เสียงเพลงเริ่มเปลี่ยนแนวจากเพลงคลาสสิกเบา ๆ เป็นเพลงแนวแดนซ์แบบเมามัน แขกที่อยู่บนฟลอร์ก็เริ่มเปลี่ยนหน้าเพราะคนที่เข้ามาเป็นแขกใหม่ดูเหมือนจะเป็นคนของหนุ่มหน้าตี๋ที่ชื่อทิวเขา
ไวน์สังเกตเห็น ‘เด็กเอน’ ของคลับหลายคนทยอยขึ้นมาบนชั้นสาม แต่ละคนส่วนโค้งส่วนเว้าเสื้อผ้าหน้าผมล้วนเป็นแบบที่ไวน์ชมชอบทั้งนั้น แต่วันนี้เขากลับไม่ชายตามองสาว ๆ เหล่านั้นเพราะสายตาคมของครุฑหนุ่มจับจ้องมองแต่ว่าที่เมียของเขาที่เปลี่ยนจากการพูดคุยในระยะปกติเป็นการป้องปากกระซิบกระซาบใกล้ชิดกับไอ้หนุ่มหน้าตี๋เพราะเสียงเพลงมันดังขึ้นทุกขณะจิต
ยิ่งซอมพอเอียงหน้าเข้าใกล้ไปพูดคุยกับทิวเขาในใจของไวน์ก็ยิ่งร้อนรน
“ซอมพอ พี่มีเรื่องอยากคุยด้วย” ไวน์เดินเข้าไปหาเด็กสาวแล้วโน้มตัวลงกระซิบข้างหูเธอ
“แต่เราคุยกันจบแล้วนี่” ซอมพอตะโกนสู้เสียงเพลงตอบเขา
“อยากคุยเรื่องอื่นด้วย ด่วน” ไวน์บอกน้องแล้วจับหมับเข้าที่ข้อมือบางของเธอ ก่อนจะฉุดน้องให้ลุกขึ้นยืน
“เดี๋ยว! คุณ... ไวน์? ผมจองคลับวันนี้เพราะผมคุยกับนายน้อยเอาไว้แล้วว่าวันนี้นายน้อยว่าง ผมพาคนของผมมาฉลองที่พวกเราได้งานโปรเจกต์ใหญ่และผมก็อยากให้นายซอมพออยู่ฉลองด้วยผมถึงเลือกวันนี้ ผมพอจะเดาได้ว่าคุณ ‘มาทีหลัง’ ไม่มีสิทธิ์มาตัดหน้าผม” ทิวเขาทักท้วงแล้วดึงข้อมืออีกข้างของซอมพอให้นั่งลงเคียงกายเขาตามเดิม
เชี่ย! แม่งจะแย่งหญิงกับกู ยัยว่าที่เมียกูก็เหลือเกิน ไม่รู้หรือยังไงว่าไอ้ทิวเขานี่มันกะฟัน? หรือ... โดนมันฟันไปแล้วหรือเปล่าวะ?
“ซอมพอ หนูจะขึ้นไปคุยกับพี่ก่อนหรือจะนั่งอยู่ตรงนี้กับ ‘คนอื่น’ เลือกมา” ไวน์ถามสาวน้อยเสียงเข้ม
“แต่... พี่ทิวไม่ใช่ ‘คนอื่น’ นี่นา” สาวน้อยตอบเสียงเบา ถึงกระนั้นไวน์ก็ยังคงได้ยิน
“เชี่ย! ผู้ชายที่ไม่ใช่พี่นับเป็น ‘คนอื่น’ ทั้งหมด ยัยบื้อ!” ไวน์สั่งสอนน้อง
“เอางี้... พี่จะคุยเรื่องอะไรกับหนู? บอกมาแล้วหนูจะพิจารณาเองว่าสมควรไปกับพี่หรือจะอยู่กับพี่ทิวต่อ” ซอมพอยื่นคำขาด พอสิ้นคำไอ้หนุ่มหน้าตี๋ก็ยกยิ้มที่มุมปากเหมือนกำชัยชนะเอาไว้แล้ว
แม่ง... ไอ้หน้าตี๋มันรู้ว่ากูหาเรื่องจะเอาน้องไป... ร้ายนักนะมึง
“พี่จะคุยเรื่อง...”
คิดให้ออกสิวะว่าจะพูดเรื่องอะไร!
“เรื่อง... อ้อ! เรื่องกระจกที่พี่ทำแตกตรงชั้นเจ็ดเมื่อคืนก่อน ตอนพี่จูบหนูน่ะ จำได้ไหม? พี่อยากไปดูเสียหน่อยว่ามันเป็นกระจกแบบไหน หนูหาคนมาซ่อมหรือยัง? ถ้ายังพี่จะได้หาคนมาซ่อมให้ ไอ้พนเพื่อนพี่เป็นสถาปนิก พี่จะให้มันจัดการ” ไวน์พูดออกไปเสียงดังอย่างเหนือกว่าแล้วยักคิ้วให้ทิวเขา ในประโยคถูกเขาเรียบเรียงคำพูดคลุมเครือแทรกไปด้วยเพื่อให้ทิวเขาจินตนาการเอาเอง
เป็นไงล่ะมึง? กูจูบซอมพอแล้วด้วย อึ้งไปเลยสิไอ้ตี๋
ไวน์ยิ้มเยาะแล้วคิดอยู่ในใจและก็เป็นดังคาด ทิวเขาขมวดคิ้วนิ่วหน้าทันทีเมื่อได้ยินว่าไวน์จูบกับเด็กสาวไปแล้ว
“ไม่เห็นต้องให้คนอื่นมาซ่อม หนูนัดช่างไว้แล้ว เดี๋ยวเขาก็มาซ่อมเอง” ซอมพอตอบทันที
ทิวเขายืดตัวลุกขึ้นยืนแล้วฉุดมือเด็กสาวให้ลุกขึ้นตาม
“ในเมื่อคุณไวน์เขาอยากจะขึ้นไปดูชั้นเจ็ดก็พาเขาขึ้นไปดูเสียหน่อยก็แล้วกันนายน้อย เดี๋ยวพี่จะขึ้นไปด้วย” ทิวเขาพูดเสียงเรียบ ตอนนี้พอมองออกแล้วว่าชายหนุ่มรูปหล่อที่นายน้อยซอมพอประกาศว่าเป็นคู่หมายคงอยากแข่งขันอวดความสนิทสนมกับนายน้อยซอมพอให้เขารับรู้
แต่มึงรู้น้อยไป... กูกับนายซอมพอมีสัมพันธ์กันมากกว่าคู่หมายที่จู่ ๆ ไม่รู้โผล่มาจากไหนอย่างมึงมากนักไอ้หน้าหล่อ!
“เออ... งั้นก็โอเค ขึ้นไปดูกระจกหน้าต่างที่ชั้นเจ็ดกัน ไปด้วยกันหมดสามคนนี่แหละ” สาวน้อยพูดแล้วจูงมือสองชายหนุ่มเดินฝ่าฝูงชนไปทางลิฟต์
ทิวเขาโบกมือทักทายผู้คนในงาน ทั้งคนที่เป็นลูกน้องของเขาและคนที่เป็นลูกน้องของซอมพอ
แม่ง... ทำตัวเหมือนจะลงสมัครส.ส. โบกมือทักทุกคนเลยนะไอ้ตี๋
ไวน์คิดแล้วหมั่นไส้หนุ่มหน้าตี๋ พอตัวเขาเดินผ่านปพนที่ยืนจิบเหล้าอยู่กับเกศเกล้าเขาจึงโยนกุญแจรถให้เพื่อนแล้วตะโกนสั่ง
“มึงขับรถกลับไปเลยไอ้พน เดี๋ยวกูกลับของกูเอง”
ซอมพอเหลือบมองว่าที่ผัวแวบหนึ่ง เธอรู้สึกว่าพี่ไวน์ของเธอดูแปลก ๆ แต่ก็คิดไม่ออกว่าแปลกตรงไหน เขาบอกว่าไม่อยากได้เธอเป็นเมียแต่ทำไมต้องมาแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ? เขาบอกว่าเธอดูเด็กเกินไป ไม่ใช่สเปกแต่ทำไมเขาตามคุมเหมือนกับเขาชอบเธอ?
แปลกคนจัง... หนูไม่ได้โง่นะ ดูออกว่าใครแอบชอบหนู ใครแอบเกลียดหนู ทำไมพี่ไวน์ที่บอกว่าไม่ชอบหนูถึงทำเหมือนหนูเป็นเมียก็ไม่ปาน? หนูงงจัง... เขาว่าผู้หญิงเข้าใจยาก ผู้ชายบางคนก็เข้าใจยากแฮะ
สาวน้อยก้าวขาเข้าไปในลิฟต์เป็นคนแรกแต่ก่อนที่เธอจะล้วงคีย์การ์ดมาแตะตรงแผงควบคุมลิฟต์ทิวเขาก็ล้วงคีย์การ์ดของเขาขึ้นมาแตะแผงให้เธอก่อน
“ผมมีคีย์การ์ดของที่นี่ ขึ้นตึกได้ทุกชั้น” ทิวเขาแตะคีย์การ์ดแล้วกดหมายเลขเจ็ดพลางโบกคีย์การ์ดโชว์ให้ไวน์เห็นจะจะตาเหมือนจะเป็นการบอกว่าเขาสนิทกับซอมพอถึงขนาดเข้านอกออกใน Beyond ได้มากกว่าไวน์เสียอีก
“ผมมีว่าที่เมียคุมที่นี่ ขึ้นได้ทุกชั้นเหมือนกัน แม้แต่ในห้องของซอมพอผมก็มีสิทธิ์เข้าได้” ไวน์พูดข่มเสียงเรียบ
ซอมพอขมวดคิ้วแล้วเงยหน้าขึ้นมองไวน์ที ทิวเขาที กำลังงุนงงว่าผู้ชายสองคนนี้กำลังคุยโวทับกันไปมาทำไม?
“หนูคุมที่นี่ หนูใหญ่สุด ขนาดรูหนู รังแมลงสาบหนูก็เข้าถึง พวกพี่จะคุยข่มกันทำไมเนี่ย? รู้อยู่ว่าที่ยืนในลิฟต์สามคนนี่หนูใหญ่เบอร์หนึ่ง” ซอมพอทำเสียงเข้มที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วพูดขึ้นมา
สองหนุ่มได้ส่งเสียงจิ๊จ๊ะเหมือนไม่พอใจแล้วเงียบไป เพียงครู่เดียวลิฟต์ก็ขึ้นมาถึงชั้นเจ็ด พอประตูลิฟต์เปิดออกซอมพอก็เดินนำหน้าสองหนุ่มไปยังห้องที่เธอและไวน์เจอกันครั้งแรก
สาวน้อยเปิดประตูห้องแล้วบุ้ยใบ้ให้สองหนุ่มดูกระจกหน้าต่างที่แตก เศษกระจกถูกเก็บกวาดออกไปหมดแล้วแต่ยังคงมีปลายแหลมของกระจกบางส่วนคาอยู่ที่หน้าต่าง
“พี่ว่าเปลี่ยนเป็นกระจกเทมเปอร์ดีไหม? กระจกนิรภัยแบบที่แตกแล้วกลายเป็นเกล็ดเล็ก ๆ คล้ายเม็ดข้าวโพด คราวหน้าถ้ามีใครกระโจนลงไปอีกจะได้ไม่เหลือคมอันตราย” ไวน์เสนอ
“เชี่ย... ใครจะกระโดดลงไปจากชั้นเจ็ดได้วะ? ตายห่ากันพอดี” ทิวเขาเปรยขึ้นมาเหมือนพูดกับตัวเอง
“ผมนี่แหละกระโดดลงไป และไม่ตายด้วย...” ไวน์พูดสวนขึ้นมาทันที
“โกหกชัด ๆ กระโดดจากชั้นเจ็ด ถ้าเป็นคนถึงไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บหนัก” ทิวเขาพูดแล้วทำเสียงเยาะหยันเหมือนคิดว่าไวน์กำลังโกหกทำให้ไวน์ถึงกับต้องนิ่วหน้า
กูเป็นครุฑไง ไม่ใช่คน ไอ้เวร!
“เออ... หนูว่า... ถ้าพี่ไวน์อยากเปลี่ยนกระจกให้หนูก็เปลี่ยน พี่ทำแตกพี่ก็รับผิดชอบก็แล้วกัน โอเคนะ พี่กลับได้หรือยัง? หนูต้องเทกแคร์แขก” ซอมพอพูดตัดบทแล้วบุ้ยหน้าไปทางแขกของเธอซึ่งก็คือทิวเขา
ตอนนี้ไวน์รู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก ทำไมเขาถูกปฏิบัติเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคู่หมายของยัยเด็กซอมพอ
“แขกของหนูให้คนอื่นดูแลก่อนไม่ได้เหรอ? ให้เจ้าหมียักษ์นั่น หรือไม่ก็ลูกเกดดูแลก็ได้” ไวน์ถามอย่างอารมณ์เสีย
“แขกคนอื่นได้ แต่นี่แขกพิเศษไง หนูบอกพี่ไวน์ไปแล้ว พี่ไวน์กลับไปก่อนนะ ไว้ค่อยไลน์มาว่าจะไปหาปู่ของพี่กันวันไหนดี” ซอมพอบอกแล้วดุนหลังหนุ่มหล่อจัดให้เดินออกจากห้อง
ตอนแรกไวน์ก็คิดว่าจะกลับไปแต่โดยดีอยู่หรอกแต่เมื่อปลายหางตาเหลือบไปเห็นไอ้หน้าตี๋มันยกยิ้มที่มุมปากเหมือนเยาะเย้ย เลือดครุฑผู้หยิ่งทะนงในตัวมันก็เดือดพล่านขึ้นมาทันที
“ไปหาปู่ของพี่กันวันนี้แหละ พี่ขี้เกียจไลน์หาทีหลังแล้ว” ไวน์ก้มตัวลงกระซิบข้างหูสาวน้อยแล้วใช้ความเร็วตวัดร่างเล็กขึ้นมาอุ้มในท่าเจ้าหญิงก่อนที่จะวิ่งพุ่งตรงไปยังหน้าต่างที่แตกไร้กระจกกั้นแล้วกระโดดออกไป
ฟุ้บ!
เสียงสองร่างปะทะลมแรงด้านนอกดังขึ้น ทิวเขาตกใจจนหน้าซีด เขารีบวิ่งไปดูที่หน้าต่าง เพียงเสี้ยววินาทีสองร่างของหนุ่มสาวก็หายไปกับความมืดของราตรี
ทิวเขาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ในใจคิดไว้ว่านายน้อยซอมพอของเขาอาจกลายเป็นแค่ซากเนื้อฟาดกับพื้นปูนอยู่ด้านล่างพร้อมกับไอ้หน้าหล่อที่ชื่อไวน์แล้วก็ได้
ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด!
เสียงโทรศัพท์มือถือของทิวเขาดังขึ้น หนุ่มหน้าตี๋รีบล้วงโทรศัพท์ออกมา ไม่คิดจะรับสายแต่คิดจะโทรหาตำรวจหรือหน่วยกู้ภัยให้เข้ามาช่วยเหลือนายน้อยของเขาเสียมากกว่า แต่เมื่อเห็นเบอร์โทรเข้ามาทิวเขาก็ได้แต่แปลกใจ
‘นายน้อยซอมพอ’
ชื่อสายเรียกเข้าที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอมือถือทำให้เขาต้องขมวดคิ้วแน่นก่อนจะกดรับสาย
“ฮะ... ฮะ... ฮัลโหล?” ทิวเขากรอกเสียงพูดตะกุกตะกักลงไป
“เออ... ฮัลโหล... นี่หนูเอง พี่ทิวไม่ต้องตกใจนะ ไม่ต้องโวยวายหรือบอกใครทั้งนั้น วันนี้หนูขอโทษ หนูอยู่ดูแลพี่ไม่ได้จริง ๆ พี่ลงไปชั้นสามแล้วสนุกให้เต็มที่ ค่าใช้จ่ายวันนี้หนูคิดพี่แค่ครึ่งเดียว โอเคไหม?” เสียงซอมพอดังมาตามสาย เธอพูดจาปกติราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เหอะ! บอกแล้วว่ากูกระโดดออกมาจากชั้นเจ็ดได้ เสือกไม่เชื่อ ต้องทำให้เห็นถึงจะรู้ว่ากูไม่ได้โกหก” เสียงของไวน์ลอดเข้ามาในมือถือด้วย จากนั้นทิวเขาก็ได้ยินเสียงมือน้อย ๆ ของซอมพอตีไปที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างไวน์ดังตุ้บเหมือนเป็นการตำหนิก่อนที่สาวน้อยจะกดวางสายไป
นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรกันวะ? แล้วไอ้ห่าไวน์นั่นมันเป็นใคร? มันพานายน้อยซอมพอกระโดดลงจากชั้นเจ็ดโดยไม่เป็นอะไรได้ยังไง? มันเป็นคน หรือผี... หรือ... ไม่ใช่ทั้งคนทั้งผีวะ?