วาโยเข้ามานั่งในร้านสักในเย็นวันต่อมา ควันหลงหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งส่งให้เธอ มันคือแบบรอยสักที่เธอเอามาเป็นตัวอย่างให้เขาดูเมื่อวาน แต่มันถูกดัดแปลงแตกต่างไปจากเดิม มันดู… สวยกว่าเดิมมาก
“นี่อะไรคะ?”
“แบบรอยสักของเธอ ฉันลองออกแบบให้ใหม่”
พี่ควันทำเธอแปลกใจมาก ๆ เมื่อวานเขาทำท่าเหมือนไม่เห็นด้วยที่เธอเลือกลายนี้ แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะกลับไปออกแบบมาให้เธอใหม่ แถมยังสวยมากกว่าเดิมมาก ๆ ด้วย
“นี่คือ… ผีเสื้องั้นเหรอ?”
ภาพวาดรอยสักบนแผ่นกระดาษมีขนาดเท่าฝ่ามือของเธอ สิ่งที่เด่นสะดุดตาก็คือผีเสื้อแสนสวยตัวหนึ่งกำลังกางปีกบินอยู่เหนือดอกกุหลาบซึ่งถูกเลื้อยพันด้วยงูตัวหนึ่งจนกลีบดอกบางกลีบช้ำและร่วงโรยลงโดยมีสายลมพัดพลิ้วกลีบเหล่านั้น มันเป็นภาพที่สวยงามมาก ๆ เหมาะสมกับการสักให้ผู้หญิงจริง ๆ โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างเธอ
“ฉันคิดว่ารูปงูพันดอกไม้ที่เธอเลือกมาตอนแรกมันดุดันเกินไป ไม่เข้ากับเธอ”
“พี่เลยเพิ่มผีเสื้อเข้าไปเพราะคิดว่าผีเสื้อมันเข้ากับฉันงั้นเหรอ” เธอจ้องมองเขาด้วยแววตาสุกสกาว สีหน้าบ่งบอกว่าพอใจกับแบบวาดนี้มาก คนถูกมองหลุบตาลงจัดเก็บอุปกรณ์ในมือต่อไป
“ถ้าไม่ชอบ ฉันวาดให้ใหม่ได้”
“ใครว่าไม่ชอบละคะ! โยชอบมาก ๆ เลยต่างหาก นี่มันสวยเกินคาดด้วยซ้ำ” วาโยเดินเข้ามายืนตรงหน้าเขา มองพี่ควันของเธอด้วยสีหน้าชื่นชม เธอคิดไม่ผิดเลยจริง ๆ ที่ชอบผู้ชายคนนี้ สิ่งที่เขาเป็นมันดึงดูดเธอจนถอนตัวไม่ไหวแล้ว นับวันก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น และมากขึ้น
ควันหลงเหลือบตามองผู้หญิงตรงหน้า สีหน้าและแววตาของเธอแสดงออกถึงความชมชอบเขาอย่างไม่ปิดบัง ความรู้สึกดูแคลนผุดขึ้น ริมฝีปากหนาบิดยิ้มเย็นชา
เธอก็ไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่คลั่งไคล้หลงใหลเขาเพียงเพราะรูปลักษณ์ภายนอก
น่ารำคาญสิ้นดี…
“โยจะสักลายนี้ค่ะ โยชอบความหมายของมัน”
เขาชะงักนิ่ง เงยหน้ามองเธออีกครั้ง “ความหมาย?”
“ก็ความหมายของรอยสักนี้ไงคะ” เธอชูกระดาษในมือขึ้นและชี้ไปที่ผีเสื้อ “ผีเสื้อตัวนี้ก็คือโย” ก่อนเลื่อนลงมาชี้ที่งู “ส่วนงูตัวนี้ก็คือพี่ควัน”
เธอต้องการจะพูดอะไรกันแน่?
ควันหลงจ้องเธอเพื่อรอฟังคำพูดต่อไป แต่ดูเหมือนเธอเพิ่งคิดอะไรได้ วาโยเก็บกระดาษแล้วเดินกลับมานั่งที่โซฟาเหมือนเดิม
“แล้วเราจะเริ่มสักกันเมื่อไหร่ดีคะ โยต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง”
อยู่ ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องแบบนี้เลย?
“ถ้าเธอโอเคกับแบบนี้แล้ว ที่เหลือก็แค่ดราฟแบบนั่นลงบนผิวเธอ”
“หมายถึงวาดลงบนผิวโย?”
ควันหลงมองเธอด้วยแววตาเรียบนิ่งโดยไม่ได้ตอบอะไร เขาหยิบกระดาษดราฟลายออกมาวางบนโต๊ะและวางกระดาษต้นแบบทับลงไป วาโยมองขั้นตอนการทำงานของเขาจึงเริ่มเข้าใจมากขึ้น
“อ้อ ต้องใช้กระดาษดราฟลายสินะ” เธอเกือบลืมขั้นตอนเริ่มต้นของการสักไปได้ยังไงกันเนี่ย ทั้งที่เมื่อคืนเพิ่งหาข้อมูลมาแท้ ๆ
“ไปนั่งรอ เดี๋ยววันนี้ดราฟลายไว้เลย พรุ่งนี้ค่อยเริ่มสัก” เขาออกคำสั่งขณะมือเริ่มร่างเส้นลงบนกระดาษดราฟ
“งั้นโยต้องถอดเสื้อรอเลยไหมคะ” เธอทำท่าจะปลดเข็มกลัดกระดุมนักศึกษา มือที่กำลังร่างเส้นชะงักกึกหันมองทันที
จริงสิ เขาลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย… ยุ่งยากฉิบ
“ไม่ต้อง พรุ่งนี้ใส่เสื้อเชิ้ตมาด้วย ค่อยดราฟแล้วเริ่มสักพรุ่งนี้”
“ทำไมคะ ดราฟวันนี้เลยก็ได้นี่ เสื้อนักศึกษาก็มีกระดุมหน้าเหมือนเสื้อเชิ้ตนั่นแหละ” เธอไม่เห็นเข้าใจเลยว่ามันต่างกันยังไง
“ไม่ได้ วันนี้เธอกลับไปซะ พรุ่งนี้ตอนเย็นค่อยมาใหม่” น้ำเสียงเขาฟังดูหงุดหงิดหน่อย ๆ ต่างจากสีหน้าราบเรียบที่แสดงออกมา
“แต่ว่า…”
“ล็อกประตูให้ฉันด้วย”
โอเค… เขาไล่เธอง่าย ๆ แบบนี้เลย!
หลังวาโยกลับไปไม่นานไฟในร้านสักดับลงพร้อมกับร่างสูงเดินออกมาจากร้าน เขาเดินไปตามทางลานจอดรถ ระหว่างทางเดินมีร้านรวงขายของมากมาย ปกติเขาไม่เคยใส่ใจจะมอง ทว่าวันนี้สายตากลับชะงักหยุดตรงร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่ง
สายตาคมจ้องมองผ้าคลุมไหล่ผืนหนึ่งบนตัวหุ่นโชว์หน้าร้าน จู่ ๆ ภาพร่างบางกำลังก้มหน้าปลดเข็มกลัดกระดุมนักศึกษาแวบเข้ามาในหัว ริมฝีปากหนาเหยียดเป็นเส้นตรง สีหน้าเย็นยะเยือกขึ้นกว่าเดิม เขาก้าวเข้าหาร้านนั้นโดยไม่ต้องคิด
เจ้าของร้านสาววัยยี่สิบต้น ๆ หันมองลูกค้าหนุ่มสุดหล่อด้วยสีหน้าตื่นตะลึงอึ้งเล็กน้อย ร้านของเธอขายเสื้อผ้าผู้หญิงจึงไม่ค่อยมีลูกค้าผู้ชายสักเท่าไหร่ แถมลูกค้าคนนี้ก็หล่อมากซะด้วย เธอรีบออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“สนใจเสื้อผ้าชุดไหนดีคะ”
“ผ้าคลุมไหล่นั่น” เขาชี้ไปทางผ้าคลุมไหล่บนตัวหุ่นโชว์โดยไม่ชายตามองเจ้าของร้านเลยสักนิด
“อ้อ ผ้าคลุมผืนนี้หรือคะ นี่เป็นผืนสุดท้ายของทางร้านแล้ว เดี๋ยวลดราคาพิเศษให้เลยค่ะ” เธอปลดผ้าคลุมออกเดินกลับเข้ามาในร้าน หลังพับใส่ถุงเรียบร้อยจึงนำกลับมายื่นส่งให้เขา “ปกติขายสี่ร้อยห้าสิบบาท ลดให้เหลือสี่ร้อยบาทแล้วกันค่ะ”
มือหนาหยิบแบงค์สีม่วงออกจากกระเป๋าสตางค์ส่งให้เจ้าของร้านและรับถุงมาถือก่อนหมุนตัวเดินออกมา เสียงเจ้าของร้านตะโกนเรียกตามหลัง
“เอ๊ะ เดี๋ยวสิคุณ รอเงินทอนก่อนสิคะ”
“ไม่ต้องทอน” น้ำเสียงเย็นชาตอบโดยไม่หันกลับมามอง ท่าทางเหมือนคุณชายบ้านรวยผู้ไม่สนใจใครนั้นทำให้เจ้าของร้านอดนึกอิจฉาผู้หญิงเจ้าของผ้าคลุมไหล่ผืนนั้นในใจไม่ได้
ได้รับความใส่ใจจากคนแบบนั้น… ควรอิจฉาน่ะถูกแล้ว!