“ว้าย!” ซอมพอกรีดร้องขึ้นมาทันทีที่หนุ่มหล่ออุ้มเธอแล้วพุ่งตัวออกทางหน้าต่าง
สาวน้อยกระหวัดวงแขนบางกอดลำคอหนาของคนเป็นพี่จนแน่นแล้วหลับตาปี๋ เธอได้ยินเสียงปีกสยายกระพือพร้อมลมเย็นพัดแตะใบหน้า ยางรัดผมของเธอหลุด ผมยาวสลวยสยายไปตามแรงลม
“ร้องแบบผู้หญิงเป็นด้วยเหรอเราน่ะ?” เสียงทุ้มของครุฑหนุ่มถามขึ้นด้วยความเอ็นดู
“พี่บ้าหรือเปล่า?! กระโดดออกมาต่อหน้าพี่ทิวได้ยังไง? เดี๋ยวเขาก็รู้หมดว่าพี่ไม่ใช่คน!” สาวน้อยโวยวายขึ้นมาทันที
“อีกอย่าง... หนูเป็นผู้หญิงโว้ย! ร้องวี้ดว้ายไม่ได้แปลกเลย ถ้าพี่ร้องสิแปลก” สาวน้อยต่อว่าเขาแต่ก็ยังกอดคอหนุ่มหน้าหล่อแน่น ดวงตาคู่สวยจับจ้องแต่ใบหน้าหล่อคมเข้มของเขาเพราะไม่อยากมองไปทางอื่นที่ชวนให้เสียวไส้ ตอนนี้เธอรู้สึกได้ว่าตัวเธอลอยอยู่สูงเหนือตึกเทียมฟ้า เวลาพูดยังต้องตะคั้นตะคอกต่อสู้กับเสียงลมที่พัดกระทบร่าง หากเขาปล่อยเธอตกลงไปร่างเล็ก ๆ ของเธอคงแหลกเละเป็นลูกตะขบที่ตกพื้นจนไส้ทะลัก
“มันจะรู้ว่าพี่ไม่ใช่คนได้ยังไง? มันไม่มีทางเห็นปีกของพี่อยู่แล้ว อย่างมากก็คิดว่าพี่เป็นแค่พวกดารานักบู๊ที่กระโดดลงมาจากตึกสูง ๆ ได้” ไวน์ตอบแล้วยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“แต่คนที่ไหนกระโดดตึกพร้อมอุ้มผู้หญิงออกมาแล้วไม่ตกลงไปตายบ้าง? โอ๊ย! หนูหัวจะปวด!” สาวน้อยส่งเสียงโวยวาย หนุ่มหล่อไม่โต้ตอบได้แต่อมยิ้มเพราะรู้แน่ว่าป่านนี้ไอ้ตี๋หน้าหล่อคงได้แต่ยืนอึ้งอยู่ในห้อง
“อุ้มหนูให้ดีละ อย่าให้หนูตก หนูต้องล้วงโทรศัพท์” ซอมพอสั่งแล้วส่งมือน้อยข้างหนึ่งไปล้วงโทรศัพท์ในขณะที่แขนอีกข้างยังกอดคอหนุ่มหล่อจนแน่นเพราะเกรงเขาจะพลั้งมือพลาด ทำว่าที่เมียอย่างเธอตกลงไป
“เออ... ฮัลโหล... นี่หนูเอง พี่ทิวไม่ต้องตกใจนะ ไม่ต้องโวยวายหรือบอกใครทั้งนั้น วันนี้หนูขอโทษ หนูอยู่ดูแลพี่ไม่ได้จริง ๆ พี่ลงไปชั้นสามแล้วสนุกให้เต็มที่ ค่าใช้จ่ายวันนี้หนูคิดพี่แค่ครึ่งเดียว โอเคไหม?” ซอมพอรีบบอกให้ปลายสายรับรู้ เธอสัมผัสได้จากน้ำเสียงของเขาว่าทิวเขาคงตกใจจนแทบบ้า
“เหอะ! บอกแล้วว่ากระโดดออกมาจากชั้นเจ็ดได้ เสือกไม่เชื่อ ต้องทำให้เห็นถึงจะรู้ว่ากูไม่ได้โกหก” ไวน์พูดแทรกขึ้นมาซอมพอจึงใช้มือที่ถือโทรศัพท์อยู่ทุบไปที่อกของเขาตุ้บหนึ่งก่อนกดวางสาย
“พี่ไวน์! ทำไมเป็นคนแบบนี้เนี่ย? ที่อุ้มหนูกระโดดออกจากตึกเพราะอยากหยามหน้าพี่ทิวใช่ไหม? ถามจริง... ไหนว่าไม่อยากได้หนูเป็นเมียแล้วทำแบบนี้ทำไม? หนูสับสนนะเนี่ย” สาวน้อยถามออกไปตามตรงแล้วเก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะกระหวัดสองแขนกอดคอครุฑหนุ่มหน้าหล่อเสียแน่น
“ถึงพี่ไม่อยากได้หนูเป็นเมีย แต่ตอนนี้หนูก็อยู่ในฐานะว่าที่เมียของพี่จนกว่าหนูจะไปคุยกับปู่ให้รู้เรื่องว่าจะเอายังไง ดังนั้นในเมื่อผู้ชายอื่นมันมองว่าที่เมียพี่ตาเป็นมัน พี่ก็ต้องกันท่ามันไว้ก่อน มันเป็นเรื่องศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย ไม่ได้เกี่ยวกับว่าพี่อยากได้หนูเป็นเมียไหม เอาไว้เมื่อไหร่หนูไม่ได้อยู่ในฐานะว่าที่เมียของพี่หนูจะไประเริงรักกับมันจนฟ้ารุ่งก็ได้ พี่จะไม่ว่าสักคำ” ไวน์พูดออกไป ในใจรู้อยู่ว่ามันเป็นเพียงข้ออ้าง แต่ก็ยังไม่อยากยอมรับว่าหัวใจมันดูเหมือนจะเอนเอียงไปทางเด็กสาวบ้างแล้ว
“ขอให้จริงเถอะ” ซอมพอพูดแล้วอมยิ้ม เธอขลุกอยู่ในคลับตั้งแต่เด็กจนโต กฎหมายระบุว่าเด็กอายุไม่ถึง 20 ห้ามเข้าคลับแต่สำหรับลูกสาวพ่อเลี้ยงสิงห์คำกฎมีไว้แหก ดังนั้นประสบการณ์ภายใต้แสงสีทำให้เรื่องประเมินท่าทีของชายหนุ่มไม่ยากนักสำหรับเธอ
แค่มองก็รู้ว่าเริ่มแอบมีใจให้หนูแล้วแหละ แต่อาจติดที่ว่าหนูไม่ใช่สเปก เรื่องแค่นั้นมันเรื่องเล็ก หนูเปลี่ยนตัวเองให้เป็นสเปกพี่ได้น่า หรือถ้าหนูเปลี่ยนตัวเองแล้วมันฝืนหรือมันยากไป หนูคิดว่าหนูเปลี่ยนสเปกพี่ใหม่ได้แหละ ฮิ ๆ ๆ
“จริงเสียยิ่งกว่าจริง ถ้าเมื่อไหร่หนูไปบอกกับปู่พี่ว่าจะถอนคำสัญญาระหว่างพ่อของหนูกับปู่ของพี่ เราจบกัน” ไวน์กัดฟันพูดแล้วขยับปีกให้บินเร็วขึ้น
“ว้าย! อย่าบินเร็ว หนูกลัว บินเป็นกระหังเลยอะพี่ไวน์ ไม่เอาสิ ไปช้า ๆ !” สาวน้อยกรีดร้องแล้วหลับตาปี๋เมื่อคนเป็นพี่เร่งความเร็ว
“ยัยบ๊อง! กระหังบ้าบออะไร? พี่เป็นครุฑโว้ย! เปรียบเทียบอะไรน่าจับตีก้นมาก ปีกครุฑไม่ใช่กระด้งกระหังโว้ย แล้วดู... ปีกพี่ออกจะเป็นสีแดงสวย” หนุ่มหน้าหล่อดุน้องแล้วอวดปีกของตัวเองไปด้วย
น้องน้อยค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ดวงตาคู่กลมใสจับจ้องใบหน้าของพี่แล้วเลยไปถึงปีกที่กำลังขยับบิน เธอส่งมือน้อย ๆ เอื้อมไปแตะปีกพี่ มันเหมือนของเล่นที่พวกพี่ลูกเกดชอบเอามาใส่ทำตัวเป็นนางฟ้าเวลาต้อนรับแขกแต่มันใหญ่กว่านั้นมาก ที่สำคัญมันอุ่นมาก ๆ ด้วย
“อุ่นจัง... ปีกพี่ไวน์น่ะ... อุ่นมาก” สาวน้อยพูดแล้วซุกหน้าเข้ากับอกกว้างของคนเป็นพี่ แขนข้างหนึ่งยังกระหวัดคอเขาไว้แต่ไม่ได้กอดแน่นเหมือนเมื่อตอนแรก
“ถ้าหนาวลมก็ใช้ปีกพี่ห่มแทนได้เลย ซุกตัวเข้ากับอกพี่แน่น ๆ พี่จะพาหนูไปหาปู่คืนนี้เลย ปู่บอกว่าปู่อยากเจอหนู บอกตั้งแต่ตอนแรกที่พี่ไปหาหนูที่ Beyond แล้ว แต่พี่ยังไม่ทันอธิบาย หนูก็เรียกพวกลูกน้องมารุมพี่เสียก่อน... นี่ก็อีกอย่างที่พี่บอกว่าหนูไม่ใช่สเปกของพี่ หนูใจร้อน ผู้หญิงต้องน่ารัก นิ่มนวล อ่อนหวาน ไม่มึงมาพาโวย ใจเย็น ๆ พี่เป็นคนใจร้อน ร้อนคนเดียวก็พอ ขืนร้อนอยู่กับร้อนบ้านไหม้เป็นจุณพอดี” ไวน์บินไปพูดไป รู้สึกดีที่น้องซุกตัวอยู่กับอกจนไม่อยากหยุดบิน
หรือจะบินวนไปรอบ ๆ บ้านปู่ถ่วงเวลาสักหน่อยดีวะ? ซอมพอไม่รู้อยู่แล้วว่าบ้านปู่อยู่ไหน? แต่มันก็เสี่ยง... สมัยนี้คนยิ่งมีโทรศัพท์มือถือ เอะอะถ่ายรูป เอะอะอัดวิดีโอ ขืนซวยเจอคนถ่ายติดตอนบินโดนปู่ด่าฉิบหายแน่
ไวน์คิดในใจไม่ทันสังเกตสักนิดว่าทำไมซอมพอถึงเงียบไป รู้ตัวอีกทีก็มาถึงบ้านชนะนาคาเรียบร้อยแล้ว พอแล่นลงเท้าแตะพื้นกำลังจะวางน้องลงถึงเห็นว่าสาวน้อยผล็อยหลับไปเสียแล้ว
“กลับมาแล้วเหรอไอ้ไวน์? มึงเอาว่าที่หลานสะใภ้มาเจอกูแล้วเหรอ?” สุบรรณที่นั่งจิบไวน์ชมจันทร์อยู่ตรงลานหินจุดประจำเอ่ยทักทายเมื่อเห็นหลานชายอุ้มหญิงสาวคนหนึ่งบินร่อนลงมายังลานกว้าง
“ปู่อย่าเสียงดังดิ น้องเขาหลับอยู่” ไวน์เตือนปู่เสียงเบาด้วยกลัวน้องจะสะดุ้งตื่น
“หลับก็ปลุกได้นี่หว่า นังหนู ตื่น!” ชายชราผมขาวตะโกนสุดเสียง
ไวน์ทำหน้าบึ้งตึงทันที ไม่พอใจนักที่คนเป็นปู่ดื้อดึงจะปลุกน้องที่กำลังหลับสบายซุกอยู่กับอกเขาให้ได้
ซอมพอขยี้ตาแล้วงัวเงียตื่น พอเปิดเปลือกตาเธอก็มองเห็นหน้าหล่อ ๆ ของว่าที่ผัวเป็นคนแรก สาวน้อยเห็นหน้าไวน์แล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ไม่รู้เพราะอะไรแต่พอลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นหน้าเขามันอบอุ่นในใจพิกล
พอมองหน้าหล่อเหลาของว่าที่ผัวจนหนำใจซอมพอถึงได้กวาดตามองไปโดยรอบ เธอเพิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่กลางอากาศอีกต่อไปแต่กลับอยู่ที่บ้านสีขาวหลังใหญ่ราวคฤหาสน์แต่เงียบเชียบ
บริเวณบ้านตั้งอยู่บนผาสูง ตัวบ้านหันหน้าออกไปทางหน้าผา ตรงที่เธออยู่เป็นลานหินกว้างใกล้หน้าผา มองเห็นดวงจันทร์ชัดเจน กลางลานหินมีชุดโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งเล่นและมีชายชราผมสีขาวดอกเลา หน้าตาภูมิฐานดูดุดันนั่งอยู่ เสียงที่เรียกเธอให้ตื่นน่าจะเป็นเสียงของเขา
ไวน์ปล่อยร่างเล็กของหญิงสาวให้ลงยืนบนพื้น ซอมพอฉีกยิ้มก่อนจะยกมือไหว้ชายชรา
“สวัสดีจ้ะ ท่านพญาครุฑ” สาวน้อยเอ่ยทักทายสุบรรณด้วยความนอบน้อม
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! นังหนูคนนี้โตขึ้นมาสวยไม่เบา แถมพูดจาน่ารัก เรียกกูว่าพญาครุฑด้วย ไม่มีใครเรียกกูแบบนี้มานานแล้ว” ชายสูงวัยหัวเราะชอบใจ ดูท่าทางถูกชะตากับว่าที่หลานสะใภ้มาก
“พี่ไวน์บอกว่าท่านมีเรื่องจะคุยกับหนู เรื่องอะไรจ๊ะ? เรื่องที่พ่อสิงห์คำของหนูเคยสัญญาไว้กับท่านหรือเปล่า?” สาวน้อยถาม ใบหน้าของเธอแฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไวน์ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร
กึ่งกังวลใจ กึ่งเกรงกลัว มีความลังเลไม่แน่ใจแฝงอยู่ แต่ก็มีความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น
“ไอ้ไวน์ มึงไปบอกให้นังแสงเตรียมชุดนอนให้นังหนูหน่อย คืนนี้กูจะให้นังหนูค้างที่นี่ ส่วนนังหนู... มึงมานั่งคุยกับกูก่อน” ชายชราสั่งงานหลานชายแล้วพยักพเยิดไปทางเก้าอี้ข้างกายเป็นการบ่งบอกให้ซอมพอเข้ามานั่งข้างเขา
“ไม่ไปอะ อยากอยู่ฟังด้วยว่าปู่จะพูดอะไรกับซอมพอ” ไวน์ปฏิเสธทันที
“มึงจะไปดี ๆ หรือต้องให้กูออกแรงกางปีก?” ปู่ถามเขาเสียงเหี้ยม ไวน์จึงจำใจต้องเดินเข้าบ้านแต่ก็อดหันหลังมามองว่าที่เมียที่เดินไปนั่งกับปู่ไม่ได้
แต่ใครจะไปขัดใจปู่สุบรรณผู้ได้ชื่อว่าเป็นสายเลือดครุฑที่เก่งกาจที่สุดเล่า? เขาเล่าขานกันว่าครุฑในตำนานเป็นบุตรของพระกัศยปมุนีเทพบิดร กะพริบตาเหมือนฟ้าแลบ ขยับปีกก็เกิดลมพายุพัดเทือกเขาสูญหายได้ทั้งแถบ กายเป็นดั่งเปลวเพลิงแผดเผาทั่วสี่ทิศ และแน่นอนว่าปู่สุบรรณเป็นทายาทสายตรงและมีเลือดของครุฑตนนั้นเข้มข้นกว่าตัวไวน์มากนัก
ปู่นะปู่... ให้อยู่ฟังด้วยหน่อยก็ไม่ได้ นี่ถ้าไม่ติดว่ากลัวปู่จะกะพริบตา ขยับปีก ผมไม่ยอมเข้าบ้านไปหาป้าแสงหรอกนะ เฮ้อ! เกิดเป็นไวนเตยะ ชนะนาคานี่มันยากเย็นจริง ๆ เหมือนจะไม่ต้องเกรงกลัวใคร แต่ดันต้องมากลัวปู่... อ้อ... อีกไม่นานคงต้องกลัวยัยเด็กซอมพออีกคนด้วย ซวยจริง ๆ ไอ้ไวน์!