“เอ๊ะ… พี่ควันกดรับฟอลแล้ว”
“ว่าไงนะ? จริงเหรอ??” พิชาถลาเข้ามานั่งด้านข้างวาโย “โห… ทำไมมีแต่รูปรอยสักล่ะเนี่ย ไม่เห็นมีรูปหล่อ ๆ ของเขาเลยอ่ะ”
“เพราะเขาเป็นช่างสักไงล่ะ” ดวงตาสวยเฉี่ยวหรี่มองโปรไฟล์ไอจีของควันหลังซึ่งระบุชื่อร้านเอาไว้ “Caim tattoo”
“แกรู้จักป่ะ?”
“ไม่เคยได้ยินเลย ร้านอยู่แถวไหนกันนะ” เธอพยายามหาคำตอบจากรูปภาพและคอมเม้นท์ ส่วนพิชาช่วยค้นหาในอินเทอร์เน็ตอีกแรง
“ไม่เจอชื่อร้านนี้ในเน็ตเลยอ่ะแก น่าแปลกมาก สมัยนี้ร้านส่วนใหญ่จะมีพิกัดนี่นา”
“ไม่แปลกหรอก เขาคงรับแต่เฉพาะคนรู้จักหรือลูกค้าประจำ จริงสิ ตอนนี้ไอ้เจอยู่ไหน?”
เวลานี้พวกเธอนั่งอยู่ในห้องเรียน ส่วนเจเจเรียนเอกเคมีจึงไม่ได้อยู่ด้วยกัน
“มันบอกว่าอยู่ที่สนามบาสหน้าตึกเคมี”
“งั้นถามมันหน่อยว่ามันรู้จักร้านสักของพี่ควันไหม”
“เดี๋ยวก่อน” พิชาเงยหน้าจากหน้าจอโทรศัพท์ “นี่แกจะอยากรู้ที่อยู่ร้านสักเขาทำไมอ่ะ อย่าบอกนะว่าจะบุกไปหาเขาที่ร้านอ่ะ”
“ไม่ได้เหรอ?” คนถูกถามตอบกลับหน้าตาเฉย พิชากลอกตามองบน
“มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอไอ้โย แกกับเขาไม่รู้จักกันสักหน่อยแล้วจู่ ๆ จะโผล่ไปหาเขาที่ร้านสักเนี่ยนะ? แกจะไปสักหรือไง?”
วาโยเลื่อนดูรูปรอยสักในไอจีควันหลงไปเรื่อย ๆ ความรู้สึกสนใจผุดเข้ามาในหัว “เอาเถอะ แกถามมันให้หน่อยแล้วกัน”
“ถามแล้ว มันบอกไม่รู้จัก แต่จะลองถามพี่ฉลามให้ ตอนนี้มันอยู่กับเขา”
“ที่ไหน?” ดวงตาสวยเฉี่ยวตวัดมองทันที
“ก็ที่สนามบาสหน้าตึกเคมีนั่นแหละ อ้าวเฮ้ย! นั่นแกจะไปไหน?” พิชารีบลุกตามเพื่อนสาวที่ไม่พูดพร่ำให้เสียเวลาจู่ ๆ ก็ลุกเดินไปเฉย วาโยหันกลับมาสะบัดผมสีบลอนด์ทองเบา ๆ สายตามองไปยันทิศทางที่กำลังจะเดินไป
“ไปตึกเคมีไง”
.
.
.
สิบนาทีต่อมา
“คนไหนคือพี่ฉลาม” ทั้งคู่เดินมาหยุดยืนข้างสนามบาส พิชาชี้ไปทางผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งในสนาม เขากำลังเลี้ยงลูกบาสด้วยท่วงท่าเท่บาดใจ ใบหน้าหล่อเหลาขาวใสราวกับเทพบุตรสะกดสายตาสาว ๆ ทั้งสนาม วาโยนิ่งมองแวบหนึ่งก่อนละสายตากลับเป็นจังหวะเดียวกับเจเจเดินเข้ามาหาพอดี
“นี่มากันจริง ๆ เหรอวะเนี่ย”
“ทำไม? พวกเรามาไม่ได้หรือไง”
“ไม่ได้หมายความอย่างนั้นสักหน่อยพิ” เจเจทำหน้าเจื่อน ไม่คิดว่าจะถูกแฟนสาวเหวี่ยงกลับ
“ฉันอยากคุยกับพี่ฉลาม” วาโยโพล่งออกมาตรง ๆ ทำเอาคนฟังหันขวับมองทันที
“คุยอะไรวะ หรือจะถามเรื่องร้านสักพี่ควันหลง?”
“ก็เออสิ รู้แล้วยังจะถามเพื่อ?” ดวงตาสวยเฉี่ยวปรายมองเพื่อนรัก เธอสะบัดผมไปด้านหลังแล้วเปลี่ยนท่าทางเป็นยืนกอดอก ผมสีบลอนด์ทองของเธอค่อนข้างโดนเด่นท่ามกลางแสงแดดยามบ่าย บวกกับใบหน้าสวย ๆ และหุ่นสุดเฟิร์มในชุดนักศึกษา ทำให้เธอกลายเป็นจุดสนใจของนักศึกษารอบตัวพอสมควร
“ถ้าเรื่องนั้นเดี๋ยวฉันถามให้เองก็ได้ แกยืนรอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวพี่ฉลามเล่นบาสเสร็จจะถามให้”
“ไม่เอา ฉันไม่ได้ถ่อมากลางแดดร้อน ๆ เพื่อยืนรอแกถามให้นะ บอกว่าจะคุยเองก็คุยเองสิ”
“แต่พี่เขาเล่นบาสอยู่…” เจเจทำหน้าลำบากใจ
“ฉันรอได้”
“แต่ว่า…”
“เอ๊ะ! จะขัดใจอะไรฉันนักหนาวะเจ ชักหงุดหงิดแล้วนะคนยิ่งร้อน ๆ อยู่” ร่างบางวีนใส่อย่างเหลืออด เธอปาดเหงื่อตรงซอกคอออก สีหน้าหงุดหงิดเหมือนอยากจะอาละวาดเต็มทีแล้ว
“ใจเย็น ๆ ก่อนแก” พิชาเห็นท่าไม่ดีรีบเข้ามาลูบไหล่เพื่อนสาวเบา ๆ ก่อนตวัดสายตาใส่แฟนหนุ่ม “แกก็อีกคน มีอะไรก็พูดมา อ้ำอึ้งอยู่นั่น”
วาโยปราดสายตาจ้องเจเจเช่นกัน พอถูกสองสาวมองด้วยสายตาแบบนั้นเขาจึงยกธงขาวยอมแพ้
“คือว่า… ที่นี่ไม่ได้มีแค่พี่ฉลาม แต่มีพี่ชบาอยู่ด้วย ถ้าฉันพาแกเข้าไปคุยกับพี่ฉลามโต้ง ๆ ก็กลัวว่าจะกลายเป็นเผาบ้านพี่ฉลามเข้าน่ะสิ”
นั่นคือเหตุผลที่หมอนี่อ้ำอึ้งลำบากใจงั้นสิ?
“พี่ชบาก็อยู่ด้วยเหรอ” พิชามองรอบสนาม
“อือ นั่งอยู่ตรงนั้น” เจเจพยักพเยิดหน้าไปอีกฝั่งของสนาม ตรงนั้นปรากฏร่างบางเจ้าของเรือนผมสีเทาสลวยนั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อน
ก่อนหน้านี้วาโยมองเธอคนนั้นอยู่แวบหนึ่งเพราะสีผมของเธอโดดเด่นมาก แต่ก็เพียงแวบเดียวแล้วไม่ได้สนใจมองอีก ไม่คิดว่าเธอคนนั้นก็คือแฟนสุดที่รักของพี่ฉลามนี่เอง
“พี่เขานิสัยยังไง ขี้หึงป่ะ?” วาโยถามทั้งที่สายตายังจ้องชบาไม่หยุด
“ก็ไม่ค่อยนะ แต่พวกแกก็รู้ว่าพี่ฉลามมันคนมีประวัติ ตั้งแต่คบกับพี่ชบาก็เพลา ๆ เรื่องผู้หญิงไปเยอะหรือเรียกว่าไม่มีให้เห็นเลยดีกว่า ถึงปกติพี่ชบาเป็นคนเย็นชาไม่สนโลก แต่ฉันก็รับประกันไม่ได้ว่าถ้าจู่ ๆ แกเข้าไปคุยกับพี่ฉลามต่อหน้าแฟนเขาแล้วบ้านเขาจะไม่ไฟไหม้อ่ะ”
“ถ้างั้นก็ไม่ยาก” ริมฝีปากเรื่อแดงยกยิ้มมุมปากพลางหรี่ตาลงอย่างมีเลศนัย ทำเอาคนมองอย่างเจเจกับพิชาถึงกับลอบมองหน้ากัน
เวลายัยตัวแสบยิ้มแบบนี้ทีไรไม่เคยคิดเรื่องดี ๆ เลยให้ตายเถอะ!