#2กูรับผิดชอบเอง

2396 Words
กูรับผิดชอบเอง ครับ… ผมไม่รอให้มันพูดจบ ไม่รอให้มันเรียบเรียงความคิดทำความเข้าใจอะไรทั้งสิ้น ผมรู้แต่ว่าผมจะไม่รออีกแล้ว… มันจะให้รึไม่ให้ตอนนี้ผมไม่สนเพราะผม… จะเอา… ปากหนาของผมประกบจูบปากมันที่ยังอ้าปากพูดไม่จบคำดูดกลืนเอาความสงสัยทั้งหมดให้จางหายไปในที่สุด ผมแทรกลิ้นเข้ามาในปากมันที่อบอวลไปด้วยรสสุราจูบตวัดเกี่ยวล่อหลอกกับลิ้นมันที่เอาแต่ถอยหนี มันต่อต้านขัดขืนซึ่งผมไม่รู้ว่ามันตกใจ รังเกียจ รึว่าขยะแขยง แต่ยิ่งมันต่อต้านผมก็ยิ่งอยากเอาชนะ ยังไงวันนี้มึงก็ต้องเป็นเมียกูไอ้นุ๊ก… เมื่อคิดแบบนั้นมือหนาของผมก็ยื่นมาประคองท้ายทอยมันเอาไว้ ลิ้นร้อนยังคงตวัดไล่ล่อหลอกหยอกล้ออย่างไม่รู้เบื่อมือที่เคยจับที่หัวใจย้ายต่ำลงมาและหายลับเข้าไปในเสื้อของมัน สัมผัสผิวกายที่หยาบกร้านไม่ได้นุ่มนิ่มหรือหอมหวานเหมือนดั่งผู้หญิงแต่กลับกระตุ้นอารมณ์และความต้องการผมได้เป็นอย่างดี นี่คืออิทธิพลของความรัก… มองข้ามเพศสภาพเพราะเต็มอิ่มอยู่กับควรมรู้สึกที่ตระหนักรู้ชัดในใจ จะได้ครอบครองแล้วสินะ… ตื่นเต้นไม่เป็นตัวของตัวเองขึ้นมาเมื่อหลุดคิดไปถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าที่ยังไม่เกิด “อื้อ! ...” ไอ้นุ๊กผลักผมออก ใบหน้าหนุ่มแว่นยามนี้แดงกล่ำเพราะฤทธิ์สุราหายใจเหนื่อยหอบจ้องหน้าผมอย่างสับสนไม่เข้าใจ สมองคนเมาคงกำลังประเมิณผลว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เป็นเรื่องจริงเรื่องเล่น เป็นความจริงความฝัน ที่ผมคิดแบบนั้นเพราะมันเอาแต่จ้องผมนิ่งค้างแม้แต่ตายังไม่ยอมกระพริบ หรือว่าจิตหลุดไปแล้ว… “ไอ้นุ๊ก” ผมเลือกที่จะเขย่าแขนปลุกมัน “มึงจูบกู…ทำไม? …” น้ำเสียงที่ถามกลับตะกุกตะกักจนผมเดาความคิดจากความีรู้สึกมันได้ “รังเกียจมั้ย” ผมไม่ตอบแต่กลับยิ้มและย้อนถามมันแทน “ห๊ะ?” “เงียบ…แปลว่าไม่นะ” ผมยิ้มเอ็นดูกับความสับสนในแววตาของมัน น่ารักจัง… มันน่ารัก… จับปลายคางหนุ่มแว่นให้เชิดขึ้นก่อนที่จะทาบริมฝีปากลงไป “อะไรของมึง? ...กูถามก่อนว่ามึงจูบกู…ทำไม?” ไอ้นุ๊กย้อนถามมผมอีกครั้งและปัดมือผมที่ตอนนี้เอาแต่ลูบแก้มสากที่กลับให้ความรู้สึกนุ่มนิ่มจนอยากจับแก้มเล่น “กู…” ผมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “ไม่ได้จะทำแค่จูบนะ” “..? ..” “มึงน่ารักมากรู้ตัวรึเปล่า” ผมกระซิบบอกมันใกล้ๆ สูดกลิ่นตัวที่เจือกลิ่นสุราจางๆ “ไม่…มึงถอยออกไปอย่ามานั่งใกล้ๆ กู” “ทำไมล่ะมึงเองก็รู้สึกดีไม่ใช่เหรอ?” “ไอ้เชี่ย! ...มึง…” ด่ายังไม่ทันจะจบคำดีมือหนาของผมก็คว้าตัวคนตรงหน้าเข้าไปหา อกเบียดอกหน้าชนหน้าลมหายใจอุ่นๆ สาดรสกลิ่นสุราใส่กัน สายตาคมของผมจ้องสบตาแผ่นเลนส์แว่นและเริ่มขยับเอียงเข้าไปหาใกล้มากชึ้นเรื่อยๆ เหมือนมีแรงดึงดูด ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ จนริมฝีปากผมบดเบียดอยู่เหนือริมฝีปากบางสองมือหนาสอดประคองเข้าไปจับล็อคลำคอไว้มั่นปลายนิ้งโป้งลากไล้อยู่ปลายริมฝีปากอย่างอ่อนโยน ทำอย่างไรดี? ... ห้ามไม่ไหวจริงๆ แล้วสิทีนี้วูบวาบไปทั้งตัวจนไม่แน่ใจว่าตอนนี้ กูเมา… หรือว่าปรานารถที่จะลึกซึ้งกับมัน กูเมาแหล่ะ… แต่เมาเพราะถูกไอ้นุ๊กมันมอมเมา หลงไปทุกส่วนจับตรงไหนก็ปลุกเร้าผมไปหมดวันนี้ไม่ได้หยุดแค่จูบหรอกนะ บรรยากาศรอบตัวที่ร้อนอบอ้าวทำให้ผมลืมตาตื่นขึ้นมานั่งด้วยความหงุดหงิด ค่อยๆ เปิดเปลือกตาหนักที่ยังคงปิดสนิทไม่อยากที่จะลืม ง่วงชิบหาย… มองลำแสงสว่างจ้าที่สาดใส่ตัวจนรู้สึกแสบตาไปหมด สรุปที่ร้อนคือลืมปิดม่านเมื่อคืนหรอกเหรอวะ เกาหัว เกาพุง เกาทุกอย่างระบายความหงุดหงิดออกมาพร้อมกับหย่อนขาลงจากเตียงและ ลุกขึ้น… “อ๊ะ! ...” เอามือจับตูดเพราะรู้สึกได้ถึงความผิดปรกติที่มันเจ็บแปล๊บๆ แถมยังขัดๆ เหมือนออกกำลังหนักแล้วมันเคล็ดขัดยอก แต่ผมไปออกกำลังกายที่ไหนเมื่อวานไปแดกเหล้าบ้านไอ้ตั๊นนี่นา คิดแบบนั้นสติก็เริ่มจะกลับมา… ผมกลับมานอนบ้านได้ไงวะหรือว่ามันแบกมาส่ง? กำลังงงสับสนกับตัวเองแต่ก็เริ่มสร่างขี้ตาถึงได้รู้ว่าผมน่ะไม่ได้กลับบ้าน กวาดตามัวๆ มองทุกอย่างก็พบว่าที่ผมยืนอยู่น่ะมันไม่ใช่ห้องผม จากนั่งตั้งวงกันอยู่ชั้นล่างตอนนี้ผมอยู่ในห้องนอนไอ้ตั๊นมัน แม่งคงขี้เกียจแบกผมไปส่งบ้านมั้งจำได้ว่าเมื่อคืนดื่มไปหนักอยู่เหมือนกันเพราะตอนนี้ผมยังประติดประต่อเรื่องทุกอย่างในหัวไม่ได้เลย คอแห้งชิบหาย…ปวดหัวอีก… บ่นกับตัวเองแล้วเดินไปรูดปิดผ้าม่านเพื่อกลับมานอนที่เตียงใหม่ เห็นไอ้ตั๊นนอนตะแคงหันหลังหลับอย่างสบายใจก็เริ่มเกรงใจ เก๊ง… ปลายเท้าผมแตะโดนอะไรเหมือนเสียงหัวเข็มขัดเหมือนกันนะ? รีบหันไปมองไอ้ตั๊นเพราะเกรงว่าความซุ่มซ่ามของผมจะทำมันตื่น นิ่ง… ผมเลยหันมาสนใจกับความซุ่มซ่ามของตัวเอง หรี่ตาพยายามเพ่งดูที่ปลายเท้าเวลาไม่ได้ใส่แว่นชีวิตผมมันก็เบลอไปหมดเหมือนเลนส์กล้องที่ปรับโฟกัสไม่ได้จนต้องก้มลงไปให้อยู่ในระยะสายตา กางเกงกูมั้ย? เหมือนจะใช่เพราะจำได้ว่าใส่เกงยีนส์มา คิดแล้วก็ก้มลงไปคว้ากางเกงขึ้นมาจะใส่ ไหนๆ ก็ไหนๆ ตื่นแล้วก็กลับไปนอนต่อที่บ้านตัวเองแล้วกัน กำลังจะยกขาสอดเข้าไปในกางเกง “เชี่ย!!” ถึงกับร้องลั่นเพราะสายตากดลงไปเห็นว่าตัวผมนั้นล่อนจ้อนไม่มีอะไรสักชิ้นที่ปิดบังร่างกาย ย้ำนะครับไม่ใส่อะไรเลย!!! เท่านั้นยังไม่พอจังหวะยกขาง่ายๆ ก็ทำผมร้าวตั้งแต่สันหลังยันบั้นท้ายอีกด้วย เอาแล้วไง… ใจไม่ดีแล้วกู ภาพสุดท้ายที่ลางเลือนจำได้ว่าเหมือนผมจะโดนมัน… “จูบ!!!” นี่ไม่ได้ฝันใช่มั้ยเมื่อคืนไอ้ตั๊นมันจูบผม เลือดลมชักจะเดินติดขัดเรท18+ในหัวขึ้นมาเป็นฉากๆ จำได้อยู่ว่าจูบของมันร้อนแรงมากและทำเอาผมรู้สึกดีมากแค่ไหน เมื่อคิดแบบนั้นผมก็หันไปมองคนที่ยังนอนหันหลังให้แถมยังผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ “เชี่ย! จูบจริงเหรอวะ! ...” บ่นถามตัวเอง เอาแล้วไงผมกับไอ้ตั๊นจูบกันชิบหายล่ะทีนี้ ผมจำไม่ได้ว่าคุยอะไรกับมันบ้างแล้วทำไมผมกับมันถึงได้จูบกัน แต่ตอนนี้ช่างมันก่อนผมควรจะรีบออกไปจากห้องนี้ก่อนที่ไอ้ตั๊นมันจะตื่นขึ้นมายอมรับครับว่าตอนนี้มองหน้าแม่งไม่ติด จูบที่ลิ้นบดลิ้นมันยังติดอยู่ในหัวผม ขนลุกไปหมดแล้วกู… พยายามคิดในแง่ดีอยู่ว่าที่กูแก้ผ้านี่มาจากอารมณ์ขี้ร้อนตอนเมาขอให้ความปวดร้าวทั้งหลังที่ลามไปถึงก้นคือผมถูกมันถีบตกเตียง รีบหากางเกงในตัวเองก่อนเป็นอย่างแรกไล่เปิดไปตามผ้าห่มก้มลงหาที่พื้น เจอแล้วครับ… ผมรีบรวบทุกอย่างที่เป็นของผมมากองรวมกันไว้ คว้าเกงในมาใส่เป็นอย่างแรกตามด้วยกางเกงยีนส์ทำทุกอย่างด้วยความรีบร้อน ล็อกหัวเข็มขัดไปตาก็กวาดมองหา แว่น? ... แว่นครับแว่นผมหาย? ... อันนี้ไม่มีน่ะเรื่องใหญ่สายตาผมสั้นตั้งสี่ร้อยกว่ามองเห็นอะไรที่ชัดเจนได้ไม่ถึงหนึ่งช่วงแขนด้วยซ้ำ ผมกลับมาไล่หาของตัวเองอีกครั้งไล่เปิดผ้าห่มยกหมอนดูโต๊ะหัวเตียงแต่ก็ไม่เจอ ผมพยายามกวาดสายตามองไปรอบๆ คิดทบทวนว่าครั้งสุดท้ายวางมันไว้ตรงไหน ยืนท้าวเอาเกาหัวหงุดหงิดกับตัวเองที่เมามากจนสติหายไปจริงๆ “แว่นมึงอยู่นี่…” เสียงไอ้ตั๊นงัวเงียบอกผม ตกใจ! ...แต่ก็นิ่งๆ เนียนๆ ไปก่อนครับ “ขอบใจ” ผมรีบหยิบแว่นจากมือมันมาสวมในทันที ความชัดเจนที่สายตามองผ่านเลนส์แว่นทรงกลมนั้นเผยให้ผมเห็นว่าตามเนื้อตัวของผมมีรอยแดงเป็นจ้ำ…ช้ำคล้ำสีแดงกล่ำบ้างในบางจุด ช็อคที่สุดในชีวิตแล้วครับ ” เชี่ยไรวะเนี่ย?” ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้ามันอย่างตั้งคำถาม? ไอ้ตั๊นไม่ตอบได้แต่หยักไหล่และยิ้มบางๆ ให้ผม “เชี่ยตั๊น!” ตอนนี้… ผมเข้าใจได้ชัดเจนครับว่าการที่ผมไม่ใส่เสื้อผ้าเจ็บตรงนั้นและตามตัวมีแต่รอยคิสมาร์คนี้มันคืออะไร แม้จะยังจำภาพเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้ว่าเป็นผมหรือมันที่เผลอตัวไปก่อน ฮือออ… กูอยากจะร้องไห้ ผมรีบใส่เสื้อคว้ากระเป๋าตังค์กับมือถือตั้งใจชิ่งหนีมันกลับย้านตัวเอง “มึงจะไปไหน?” ไอ้ตั๊นคว้าแขนผมเอาไว้แต่ผมฝืนตัวไม่อยากหันไปมองเพราะถ้าได้เห็นว่ามันเองก็ล่อนจ้อนผมคงสติแตกแน่ๆ “กลับบ้าน” ผมตอบมันเสียงเรียบ “ยัง…คุยกันก่อน” มันก้มลงมาข้างๆ ผม เห็นปลายมือที่คว้ากางบ็อคเซอร์ที่พื้นแล้วผมก็สติแตก “เชี่ย!” รีบสะบัดมือออก ขนลุกครับ…ผมขนลุกไปทั้งตัวพยายามไม่เชื่อว่าสิ่งที่คิดอยู่ในหัวจะเป็นเรื่องจริง “กู…มีธุระต้องรีบไป” รีบบอกไอ้ตั๊นแล้วเดินตรงไปยังประตู หนีสิครับผมต้องหนีเกินเลยกันไปแบบนี้ผมจะมีหน้ามองมันได้เต็มตาได้ไง “เมื่อคืนกูกับมึง…” “เดี๋ยว!” ผมรีบตะโกนแทรกก่อนที่ไอ้ตั๊นจะพูดในสิ่งที่ผมไม่อยากได้ยินออกมา เดี๋ยวก่อนนะ… คิ้วขมวดเครียดเกร็งแถมยังได้แต่ยืนจิกกางเกงอยู่อย่างนั้น “กูรับผิดชอบนะ…” มันเดินมาหาและจับมือผมไว้ “ระ…รับผิดชอบเชี่ยไร!” สะบัดมือออกเพราะตกใจ รู้นะว่ามันหมายถึงรับผิดชอบเรื่องอะไรแต่ใจผมมันไม่อยากจะยอมรับ “มึงเป็นเมียกู…” “เมียเชี่ยไรกู! ...เป็นเพื่อนมึงไอ้ตั๊น!” ผมสวนกลับทันควันไม่แน่ใจว่ามิตรภาพที่ยาวนานจะกลับมาสผานสมานได้เหมือนเดิมรึเปล่า ภูมิใจมากสินะที่ทำกูอ่ะ! “กูเอามึงแล้ว…” มันย้ำช้าๆ ชัดๆ “ไม่มึงกับกูเป็นเพื่อนกัน” ผมยืนยันคำเดิม อารมณ์ในใจครุกรุ่นคิดว่าที่มันทำคือ อารมณ์ชั่ววูบของคนเมาและ… ไอ่คำว่ารับผิดชอบที่บอกก็เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีของเราเอาไว้ ไม่จำเป็น… กูไม่ได้อ่อนแออะไรขนาดนั้นอีกอย่างกูแทบจะจำเหตุการณ์เกินเลยกันไม่ได้เลยนอกจากจูบ แต่… ภาพในหัววนลูปเข้ามาเป็นฉากเป็นฉาก ร่างกายที่เปลือยเปล่า นิ้วมือของไอ้ตั๊นที่แทรกเข้ามา ความรู้สึกเสียว เกร็ง ความเจ็บจุก อาการขนลุกแปลกๆ เสียงคราง เสียงหอบหายใจ คำว่ารัก… เดี๋ยวนะ! ...นี่มันบอกรักผมงั้นเหรอ!? เกิดอาการวูบวาบปั่นป่วนในใจอีกครั้ง เสียงกระซิบคำว่ารักของมันเอาแต่วนซ้ำอยู่ในหัว ผมอยู่ไม่ได้ รักเชี่ยอะไร? เป็นไปไม่ได้หรอกที่มันจะบอกรักผมน่ะ อารมณ์มากกว่าน่าจะมาจากอารมณ์พาไป "กูไม่ใช่เมียมึงไอ้ตั๊นมึงกับกูเป็นเพื่อนกันและ...แม่งก็จะเป็นแบบนี้ตลอดไป" ผมเอ่ยย้ำคำว่าเพื่อนให้มันเข้าใจจ้องสบตาที่มีความวูบไหว อย่าบอกนะว่ามันเสียใจ… "กูไม่เคยเห็นมึงเป็นเพื่อนเลยไอ้นุ๊ก...ไม่เคยสักครั้งตั้งแต่เด็กกูคิดเกินเลยตลอด” "แต่กูมีแฟนแล้ว! " ผมหาทางออกให้ตัวเอง "มึงพึ่งเลิกกันเมื่อวาน กูขออยู่ตรงนั้นข้างๆ มึงได้มั้ยวะ" มันขยับเข้ามาใกล้ผมก็ถอยหนีเว้นระยะไว้เท่าเก่า จ้องสบสายตาที่ดูผิดหวังเสียใจ นี่ผมควรทำไง? ทุกอย่างมันรวดเร็วเกินไปผมตั้งรับหรือคิดทบทวนไตร่ตรองอะไรไม่ทันหรอกนะ ยอมรับนะครับว่าตอนนี้ในหัวผมความคิดมันตีกันไปหมด สับสน สงสัย ไม่เข้าใจ ลังเล ยิ่งคิดยิ่งเครียด "...ไม่รู้ล่ะกูไม่เป็นอะไรกับมึงทั้งนั้น! " ผมรีบเดินออกไปจากห้องของมัน “เดี๋ยวไอ้นุ๊ก!” ได้ยินเสียงไอ้ตั๊นตะโกนเรียกนะแต่ใครจะไปอยู่รอมันล่ะ วิ่งลงบันไดเลี้ยวผ่านห้องรับแขกมองสภาพวงเหล้าที่นั่งแดกกันเมื่อคืนทุกอย่างวางอยู่ที่พื้นเหมือนเก่า ดึงอารมณ์ความรู้สึกผมให้กลับเข้าไปในจุดนั้น “เชี่ยนุ๊ก!” เตือนตัวเองแล้วส่ายหัวแรงๆ ไล่ความฟุ้งซ่าน นี่กูเป็นเมียมันจริงๆ งั้นเหรอ? ชิบหายล่ะทีนี้… รีบเปิดและปิดประตูบ้าน “อ้าว…ไอ่สนุ๊ก” เสียงเข้มของผู้ชายที่ไม่ใช่เสียงไอ้ตั๊นเรียดชื่อผม หันไปมองก็เห็นผู้ชายร่างหนาที่มีรอยสักเต็มตัวส่งยิ้มมาให้ ใคร? ... ประมวลผลในใจก่อนจะนึกได้และทักทายกลับ “หวัดดีครับพี่ต่อย” ผมยกมือไหว้ผู้ชายคนนั้น เขาชื่อพี่ต่อยครับเป็นพี่ชายของไอ้ตั้นผมไม่เจอแกนายจากลุคคุณชายมาดดีตอนนี้กลายเป็นแบดบอยไปเสียได้ “ไงไม่เจอซะนาน” พี่ต่อยยิ้มมองผมอย่างสำรวจหาความเปลี่ยนไป “สบายดีผมไปก่อนนะพี่หวัดดีครับ” ไม่รอให้พี่เขาอนุญาตผมรีบไหว้ลาแล้วเดินสวนออกไปจากบ้านทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD