“สายตาทุเรศ? นั่นมันฉันหรือเธอกันแน่ เหอะ! อีกอย่างนะ เมื่อกี้ฉันเป็นคนช่วยเขาเอาไว้ป่ะ ก็แค่มองเฉย ๆ จะเป็นจะตายหรือไง”
“ช่วย? เมื่อกี้เสียงที่ตะโกนนั่นคือเสียงเธอ?” เรนนี่ทำหน้าบิดเบี้ยวหนักกว่าเดิม
ปกติยัยนี่ก็สวยสู้เธอไม่ได้อยู่แล้ว พอทำหน้าแบบนี้ยิ่งน่าเกลียดเข้าไปใหญ่
“ใช่ ฉันเป็นคนตะโกนเองแหละ ฉันช่วยเขาเอาไว้” เธอมองไปทางผู้ชายด้านหลังเรนนี่ซึ่งยังคงยืนนิ่ง เขาไม่พูดอะไร ไม่แสดงสีหน้าอะไรด้วยซ้ำ นั่นทำให้วาโยรู้สึกหงุดหงิดหน่อย ๆ เขาลืมพกปากมาด้วยหรือไง หรือกลัวว่าพูดแล้วดอกพิกุลจะร่วง?
“พูดอะไรของเธอ พี่ควันแข็งแกร่งขนาดนั้นไม่จำเป็นต้องให้เธอช่วยสักนิด อีกอย่างเขาคือคนที่ช่วยฉันจากไอ้พวกนักเลงนั่นต่างหากล่ะ”
ว่าไงนะ… ที่พวกเขามีเรื่องกันเมื่อกี้เป็นเพราะยัยเรนนี่งั้นเหรอ?
เรนนี่เห็นสีหน้านิ่งอึ้งของวาโยจึงยิ้มกริ่มอย่างผู้ชนะ เธอหันกลับมาหาผู้ชายด้านหลัง สองมือคว้าจับแขนแกร่งเบา ๆ พลางทำน้ำเสียงออดอ้อน
“พี่ควันไม่เป็นไรใช่ไหมคะ เมื่อกี้เรนนี่กลัวมากเลยค่ะ ขอบคุณพี่นะคะที่ช่วยเรนนี่ ถ้าไม่ได้พี่… เรนนี่อาจจะถูกพวกมัน…” เธอก้มหน้าทำเสียงสะอื้นเบา ๆ วาโยอดจะเบะปากมองการแสดงเด็ก ๆ นั่นไม่ได้
ฟึ่บ
“ฉันไม่ได้จะช่วยเธอ หลบไป มันขวางทางออก” น้ำเสียงเย็นชาสุดขั้วหัวใจดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ มือหนาผลักเรนนี่ให้หลบทางก่อนเดินอ้อมมาหยุดยืนด้านข้างรถสปอร์ตคันหรูซึ่งจอดอยู่ตรงนั้น วาโยเลิกคิ้วมองเขาที่เปิดประตูขึ้นนั่งบนรถ สตาร์ทรถ และถอยรถออกจากซอง ก่อนขับพุ่งทะยานออกไป เหลือทิ้งไว้เพียงกลิ่นของควันรถลอยอบอวลในมวลอากาศกับ… นกบางตัว
“อุ๊บ… ฮ่า ๆ ๆ”
ไม่ไหวแล้ว เธอกลั้นขำเอาไว้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ
“ขำบ้าอะไรยะ!!” เรนนี่หันมาตวาดเสียงใส่เธอหน้าแดง ดูท่าว่าจะอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนีแล้วมั้ง ยัยนี่มั่นหน้ามั่นโหนกคิดว่าผู้ชายที่ชื่อควันอะไรนั่นมาช่วยเธอด้วยความเสน่หา แต่ที่ไหนได้หมอนั่นไม่ได้คิดจะช่วยเธอ แต่เพราะพวกนั้นบังเอิญขวางทางออกของรถเขาต่างหาก เขาเลยต้องเคลียร์เส้นทางออกให้รถตัวเอง
“ฮ่า ๆ เดี๋ยวนะ ขอฉันหายใจแป๊บ” เธอไม่ได้หัวเราะหนักขนาดนี้นานแล้ว หัวเราะจนน้ำตาไหลอ่ะคิดดู โอ๊ย เหนื่อยชะมัด!
“เธอ… ฉันขอเตือนไว้ก่อนเลยนะ ห้ามยุ่งกับพี่ควันเด็ดขาด!”
วาโยชะงักเล็กน้อย เธอปาดเช็ดคราบน้ำตาจากการหัวเราะอย่างหนัก เหลือบมองร่างบางตรงหน้า สายตาเรนนี่จริงจังอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน เธอมองออกถึงความกังวลในแววตาเกลียดชังคู่นั้น
“พี่ควัน?”
“อะไรของเธอ!”
“เธอหมายถึงพี่ควันไหนล่ะ?” รอบตัววาโยไม่เคยรู้จักใครที่ชื่อควันมาก่อน ถึงจะรู้สึกคุ้น ๆ หูอยู่บ้างก็เถอะ
“ฉันก็หมายถึงพี่ควันหลงน่ะสิ!”
“ควันหลง? หืม…” เธอคุ้นชื่อนี้จริง ๆ ด้วย
“ก็พี่ควันหลงคนที่ขับรถออกไปเมื่อกี้ไงยะ! นี่อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้จักพี่ควันน่ะ!” เรนนี่อ้าปากเหวอมองเธอตาโต
“แล้วทำไมฉันต้องรู้จักเขาด้วยล่ะ ฉันก็เพิ่งเคยเห็นหน้าเขาครั้งแรกวันนี้นี่แหละ” เธอตอบตามตรง เรนนี่อ้าปากกว้างกว่าเดิม เธอหันหน้าหนีบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ แต่วาโยกลับได้ยินมันชัดเจน
“นี่ฉันพลาดบอกชื่อพี่ควันกับศัตรูหรือเนี่ย”
ริมฝีปากสีแดงสดบิดยิ้มมุมปาก นึกขอบคุณความโง่ของผู้หญิงตรงหน้าจริง ๆ เพราะเธอไม่ต้องเสียเวลาไปตามหาตัวตนของผู้ชายคนนั้นแล้วไงล่ะ
“ช่างเถอะ ฉันกลับบ้านดีกว่า” วาโยพูดอย่างไม่ใส่ใจ หมุนตัวเดินกลับ แต่ถูกเสียงเรียกจากด้านหลังรั้งเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน…”
“มีอะไร?” เธอหันมาสบตากับเรนนี่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เธอ… เธอไม่ได้สนใจพี่ควันใช่ไหม?”
หืม… ถามกันตรง ๆ แบบนี้เลยเหรอ…
วาโยนิ่งเงียบไปเกือบนาที เธอทำเหมือนกำลังคิดทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่ได้คิดอะไรเลยเพราะมันมีคำตอบในใจอยู่แล้วไงล่ะ
“เธอเห็นฉันเป็นคนยังไงกัน”
“งั้นแปลว่าเธอไม่ได้สนใจ…”
“สนใจสิ”
“…!!”
รอยยิ้มร้ายเผยออกมาบนใบหน้าสวย แววตาซุกซนแสนมีเสน่ห์ทอประกายวาววับราวกับเจอเรื่องสนุกสุด ๆ
“พี่ควันหลงน่ะ… น่าสนใจสุด ๆ เลยล่ะ”
.
.
.
วันต่อมา
“แค่ก ๆ ๆ แกว่าไงนะไอ้โย??”
“ฉันจะจีบพี่ควันหลง” คำพูดสบาย ๆ ราวกับพูดถึงเรื่องดินฟ้าอากาศของวาโยเรียกสายตาพิชากับเจเจหันมองกันแทบจะทันที วันนี้หลังจากทั้งสามคนเรียนเสร็จก็พากันมานั่งชิลที่คาเฟ่แถวมหาวิทยาลัย แล้วจู่ ๆ วาโยก็พูดประโยคนี้ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาพิชาสำลักชานมจนหน้าดำหน้าแดงเลยทีเดียว
“เดี๋ยวก่อนนะไอ้โย แกกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่วะ”
“อะไรของพวกแกเนี่ย ฉันก็พูดไปสองรอบแล้วไง มันเข้าใจยากตรงไหน”
“ไม่ ๆ มันไม่ได้เข้าใจยาก แต่มันไม่เข้าใจเลยเว้ย!”
“ไม่เข้าใจยังไง ก็ฉันจะจีบพี่ควันไง ฉัน-จะ-จีบ-เขา!” เธอชี้ปากตัวเองแล้วพูดทีละคำ เจเจอ้าปากค้าง ก่อนจะตบหน้าผากตัวเองแรง ๆ หนึ่งทีเพื่อเรียกสติ
“โอเค แกจะจีบพี่ควัน”
“อ่าหะ”
“ควันที่ว่าเนี่ยคือควันไหน?”
“ควันหลง”
“…”
“ก็บอกว่าควันหลงไงเล่า!” เธอชักโมโหแล้วนะ ทำไมไอ้สองคนนี้ต้องทำหน้าเหมือนเห็นผีกันด้วยอ่ะ
“แกหมายถึง… ควันหลงคนนั้น…”
“คนที่อยู่ปีสองเอกประติมากรรม…”
“หืม… พี่ควันหลงอยู่ประติมากรรมปีสองเหรอ?”
“ห๊ะ! / อ้าว!”