#1หัวใจมึงกูดูแลเอง
หัวใจมึงกูดูแลเอง
เสียงแม่ที่ตะโกนเรียกว่ามีเพื่อนมาหาทำเอาผมแปลกใจว่าเพื่อนที่ว่านั้นเป็นใคร ไม่ใช่ว่าผมไม่คบค้าสมาคมกับใครแต่เพราะเพื่อนผมที่มาบ้านมีอยู่คนเดียวคือไอ้ตั๊นบ้านมันอยู่ห่างออกไปไม่เท่าไหร่และที่สำคัญคือมันเขานอกออกในบ้านผมยังไงก็ได้ไม่เคยอาสัยแม่ให้เป็นฝ่ายตะโกนเรียกแบบนี้
คิดไปขาของผมก็ก้าวพ้นออกไปนอกตัวบ้านเห็นรถแฮชแบคสีขาวสัญชาติญี่ปุ่นก็เริ่มรู้ว่าเพื่อนที่แม่บอกนั้นคือใคร
“นิหน่ามีอะไรรึเปล่าทำไมมาถึงบ้านนุ๊กได้ล่ะ” ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงสวมแว่นหนาพูดกับหญิงสาวรูปร่างบางตัวเล็กน่ารักด้วยความแปลกใจ
ขอแนะนำทุกคนให้รู้จักนิหน่า แฟน ผมครับ
“ถ้าไม่มาหาก็คงไม่ได้เจอหน้านุ๊กสินะ” หญิงสาวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกชัดว่ากำลังเหนื่อยใจ
ได้ยินแบบนั้นผมก็รีบเอามือตบไปตามกระเป๋ากางเกงเพราะไม่แน่ใจว่าเอามือถือตัวเองไปวางไว้ส่วนไหนของโลก
มี…
แต่ไม่ชอบพกเท่าไหร่ครับมันก็เป็นธรรมดานะครับที่จะทำแฟนหงุดหงิดไม่พอใจ ผมเจอแบบนี้บ่อยเข้าใจดีว่าต้องทำตัวอย่างไรเพราะผมเองล่ะที่ชอบหายหน้าไปทำเหมือนว่าผมกับนิหน่าไม่ได้เป็นอะไรกัน
สำหรับผมการรักษาความสัมพันธ์ชายหญิงในฐานะคนรักมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับสำหรับผมด้วยเรื่องเรียนที่กินพื้นที่ชีวิตผมเป็นส่วนใหญ่รองลงมาก็ยกให้เพื่อนไปเกือบหมด นิหน่าที่คบมาตั้งแต่สมัยมัธยม.6และเรียนคนละมหาลัยจึงถูกลดบทบาทความสำคัญไปผิดที่ผมเองก็ไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกเธอนัก
ยอมรับ…
เพราะแค่เรื่องเรียนผมก็หนักพอแล้วเวลานอนก็แทบจะไม่มี กิจกรรมอื่นๆ นี่ไม่ต้องพูดถึง
“เดี๋ยวสิเป็นไรโกรธอะไรนุ๊ก…” มือหนาคว้าจับไปที่มือบางมองสบนัยตาหวานอย่างมีความหมาย แม้ผมจะไม่ค่อยได้ใส่ใจแต่ทุกครั้งที่มีเวลาอยู่ด้วยกันผมก็ตามใจและเอาใจใส่แทคแคร์เธอเต็มที่เสมอ
เห็นสายตานิหน่าที่มองมาอ่อนไหวไปเพียงครู่มือเล็กเรียวปัดดันมือผมที่จับมือเธออยู่ให้หลุดออกไปตามด้วยการขยับถอยห่างออกไปแบบเว้นระยะสองแขนประสานไขว้กอดอกมองมาที่ผมพร้อมถอนหายใจ
“เลิกกันเถอะ!”
ไม่ใช่ผมครับที่เป็นผ่ายพูดคำว่าเลิกออกมา
“นิหน่า…” ผมถอดถอนใจแต่ก็ยังเดินมาหาหญิงสาวพยายามจะกอดเธอเอาไว้ซึ่งแน่นอนว่าเธอปฏิเสธและผลักผมออกอย่างไร้เยื่อใย
“หยุด! ...พอแล้วนุ๊กเลิกทำแบบนี้สักทีนิหน่าเหนื่อยกอดเดียวของนุ๊กมันชดเชยทุกนาทีที่นิหน่าต้องอดทนต้องเข้าใจนุ๊กไม่ได้หรอกนะ”
“นุ๊กรักนิหน่ามากนะ…”
“แล้วไงล่ะรักแล้วเคยมีเวลาให้มั้ย เคยไลน์หามั้ย เคยโทรหามั้ย เคยพาไปกินข้าวมั้ย เคยชวนไปดูหนังมั้ย เคยไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันมั้ย…ไม่เคยไม่มีเลย!!! ...นุ๊กเอาแต่พูดถึงโปรแจ็ค งาน! งาน! งาน!”
“นุ๊กเรียนหนักงานเยอะนิหน่าก็รู้ดีที่ผ่านมามันก็ดีไม่ใช่เหรอ?”
“พอ! ...นุ๊กไม่ต้องพูดหรอกนิหน่าไม่ดีเอง นิหน่าอดทนต่อไปไม่ไหวเองพอเท่านี้เถอะก่อนจะเกลียดกัน…” นิหน่าปาดน้ำตาก่อนจะเดินหนีผมกลับมาที่รถ
“เดี๋ยวสินิหน่าคุยกันก่อน!”
“ไม่! ...ปล่อยแขนนิหน่านะนุ๊กอย่ามารั้งเพราะมันไม่มีประโยชน์” เธอสะบัดแขนออกแรงดันผมให้ขยับห่างจากรถ สิ่งที่ผมทำคือเพียงมองดูอดีตแฟนตัวเองขับรถออกไป
“แม่งเอ๊ย!!!” ผมหันไประบายอารมณ์ใส่กระถางต้นไม้หน้าบ้าน ในใจมันหงุดหงิดรู้สึกแย่แต่ไม่ถึงขั้นฟูมฟายนี่ผมรักนิหน่ารึเปล่าปากว่ารักแต่ทำไมยามเสียเธอไปผมกลับรู้สึกแปลกประหลาดในใจ
รู้สึกเศร้าที่ต้องปล่อยเธอไปแต่ก็รู้สึกดีที่ตัดเรื่องรบกวนใจออกไปได้หนึ่งอย่าง
ผมมัน…
เป็นพวกความรู้สึกช้าแถมด้านชารึเปล่า?
ติ๊งต่องๆ! ...
เสียงกดออดดังซ้ำอยู่หน้าบ้านดึงให้ตัวผมต้องลากสังขารตัวเองจากชั้นบนลงมาเพื่อเปิดประตู ไม่ต้องดูก็รู้ว่าใครกดแบบไม่มีมารยาทก็ยกให้แค่มันคนเดียว
ไอ้นุ๊ก…
มองหนุ่มแว่นผ่านไอแดดอันร้อนระอุยามเที่ยงวัน เดินตาหยีเอามือป้องหน้าผากไปเปิดประตูให้มันที่ทำตัวมีมารยาทเวลาที่จะเข้าบ้านคนอื่น แต่ในใจก็อยากจะบอกมันว่าถ้ามึงจะกระหน่ำกดขนาดนี้มึงเปิดเข้ามาเองเลยดีกว่าไม่ต้องมีมารยาทห่าเหวอะไรกับกูหรอก
“ไง…” ผมทักมันพร้อมกับมองถุงที่มันถือติดมือมาด้วย
“แดกเหล้ากัน” ไอ้นุ๊กชูอุปกรณ์การดื่มขึ้นมาเสมอไหล่พลางส่งยิ้มที่ทำให้ผมรู้ได้ว่าแม่งกำลังเศร้า
“เออ…เข้ามาก่อน” มองตามหลังมันที่เดินนำเข้าบ้านไป คอตกเดินห่อไหล่ อาการซึมๆ แบบนี้ก็พอจะเดาได้อยู่
เหล้า โซดา กระติกน้ำแข็ง แก้ว กับแกล้มพร้อมแล้วครับ
“มึงเป็นไร” ผมตัดสินใจถามออกไปเมื่อเห็นเพื่อนรักเอาแต่นั่งดื่มโดยไม่พูดไม่จาทั้งที่ปรกติมันจะระบายออกมาตั้งแต่ยังไม่หมดแก้วแรก
แปลกๆ นะวันนี้…
“กู…เลิกกับนิหน่าแล้วว่ะ” ชายหนุ่มรูปร่างสูงขาวสวมแว่นสายตากล่าวกับผมดั่งคนสิ้นหวังก่อนจะกระดกเหล้าที่ค้างก้นแก้วเข้าปาก
บอกไม่ถูกว่าผมรู้สึกยังไงสิ่งที่คิดกับสิ่งที่ต้องพูดออกไปมักสวนทางกันในทุกครั้งจนผมเองก็อึดอัดไม่ต่างกับมันที่กำลังรู้สึดหดหู่อยู่ในตอนนี้
ผมไม่ได้ตอบไม่รู้ต้องซัฟพอร์ตมันด้วยคำพูดยังไงรู้แต่ผมรีบดึงขวดเหล้ามาวางไว้ข้างตัวพร้อมกับชงเหล้าให้มันแดกแทนการปล่อยให้มันเทเหล้าเพียวๆ
ไอ้แว่นนี่ชื่อสนุ๊กครับ
ขอแนะนำมันอย่างเป็นทางการ ผมเรียกมันว่านุ๊กถ้าถามว่าเราสนิทกันมั้ยก็เรียกได้ว่าสนิทนะครับเพราะผมรู้จักกับมันมาตั้งแต่ประถมแถมบ้านก็ยังอยู่ใกล้กันอีก
ทุกครั้งที่มันมีเรื่องไม่สบายใจมันจะมานั่งแดกเหล้ากับผม ระบาย บ่นนั่นนี่ไปเรื่อย
ผมก็ทำได้แต่ฟังทั้งที่ในใจอยากจะตะโกนด่ามันให้สิ้นเรื่องสิ้นราว
แต่ผมก็ไม่ทำ!
เพราะอะไรน่ะเหรอ?
ผมชอบมันไง…
ใช่! ...
ฟังไม่ผิดหรอก…
ผมชอบมันจริงๆ ชอบมาก ชอบมานานจนไม่ได้นับว่าตัวเองรู้สึกกับมันมานานแค่ไหน เจ็บปวด อึดอัดใจกี่ครั้งเวลาที่ได้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจให้มัน
ปากบอกให้รักกันแต่ใจแช่งให้แม่งเลิกกันไปซะที
ครั้งนี้ก็ไม่ต่างนิหน่าอะไรนั่นก็คบกันตั้งแต่ม.6 ผมรู้จักเห็นพัฒนาการความรักที่ดิ่งลงดิ่งลงมาโดยตลอด
ไม่มีใครทนมันได้หรอกนอกจากผม…
เพราะงั้นหลังจากนี้ผมจะไม่อดทน เบื่อฟังคนบื้ออย่างมันโง่งมกับความรู้สึกตัวเอง
มันต้องเป็นของผมเท่านั้น
คนใจร้อนที่แสร้งทำตัวเป็นคนเยือกเย็นอดทนเพื่อที่จะอยู่เคียงข้างมัน
พอ…
พอแล้ว…
ไม่ทนอีกแล้ว! ...
“เลิกก็ดีแล้ว…นิหน่าไม่เหมาะกับมึงหรอก”
“ทำไมวะ! ...มึงแม่งไม่เข้าข้างกูเลยนะเชี่ยตั๊นถึงกูจะไม่มีเวลาให้ถึงกูจะโปรเจ็คเยอะจนท่วมหัวแล้วไงวะ? กูไม่เคยนอกใจนิหน่าสักครั้งกูว่ากูรักมากด้วยซ้ำ…”
ผลัก! ...
หมัดหนักถูกปล่อยออกไป
“โอ๊ย! เชี่ยตั๊นมึงต่อยกูทำไมเนี่ย! ...” ไอ้นุ๊กลูบปลายคางตัวเองมองผมที่หน้าตึงเพราะฟิวขาดกับคำว่ารักที่มันพูดออกมาง่ายๆ
รักเชี่ยไร!
มึงมีแฟนมาหลายคนก็จริงแต่มึงแม่งไม่เคยเข้าใจความหมายของคำว่ารักเลยสักนิด
ที่มึงบ่นอยู่เนี่ยมึงแค่เสียดาย
มึงเสียดายเวลา เสียดายความสัมพันธ์ที่มึงคิดไปเองคนเดียวว่าดีแต่อีกฝ่ายเขารู้สึกว่าแม่งไม่มีเหี้ยอะไรดีพอให้จำ ผู้หญิงทุกคนที่มึงคบเขาถึงได้ทิ้งมึงไง
เพราะมึงดูแลใครไม่เป็น…
“แดกๆ ไปอย่าพูดมาก!” ผมว่าขณะที่กำลังสงบสติอารมณ์ตัวเองไปด้วย
“อะไรของมึงวะโกรธอะไรกูเนี่ย!”
“แดก! อย่าถามมาก!” ผมขึ้นเสียงใส่และยกแก้วไปกระแทกปากมัน “แดกให้หมด!”
"เออ..." ไอ้นุ๊กรับแก้วมาถือกระดกเหล้าเพียวๆ เข้าปากรวดเดียวหมดอย่างว่าง่าย ผมทำแบบนั้นอยู่หลายรอบจนมันออกอาการเมาอย่างเห็นได้ชัด
“มึงฟังนะไอ้นุ๊ก…กูไม่อยากเห็นมึงในสภาพนี้อีกแล้ว”
“กู…ขอโทษ…ที่ทำตัวเป็นภาระมึง” สนุ๊กหน้าแดงมองผมตาปรือใบหน้าดูมีความสำนึกผิด
มึงไม่เป็นภาระกูสักนิด…
“เปล่า…มึงพึ่งกูได้กูอยากให้มึงนึกถึงกูคนแรกแต่…..” ผมขยับเข้าไปนั่งใกล้มัน
ผมพูดจริง...
ไม่ว่าปัญหามันจะเล็กจะใหญ่ ผมอยากเป็นคนแรกที่รับรู้และยืนอยู่ข้างๆ มัน
“อะไรวะ? ....” มันมองผมงงๆ ที่อยู่ๆ ก็ขยับมานั่งใกล้ๆ
ผมยื่นมือไปจับที่อกข้างซ้ายของมันรับรู้ทุกจังหวะการเต้นของหัวใจที่สม่ำเสมออย่างชัดเจน
คงจะดีถ้าหัวใจมึงมันจะเต้นรัวเพราะกูสักครั้ง...
กูคงมีความสุขมากที่สุด...
“หัวใจของมึง..."
"ทำไมวะ? ..." สนุ๊กงงกับท่าทางแปลกๆ ของผม
"หัวใจมึง...ไอ้นุ๊ก" ผมจ้องคอและหูแดงแดงจัดแสดงว่าคนตรงหน้าผมเริ่มประคองสติไม่ค่อยได้
"...เออ...หัวใจกูทำไม? " มันยิ้มขำคำพูดครึ่งๆ กลางๆ ของผม “เป็นหมอรึไงจะมาวุ่นวายอะไรกับหัวใจกูห๊ะ?”
"กู...จะดูแลเอง”
"เออ ดูแล…
??? ...
ห๊ะ!!!! ....” มันหันควับมาจ้องหน้าผม
"หัวใจมึง...กูจะดูแลเอง" ผมย้ำอีกครั้ง
“มึงจะมาดูแลหัวใจกูทำไม…มึงเมาแล้วไอ้ตั๊น” ไอ้นุ๊กเฉไฉบ่ายเบี่ยงเอาแขนดันตัวผมออกสายตาท่าทางมีความระแวงไม่ไว้ใจตอนนี้มันทำตัวไม่ถูกแล้วครับ
น่ารัก…ผมหลุดยิ้ม
“ก็คงไม่เท่ามึงหรอก” ผมย้อนพลางมองมันที่แดงจัดไปทั้งตัวไม่รู้ว่าเมารึว่ากำลังเขินผมอยู่กันแน่
แต่แม่งโคตรน่ากิน…
เผลอเลียริมฝีปากเมื่อจินตนาการไปว่าตัวเองได้ชิมบางอย่าง
ไม่ไหวแล้วครับ…
“กูขอนะ…” ผมขยับเข้าไปเบียดหามันอีกจนได้ กูยังใจไม่ไหวตอนนี้กูควรทำไงกับมึงดีวะไอ้นุ๊ก
“ขอ? ...ขออะไร? ...” มันทำหน้าเหว๋อ
“หัวใจมึงน่ะ”
“ไม่…หัวใจกูก็ต้องปะ…”
เสียงทั้งหมดถูกกลืบกลบหายไปเมื่อเราได้….