กูรับผิดชอบเอง
ครับ…
ผมไม่รอให้มันพูดจบ ไม่รอให้มันเรียบเรียงความคิดทำความเข้าใจอะไรทั้งสิ้น
ผมรู้แต่ว่าผมจะไม่รออีกแล้ว…
มันจะให้รึไม่ให้ตอนนี้ผมไม่สนเพราะผม…
จะเอา…
ปากหนาของผมประกบจูบปากมันที่ยังอ้าปากพูดไม่จบคำดูดกลืนเอาความสงสัยทั้งหมดให้จางหายไปในที่สุด ผมแทรกลิ้นเข้ามาในปากมันที่อบอวลไปด้วยรสสุราจูบตวัดเกี่ยวล่อหลอกกับลิ้นมันที่เอาแต่ถอยหนี
มันต่อต้านขัดขืนซึ่งผมไม่รู้ว่ามันตกใจ รังเกียจ รึว่าขยะแขยง แต่ยิ่งมันต่อต้านผมก็ยิ่งอยากเอาชนะ
ยังไงวันนี้มึงก็ต้องเป็นเมียกูไอ้นุ๊ก…
เมื่อคิดแบบนั้นมือหนาของผมก็ยื่นมาประคองท้ายทอยมันเอาไว้ ลิ้นร้อนยังคงตวัดไล่ล่อหลอกหยอกล้ออย่างไม่รู้เบื่อมือที่เคยจับที่หัวใจย้ายต่ำลงมาและหายลับเข้าไปในเสื้อของมัน
สัมผัสผิวกายที่หยาบกร้านไม่ได้นุ่มนิ่มหรือหอมหวานเหมือนดั่งผู้หญิงแต่กลับกระตุ้นอารมณ์และความต้องการผมได้เป็นอย่างดี
นี่คืออิทธิพลของความรัก…
มองข้ามเพศสภาพเพราะเต็มอิ่มอยู่กับควรมรู้สึกที่ตระหนักรู้ชัดในใจ
จะได้ครอบครองแล้วสินะ…
ตื่นเต้นไม่เป็นตัวของตัวเองขึ้นมาเมื่อหลุดคิดไปถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าที่ยังไม่เกิด
“อื้อ! ...” ไอ้นุ๊กผลักผมออก
ใบหน้าหนุ่มแว่นยามนี้แดงกล่ำเพราะฤทธิ์สุราหายใจเหนื่อยหอบจ้องหน้าผมอย่างสับสนไม่เข้าใจ
สมองคนเมาคงกำลังประเมิณผลว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เป็นเรื่องจริงเรื่องเล่น เป็นความจริงความฝัน ที่ผมคิดแบบนั้นเพราะมันเอาแต่จ้องผมนิ่งค้างแม้แต่ตายังไม่ยอมกระพริบ
หรือว่าจิตหลุดไปแล้ว…
“ไอ้นุ๊ก” ผมเลือกที่จะเขย่าแขนปลุกมัน
“มึงจูบกู…ทำไม? …” น้ำเสียงที่ถามกลับตะกุกตะกักจนผมเดาความคิดจากความีรู้สึกมันได้
“รังเกียจมั้ย” ผมไม่ตอบแต่กลับยิ้มและย้อนถามมันแทน
“ห๊ะ?”
“เงียบ…แปลว่าไม่นะ” ผมยิ้มเอ็นดูกับความสับสนในแววตาของมัน
น่ารักจัง…
มันน่ารัก…
จับปลายคางหนุ่มแว่นให้เชิดขึ้นก่อนที่จะทาบริมฝีปากลงไป
“อะไรของมึง? ...กูถามก่อนว่ามึงจูบกู…ทำไม?” ไอ้นุ๊กย้อนถามมผมอีกครั้งและปัดมือผมที่ตอนนี้เอาแต่ลูบแก้มสากที่กลับให้ความรู้สึกนุ่มนิ่มจนอยากจับแก้มเล่น
“กู…” ผมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “ไม่ได้จะทำแค่จูบนะ”
“..? ..”
“มึงน่ารักมากรู้ตัวรึเปล่า” ผมกระซิบบอกมันใกล้ๆ สูดกลิ่นตัวที่เจือกลิ่นสุราจางๆ
“ไม่…มึงถอยออกไปอย่ามานั่งใกล้ๆ กู”
“ทำไมล่ะมึงเองก็รู้สึกดีไม่ใช่เหรอ?”
“ไอ้เชี่ย! ...มึง…”
ด่ายังไม่ทันจะจบคำดีมือหนาของผมก็คว้าตัวคนตรงหน้าเข้าไปหา อกเบียดอกหน้าชนหน้าลมหายใจอุ่นๆ สาดรสกลิ่นสุราใส่กัน
สายตาคมของผมจ้องสบตาแผ่นเลนส์แว่นและเริ่มขยับเอียงเข้าไปหาใกล้มากชึ้นเรื่อยๆ เหมือนมีแรงดึงดูด
ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ
จนริมฝีปากผมบดเบียดอยู่เหนือริมฝีปากบางสองมือหนาสอดประคองเข้าไปจับล็อคลำคอไว้มั่นปลายนิ้งโป้งลากไล้อยู่ปลายริมฝีปากอย่างอ่อนโยน
ทำอย่างไรดี? ...
ห้ามไม่ไหวจริงๆ แล้วสิทีนี้วูบวาบไปทั้งตัวจนไม่แน่ใจว่าตอนนี้
กูเมา…
หรือว่าปรานารถที่จะลึกซึ้งกับมัน
กูเมาแหล่ะ…
แต่เมาเพราะถูกไอ้นุ๊กมันมอมเมา หลงไปทุกส่วนจับตรงไหนก็ปลุกเร้าผมไปหมดวันนี้ไม่ได้หยุดแค่จูบหรอกนะ
บรรยากาศรอบตัวที่ร้อนอบอ้าวทำให้ผมลืมตาตื่นขึ้นมานั่งด้วยความหงุดหงิด ค่อยๆ เปิดเปลือกตาหนักที่ยังคงปิดสนิทไม่อยากที่จะลืม
ง่วงชิบหาย…
มองลำแสงสว่างจ้าที่สาดใส่ตัวจนรู้สึกแสบตาไปหมด สรุปที่ร้อนคือลืมปิดม่านเมื่อคืนหรอกเหรอวะ
เกาหัว เกาพุง เกาทุกอย่างระบายความหงุดหงิดออกมาพร้อมกับหย่อนขาลงจากเตียงและ
ลุกขึ้น…
“อ๊ะ! ...” เอามือจับตูดเพราะรู้สึกได้ถึงความผิดปรกติที่มันเจ็บแปล๊บๆ แถมยังขัดๆ เหมือนออกกำลังหนักแล้วมันเคล็ดขัดยอก
แต่ผมไปออกกำลังกายที่ไหนเมื่อวานไปแดกเหล้าบ้านไอ้ตั๊นนี่นา
คิดแบบนั้นสติก็เริ่มจะกลับมา…
ผมกลับมานอนบ้านได้ไงวะหรือว่ามันแบกมาส่ง?
กำลังงงสับสนกับตัวเองแต่ก็เริ่มสร่างขี้ตาถึงได้รู้ว่าผมน่ะไม่ได้กลับบ้าน กวาดตามัวๆ มองทุกอย่างก็พบว่าที่ผมยืนอยู่น่ะมันไม่ใช่ห้องผม
จากนั่งตั้งวงกันอยู่ชั้นล่างตอนนี้ผมอยู่ในห้องนอนไอ้ตั๊นมัน แม่งคงขี้เกียจแบกผมไปส่งบ้านมั้งจำได้ว่าเมื่อคืนดื่มไปหนักอยู่เหมือนกันเพราะตอนนี้ผมยังประติดประต่อเรื่องทุกอย่างในหัวไม่ได้เลย
คอแห้งชิบหาย…ปวดหัวอีก…
บ่นกับตัวเองแล้วเดินไปรูดปิดผ้าม่านเพื่อกลับมานอนที่เตียงใหม่ เห็นไอ้ตั๊นนอนตะแคงหันหลังหลับอย่างสบายใจก็เริ่มเกรงใจ
เก๊ง…
ปลายเท้าผมแตะโดนอะไรเหมือนเสียงหัวเข็มขัดเหมือนกันนะ?
รีบหันไปมองไอ้ตั๊นเพราะเกรงว่าความซุ่มซ่ามของผมจะทำมันตื่น
นิ่ง…
ผมเลยหันมาสนใจกับความซุ่มซ่ามของตัวเอง หรี่ตาพยายามเพ่งดูที่ปลายเท้าเวลาไม่ได้ใส่แว่นชีวิตผมมันก็เบลอไปหมดเหมือนเลนส์กล้องที่ปรับโฟกัสไม่ได้จนต้องก้มลงไปให้อยู่ในระยะสายตา
กางเกงกูมั้ย?
เหมือนจะใช่เพราะจำได้ว่าใส่เกงยีนส์มา คิดแล้วก็ก้มลงไปคว้ากางเกงขึ้นมาจะใส่ ไหนๆ ก็ไหนๆ ตื่นแล้วก็กลับไปนอนต่อที่บ้านตัวเองแล้วกัน
กำลังจะยกขาสอดเข้าไปในกางเกง
“เชี่ย!!” ถึงกับร้องลั่นเพราะสายตากดลงไปเห็นว่าตัวผมนั้นล่อนจ้อนไม่มีอะไรสักชิ้นที่ปิดบังร่างกาย
ย้ำนะครับไม่ใส่อะไรเลย!!!
เท่านั้นยังไม่พอจังหวะยกขาง่ายๆ ก็ทำผมร้าวตั้งแต่สันหลังยันบั้นท้ายอีกด้วย
เอาแล้วไง…
ใจไม่ดีแล้วกู
ภาพสุดท้ายที่ลางเลือนจำได้ว่าเหมือนผมจะโดนมัน…
“จูบ!!!” นี่ไม่ได้ฝันใช่มั้ยเมื่อคืนไอ้ตั๊นมันจูบผม
เลือดลมชักจะเดินติดขัดเรท18+ในหัวขึ้นมาเป็นฉากๆ จำได้อยู่ว่าจูบของมันร้อนแรงมากและทำเอาผมรู้สึกดีมากแค่ไหน
เมื่อคิดแบบนั้นผมก็หันไปมองคนที่ยังนอนหันหลังให้แถมยังผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ
“เชี่ย! จูบจริงเหรอวะ! ...” บ่นถามตัวเอง
เอาแล้วไงผมกับไอ้ตั๊นจูบกันชิบหายล่ะทีนี้
ผมจำไม่ได้ว่าคุยอะไรกับมันบ้างแล้วทำไมผมกับมันถึงได้จูบกัน แต่ตอนนี้ช่างมันก่อนผมควรจะรีบออกไปจากห้องนี้ก่อนที่ไอ้ตั๊นมันจะตื่นขึ้นมายอมรับครับว่าตอนนี้มองหน้าแม่งไม่ติด
จูบที่ลิ้นบดลิ้นมันยังติดอยู่ในหัวผม
ขนลุกไปหมดแล้วกู…
พยายามคิดในแง่ดีอยู่ว่าที่กูแก้ผ้านี่มาจากอารมณ์ขี้ร้อนตอนเมาขอให้ความปวดร้าวทั้งหลังที่ลามไปถึงก้นคือผมถูกมันถีบตกเตียง
รีบหากางเกงในตัวเองก่อนเป็นอย่างแรกไล่เปิดไปตามผ้าห่มก้มลงหาที่พื้น
เจอแล้วครับ…
ผมรีบรวบทุกอย่างที่เป็นของผมมากองรวมกันไว้ คว้าเกงในมาใส่เป็นอย่างแรกตามด้วยกางเกงยีนส์ทำทุกอย่างด้วยความรีบร้อน ล็อกหัวเข็มขัดไปตาก็กวาดมองหา
แว่น? ...
แว่นครับแว่นผมหาย? ...
อันนี้ไม่มีน่ะเรื่องใหญ่สายตาผมสั้นตั้งสี่ร้อยกว่ามองเห็นอะไรที่ชัดเจนได้ไม่ถึงหนึ่งช่วงแขนด้วยซ้ำ ผมกลับมาไล่หาของตัวเองอีกครั้งไล่เปิดผ้าห่มยกหมอนดูโต๊ะหัวเตียงแต่ก็ไม่เจอ ผมพยายามกวาดสายตามองไปรอบๆ คิดทบทวนว่าครั้งสุดท้ายวางมันไว้ตรงไหน
ยืนท้าวเอาเกาหัวหงุดหงิดกับตัวเองที่เมามากจนสติหายไปจริงๆ
“แว่นมึงอยู่นี่…” เสียงไอ้ตั๊นงัวเงียบอกผม
ตกใจ! ...แต่ก็นิ่งๆ เนียนๆ ไปก่อนครับ
“ขอบใจ” ผมรีบหยิบแว่นจากมือมันมาสวมในทันที
ความชัดเจนที่สายตามองผ่านเลนส์แว่นทรงกลมนั้นเผยให้ผมเห็นว่าตามเนื้อตัวของผมมีรอยแดงเป็นจ้ำ…ช้ำคล้ำสีแดงกล่ำบ้างในบางจุด
ช็อคที่สุดในชีวิตแล้วครับ
” เชี่ยไรวะเนี่ย?” ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้ามันอย่างตั้งคำถาม?
ไอ้ตั๊นไม่ตอบได้แต่หยักไหล่และยิ้มบางๆ ให้ผม
“เชี่ยตั๊น!”
ตอนนี้…
ผมเข้าใจได้ชัดเจนครับว่าการที่ผมไม่ใส่เสื้อผ้าเจ็บตรงนั้นและตามตัวมีแต่รอยคิสมาร์คนี้มันคืออะไร แม้จะยังจำภาพเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้ว่าเป็นผมหรือมันที่เผลอตัวไปก่อน
ฮือออ…
กูอยากจะร้องไห้
ผมรีบใส่เสื้อคว้ากระเป๋าตังค์กับมือถือตั้งใจชิ่งหนีมันกลับย้านตัวเอง
“มึงจะไปไหน?” ไอ้ตั๊นคว้าแขนผมเอาไว้แต่ผมฝืนตัวไม่อยากหันไปมองเพราะถ้าได้เห็นว่ามันเองก็ล่อนจ้อนผมคงสติแตกแน่ๆ
“กลับบ้าน” ผมตอบมันเสียงเรียบ
“ยัง…คุยกันก่อน” มันก้มลงมาข้างๆ ผม เห็นปลายมือที่คว้ากางบ็อคเซอร์ที่พื้นแล้วผมก็สติแตก
“เชี่ย!” รีบสะบัดมือออก
ขนลุกครับ…ผมขนลุกไปทั้งตัวพยายามไม่เชื่อว่าสิ่งที่คิดอยู่ในหัวจะเป็นเรื่องจริง
“กู…มีธุระต้องรีบไป” รีบบอกไอ้ตั๊นแล้วเดินตรงไปยังประตู
หนีสิครับผมต้องหนีเกินเลยกันไปแบบนี้ผมจะมีหน้ามองมันได้เต็มตาได้ไง
“เมื่อคืนกูกับมึง…”
“เดี๋ยว!” ผมรีบตะโกนแทรกก่อนที่ไอ้ตั๊นจะพูดในสิ่งที่ผมไม่อยากได้ยินออกมา
เดี๋ยวก่อนนะ… คิ้วขมวดเครียดเกร็งแถมยังได้แต่ยืนจิกกางเกงอยู่อย่างนั้น
“กูรับผิดชอบนะ…” มันเดินมาหาและจับมือผมไว้
“ระ…รับผิดชอบเชี่ยไร!” สะบัดมือออกเพราะตกใจ
รู้นะว่ามันหมายถึงรับผิดชอบเรื่องอะไรแต่ใจผมมันไม่อยากจะยอมรับ
“มึงเป็นเมียกู…”
“เมียเชี่ยไรกู! ...เป็นเพื่อนมึงไอ้ตั๊น!” ผมสวนกลับทันควันไม่แน่ใจว่ามิตรภาพที่ยาวนานจะกลับมาสผานสมานได้เหมือนเดิมรึเปล่า
ภูมิใจมากสินะที่ทำกูอ่ะ!
“กูเอามึงแล้ว…” มันย้ำช้าๆ ชัดๆ
“ไม่มึงกับกูเป็นเพื่อนกัน” ผมยืนยันคำเดิม
อารมณ์ในใจครุกรุ่นคิดว่าที่มันทำคือ อารมณ์ชั่ววูบของคนเมาและ…
ไอ่คำว่ารับผิดชอบที่บอกก็เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีของเราเอาไว้
ไม่จำเป็น…
กูไม่ได้อ่อนแออะไรขนาดนั้นอีกอย่างกูแทบจะจำเหตุการณ์เกินเลยกันไม่ได้เลยนอกจากจูบ
แต่…
ภาพในหัววนลูปเข้ามาเป็นฉากเป็นฉาก
ร่างกายที่เปลือยเปล่า นิ้วมือของไอ้ตั๊นที่แทรกเข้ามา ความรู้สึกเสียว เกร็ง ความเจ็บจุก อาการขนลุกแปลกๆ เสียงคราง เสียงหอบหายใจ
คำว่ารัก…
เดี๋ยวนะ! ...นี่มันบอกรักผมงั้นเหรอ!?
เกิดอาการวูบวาบปั่นป่วนในใจอีกครั้ง เสียงกระซิบคำว่ารักของมันเอาแต่วนซ้ำอยู่ในหัว
ผมอยู่ไม่ได้
รักเชี่ยอะไร? เป็นไปไม่ได้หรอกที่มันจะบอกรักผมน่ะ อารมณ์มากกว่าน่าจะมาจากอารมณ์พาไป
"กูไม่ใช่เมียมึงไอ้ตั๊นมึงกับกูเป็นเพื่อนกันและ...แม่งก็จะเป็นแบบนี้ตลอดไป" ผมเอ่ยย้ำคำว่าเพื่อนให้มันเข้าใจจ้องสบตาที่มีความวูบไหว
อย่าบอกนะว่ามันเสียใจ…
"กูไม่เคยเห็นมึงเป็นเพื่อนเลยไอ้นุ๊ก...ไม่เคยสักครั้งตั้งแต่เด็กกูคิดเกินเลยตลอด”
"แต่กูมีแฟนแล้ว! " ผมหาทางออกให้ตัวเอง
"มึงพึ่งเลิกกันเมื่อวาน กูขออยู่ตรงนั้นข้างๆ มึงได้มั้ยวะ" มันขยับเข้ามาใกล้ผมก็ถอยหนีเว้นระยะไว้เท่าเก่า
จ้องสบสายตาที่ดูผิดหวังเสียใจ
นี่ผมควรทำไง?
ทุกอย่างมันรวดเร็วเกินไปผมตั้งรับหรือคิดทบทวนไตร่ตรองอะไรไม่ทันหรอกนะ
ยอมรับนะครับว่าตอนนี้ในหัวผมความคิดมันตีกันไปหมด สับสน สงสัย ไม่เข้าใจ ลังเล ยิ่งคิดยิ่งเครียด
"...ไม่รู้ล่ะกูไม่เป็นอะไรกับมึงทั้งนั้น! " ผมรีบเดินออกไปจากห้องของมัน
“เดี๋ยวไอ้นุ๊ก!” ได้ยินเสียงไอ้ตั๊นตะโกนเรียกนะแต่ใครจะไปอยู่รอมันล่ะ
วิ่งลงบันไดเลี้ยวผ่านห้องรับแขกมองสภาพวงเหล้าที่นั่งแดกกันเมื่อคืนทุกอย่างวางอยู่ที่พื้นเหมือนเก่า
ดึงอารมณ์ความรู้สึกผมให้กลับเข้าไปในจุดนั้น
“เชี่ยนุ๊ก!” เตือนตัวเองแล้วส่ายหัวแรงๆ ไล่ความฟุ้งซ่าน
นี่กูเป็นเมียมันจริงๆ งั้นเหรอ?
ชิบหายล่ะทีนี้…
รีบเปิดและปิดประตูบ้าน
“อ้าว…ไอ่สนุ๊ก” เสียงเข้มของผู้ชายที่ไม่ใช่เสียงไอ้ตั๊นเรียดชื่อผม
หันไปมองก็เห็นผู้ชายร่างหนาที่มีรอยสักเต็มตัวส่งยิ้มมาให้
ใคร? ...
ประมวลผลในใจก่อนจะนึกได้และทักทายกลับ
“หวัดดีครับพี่ต่อย” ผมยกมือไหว้ผู้ชายคนนั้น เขาชื่อพี่ต่อยครับเป็นพี่ชายของไอ้ตั้นผมไม่เจอแกนายจากลุคคุณชายมาดดีตอนนี้กลายเป็นแบดบอยไปเสียได้
“ไงไม่เจอซะนาน” พี่ต่อยยิ้มมองผมอย่างสำรวจหาความเปลี่ยนไป
“สบายดีผมไปก่อนนะพี่หวัดดีครับ” ไม่รอให้พี่เขาอนุญาตผมรีบไหว้ลาแล้วเดินสวนออกไปจากบ้านทันที