทำเป็นไม่สนใจ อย่างที่บอกว่าผมไม่ได้สนใจหรือใส่ใจเรื่องผู้หญิงขนาดนั้น
“อะดูนี่นะ”
ไอ้ไวน์ยื่นโทรศัพท์มาให้ ผมรับมันมาอย่างงง ๆ
“นี่ไอจีน้องพาย มึงไม่ต้องดูไรมาก ขอให้นมใหญ่กว่ายัยครีมก็พอ”
ไอ้พวกลามก ตกนรกขุมสุดท้ายแต่แม่งใหญ่จริงว่ะ คนเดียวกันแน่นะเว้ย
“นี่! กูบอกมึงก่อนเลยนะ ถ้ามึงคิดจะกลับไปคบกับยัยนั้นอีกกูไม่ช่วยมึงนะ กูเห็นแล้วเท้ามันกระตุก ถ้าไม่เห็นว่าเป็นผู้หญิงยัยครีมคงได้ตายเป็นผีเฝ้าโรงไปแล้ววว หมั่นไส้ฉิบหาย”
ไอ้คอปเปอร์พูดขึ้นอย่างหงุดหงิด ความจริงเพื่อนผมก็ไม่ค่อยชอบครีมเท่าไหร่หรอก ด้วยนิสัยที่แรง ๆ ของเธอ ทำให้เพื่อนผมหมั่นไส้ตราหน้าเธอว่าเป็นผู้หญิงอย่างว่า...ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่ เธอก็เป็นแบบนี้ปกติ ผมรับได้นะกับนิสัยแรง ๆ ของเธอ แต่ที่ผมรับไม่ได้คือ นิสัยแรด ๆ ร่าน ๆ ของเธอต่างหาก
“เออ รู้แล้ว ๆๆ”
ผมตอบกลับไอ้คอปไปอย่างรำคาญพร้อมกับใช้มือเลื่อนหน้าจอกดดูรูปของเด็กพะพายทีละรูป หึ! ซ่อนรูปเหมือนกันที่หว่า แต่งตัวกระโปรงทรงเอรัดฟิตแบบนี้มันน่านัก จากตอนแรกที่ผมคิดว่าเธอเทียบครีมแทบไม่ติด ตอนนี้ผมขอเปลี่ยนคำพูดละกันว่าครีมเทียบเธอไม่ติดต่างหาก
สงสัยคงต้องหมั่นสังเกตเธอแล้วละ ยินดีต้อนรับเข้าสู่หมากในเกมของฉัน ยัยเด็กพะพาย
-หลายวันต่อมา-
“นี่! ว่าแต่เรื่องแกเถอะ ว่าไง?”
เพื่อนฉันที่พึ่งตักขนมเค้กเข้าปากอยู่ ๆ ก็เอ่ยถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วมาอัปเดตเรื่องของหวานใจฉันหน่อยแล้วกัน ถึงแม้จะไม่มีเรื่องให้อัปเดตก็เถอะ ก็มันไม่มีอะไรคืบหน้าเลยสักอย่าง พี่ริวยังไงก็คือพี่ริว เมินเก่ง มึนเก่ง ไอ้พายคนนี้จะร้องไห้
“ก็เรื่อย ๆ” เรื่อย ๆ ในที่นี้คือฉันก็กินแห้วไปเรื่อย ๆ
“หยุดตื้อเขาได้แล้วมั้ง เขาไม่สนใจเราก็เชิ่ด เสียเวลาทำไมอีกอย่างนะพี่ริวคือคนที่น่ากลัวที่สุด เห็นเงียบ ๆ แบบนั้นร้ายลึกนะจ๊ะ”
ไอ้เรื่องที่ว่าร้ายน่ะ ใคร ๆ ก็รู้ อย่างล่าสุดก็พึ่งจะได้ยินมาแว่ว ๆ ว่าเขาด่ากร่านรุ่นน้องทั้งคณะเพราะพวกนั้นพากันโดดกิจกรรมแถมเขายังลงโทษให้วิ่งรอบสนามด้วยแหละ ทำเอาสนามกีฬาในวันนั้นมีแต่เหล่าวิศวะทั้งชายและหญิงเต็มไปหมด
ก็อย่างว่าแหละเน้าะ พี่ริวเป็นถึงประธานรุ่นมีสิทธิ์ตัดสินใจกับบทลงโทษ แม้ว่าการเข้าร่วมกิจกรรมจะเป็นสิทธิส่วนบุคคลก็ตามแต่คงเพราะตกปากรับคำกันไว้แล้วแหละมั้ง พอไม่เห็นหัวใครโผล่มาร่วมงานเขาจะโกรธก็คงไม่แปลก ไม่ได้เข้าข้างนะ พูดตามความจริง อิอิ
“เอาน่า ฉันก็ระวังตัวอยู่”
ฉันไม่ใช่คนที่ตัดสินคนอื่นจากภายนอกถ้าจะบอกให้ถอยออกมาเลยคงทำไมได้ ฉันเป็นคนจำพวกถ้าไม่เจอกับตัวก็จะไม่จำ
ว่าแล้วก็ก้มเล่นโทรศัพท์เพื่อรอเวลาเข้าคลาส ทว่าอยู่ ๆ เพื่อนฉันก็เลื่อนมือมาสะกิดเบา ๆ จึงต้องละสายตาจากโทรศัพท์หันไปมองเพื่อนที่พยายามบู้ยปากพลางพยักพเยิดหน้าไปข้างหลัง อะไรของหล่อนย่ะ ทำตัวอย่างกับเห็นผีไปได้ ด้วยความสงสัยฉันจึงรีบหันไปมอง ทำเอางุนงงเมื่อกี้กระจ่างเลยทันที เข้าใจแล้วว่าตกใจอะไร..เพราะฉันในตอนนี้ตกใจกว่าเพื่อนเป็นร้อยเท่าพันเท่า
หากเมื่อกี้เพื่อนฉันอึ้งราวกับเห็นผี ตอนนี้ฉันคงอึ้งราวกับเจ้าเข้า อะไรประมาณนั้น…
“ขอคุยด้วยหน่อย”
เสียงทุ้มเจ้าของร่างสูงเปล่งวาจาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ดวงตาคมจับจ้องฉันไม่วางตา นี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น ฉันไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจรึเปล่า ทำไมอยู่ ๆ เขาถึงมายืนอยู่ตรงหน้าฉันแบบนี้ ปกติมีแต่เดินหนีไม่แม้จะหันกลับมามองด้วยซ้ำหรือว่าฉันฝันงั้นหรอ บ้าจริง!
เพื่อคลายความสงสัยฉันจึงยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองเบา ๆ มันก็ยังรู้สึกอยู่นิ
“ฉันตาฝาดไปใช่ไหม??”
ฉันหันไปถามเพื่อนที่นั่งนิ่งเป็นหุ่น ก่อนที่พวกหล่อนจะส่ายหัวเป็นพัลวัน
“เหอะ!”
คนที่ยืนอยู่เค้นหัวเราะ ทำให้ฉันรีบหันไปมองอีกครั้ง
“พะ พี่ริว”
“ฉันขอคุยด้วยหน่อยดิ”
เขาว่าเสียงเรียบคิ้วเรียวขมวดเป็นปมราวกับว่าไปโกรธใครมา ฉันไม่แน่ใจแล้วว่าคนที่เขาอยากคุยด้วยคือฉันใช่หรือไม่…จึงชี้เข้าหาตัวเองเพื่อย้ำให้แน่ใจอีกครั้ง
“จิ๊! เอ้ออ!”
คนที่ยืนรออยู่นานเริ่มอารมณ์เสียปนหงุดหงิดชักสีหน้าใส่ ก่อนจะเอื้อมมือมาจับข้อมือเล็กแล้วลากออกไปทันที