“ไง ทีนี้จะขึ้นรถไปกับฉันได้หรือยัง” ร่างสูงยิ้มอย่างเป็นต่อ
ฉันยืนกำหมัดแน่น! มองคนตรงหน้าด้วยความเคียดแค้น ทำไม ทำไมเขาถึงต้องทำร้ายกันอย่างนี้ด้วย
ฉันได้แต่ตั้งคำถามภายในใจ และคำตอบที่ได้รับก็คือ…
“ผู้หญิงไร้ราคาอย่างเธอ มันก็เหมาะแล้วกับการลิ้มลองในที่สาธารณะ” วาจาดูถูกเปรียบเสมือนเป็นมัจจุราชที่พรากเอาลมหายใจของหญิงสาวไปฆ่าให้ตายคามือ
“จะยืนนิ่งอวดโฉมอีกนานไหม” เขาถามเสียงห้าว “ไปขึ้นรถ!” มือหนากระชากแขนเรียว
“ไม่!” ฉันสะบัดแขนออกอย่างแรง “ฉันไม่ไปไหนกับนายทั้งนั้น ไม่ไป ไม่ไป ไม่ไป ได้ยินไหม!”
ฉันตะโกนเสียงดังราวกับคนบ้า เวลานี้ฉันไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ไม่แคร์แล้วว่าตัวเองจะถูกมองด้วยสายตายังไง ไม่สนแล้ว!
“นายจะไปตายที่ไหนก็ไป ไป๊!”
และนี่เป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่สติของฉันจะดับวูบ
เปลือกตาทั้งสองข้างค่อยๆ ปรือขึ้นอย่างช้าๆ ร่างบางพยายามสะบัดใบหน้าสวยเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา ความทรงจำครั้งสุดท้ายฉันจำได้ว่าฉันยืนทะเลาะอยู่กับซีโร่ที่ป้ายรถเมล์
เมื่อเรียบเรียงเหตุการณ์ทุกอย่างในหัวสมองเสร็จสิ้น ฉันก็รีบเด้งตัวขึ้นนั่งพิงแผ่นหลังกับหัวเตียง พร้อมกับกระชับผ้านวมผืนหนาขึ้นปกปิดร่างกายในทันที ท่าทางหวาดกลัวของหญิงสาวส่งผลให้คนตัวโตที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องกระตุกยิ้มร้ายที่มุมปาก มือหนาถือถาดอาหารที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นยั่วยวนใจ
ฉันลอบกลืนน้ำลายลงคอแบบไม่ให้เขาเห็น แต่การกระทำของฉันก็ไม่อาจหลุดพ้นสายตาเหยี่ยวได้
“หิวใช่ไหมล่ะ” ซีโร่ถามเสียงเข้ม คนถูกถามไม่ตอบ หันหน้าหนีใบหน้าคมคายที่ตอนนี้ขยับเข้ามาใกล้ร่างบางมากกว่าเดิม
“ถ้าหิวก็กินซะ ฉันทำข้าวต้มมาให้”
คำพูดที่ไม่แสดงออกถึงความยินดียินร้ายอะไร ฉันเหลือบสายตามองข้าวตุ้มกุ้งหน้าตาน่าทานในชามสวยก็อดที่จะสูดดมเอากลิ่นหอมของมันไม่ได้ ยอมรับว่าฉันกำลังหิว แต่ยังไงซะ ฉันก็ไม่มีวันกินของไอ้คนใจโฉดหรอก
อย่าคิดนะว่าแค่ข้าวต้มชามเดียวแล้วมันจะลบล้างความผิดที่นายทำเอาไว้กับฉันได้
“ฉันไม่ป้อนหรอกนะ ไม่ใช่คนดี” เขาพูดแล้วเบ้ปาก
“รู้ตัวด้วยเหรอ ว่า เลว น่ะ” ฉันจงใจเน้นเสียงตรงคำว่าเลวชัดเจน จนคนฟังหัวเราะในลำคอ
“รู้มานานแล้ว” คนพูดไหวไหล่แบบไม่แคร์
“ตกลงจะกินไหม? ฉันไม่ได้ใจดีทำอาหารให้ใครกินบ่อยนักหรอกนะ ถ้าหิวก็อย่าฟอร์ม กินๆ เข้าไปซะ กินเสร็จจะได้พาไปส่งบ้าน” ซีโร่พูดรัวเร็วในลักษณะรำคาญ
หิวจนไส้จะขาดแบบนี้ก็คงต้องกินแล้วล่ะ อย่างน้อยก็กินเอาแรงไว้ต่อกรกับคนตรงหน้า ฉันจัดการตักเอาข้าวต้มกุ้งคำแรกเข้าปากอย่างระมัดระวัง ซีโร่ยืนมองไม่วางตา
“ไง อร่อยไหม” เสียงเข้มเอ่ยถาม
“ก็พอกินได้” ฉันตอบเสียงค่อย ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ซึ่งความจริงแล้วมันอร่อยมากเลยต่างหาก ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายลุคแบดบอยอย่างเขาจะมีฝีมือในการทำอาหารเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
“อร่อยก็พูดมาเหอะ สายตาเธอมันบอกฉันแบบนั้น”
เขาว่าอย่างมั่นใจ ด้วยความรำคาญฉันจึงไม่อยากต่อปากต่อคำ เลยได้แต่ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต้มกุ้งในชาม หวังจะให้มันหมดเร็วๆ เพื่อที่ฉันจะได้กลับบ้านเสียที เย็นโพล้เพล้แบบนี้น้ำใสคงจะเป็นห่วงแย่แล้ว ไม่รู้ว่ากลับไปจะต้องเจอกับคำถามอะไรบ้าง
“ค่อยๆ กิน เดี๋ยวก็ติดคอตายพอดี” คนร่างสูงตำหนิ
“ฉันไม่…” เสียงของฉันขาดหายไป พร้อมกับกระแสร้อนวูบวาบที่เข้าแทรกซึมในร่างกาย ฉันวางช้อนลงกับชามแล้วเงยหน้ามองซีโร่ ใบหน้าหล่อคมคายกระตุกยิ้มร้ายในแบบที่เขาชอบทำ
อย่าบอกนะว่า!
“ไงที่รัก เป็นอะไรไปเหรอ” ชายหนุ่มถามพลางยิ้มยียวน
“นะ นาย”
ร้อน! เวลานี้ฉันร้อนไปทั้งตัว!
“นายเอาอะไรให้ฉันกิน” คนถูกถามหัวเราะร่ามีความสุข ราวกับต้องการจะยั่วประสาทฉันเล่น
“ก็สิ่งที่จะทำให้ที่รักมีความสุขยังไงล่ะ” ร่างสูงตอบพลางกับยิ้มชั่วร้าย
ความรู้สึกที่ฉันกำลังรับรู้ในตอนนี้มันเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ทรมาน และ ต้องการ ในเวลาเดียวกัน อาการเหล่านี้มันชัดเจนร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าสิ่งที่คนใจร้ายได้ใส่ลงไปในชามข้าวต้มคือ
ยาปลุกเซ็กส์!
“ซะ ซีโร่” เสียงของฉันสั่นเกินกว่าที่จะควบคุมได้
“ว่า?” คนเจ้าเล่ห์ยิ้มตาวาว
“ฉัน ฉัน ฮึก” ฉันกัดริมฝีปากอวบอิ่มจนห้อเลือด สองมือกำชายกระโปรงพีทของตัวเองเอาไว้แน่น เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามไรผมเปียกชื้นไปทั่วกรอบหน้าหวาน ลมหายใจหอบถี่
เหมือนจะตายซะให้ได้
“ซีโร่ ฉะ ฉัน” สติของฉันเริ่มไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว ร่างสูงเห็นปฏิกิริยาของคนตรงหน้าก็พอจะเดาได้ว่าเธอต้องการอะไร ซีโร่ย่างกรายเข้าไปใกล้เจ้าตัวมากกว่าเดิม มือหนาค่อยๆ ลูบไล้ไปตามดวงหน้าหวานแล้วเลื่อนต่ำลงมายังลำคอระหง
“ซีโร่” ทันทีที่ได้รับสัมผัสจากฝ่ามือร้อน ร่างกายของฉันก็วูบวาบไปตามแรงปรารถนาที่ตอนนี้มันกรูเข้ามาเกาะกินในหัวใจ ฉันช้อนสายตาขึ้นสบกับนัยน์ตาคมดุจเหยี่ยว น้ำตาไหลรินลงอาบแก้ม
“นายทำแบบนี้กับฉันทำไม นายใจร้ายมาก ฮึก” ฉันต่อว่าเขาด้วยเสียงสะอื้น
และไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองหรือเปล่า เพราะว่าฉันเห็นดวงตาแข็งกร้าวคู่นั้นมองฉันอย่างอ่อนโยน
“ไอรีน” ซีโร่เอ่ยชื่อฉันแผ่วเบา
“ซีโร่ ร้อน ฉันร้อน”
ไม่ว่าเปล่ามือของฉันก็เอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อเชิตของเขาออกทีละเม็ดสองเม็ด ร่างสูงไม่ไหวติงใดๆ เพียงแต่ยืนนิ่งๆ ให้หญิงสาวปลดเปลื้องอาภรณ์ช่วงบน จนกระทั่งถึงกระดุมเม็ดสุดท้าย