bc

THE CUTE หินลาวา

book_age18+
385
FOLLOW
1K
READ
revenge
HE
opposites attract
pregnant
boss
mafia
billionairess
blue collar
drama
bxg
brilliant
campus
musclebear
like
intro-logo
Blurb

“สวัสดีครับคุณศิลานี่คุณไอรีนเป็น บก ของนิตยสารเราครับ”

ไอรีน... คงหนีไม่พ้นสินะ

“ยินดีที่ไม่เคยรู้จักครับ”

“...”

“อ้อ... ยินดีที่ได้รู้จักครับ” และนั่นคือประโยคที่ผมเอ่ยทักทายไปโดยไร้รอยยิ้มหรือคำว่ายินดีเลย ดูท่าทุกอย่างมันคงพังตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้นเสียแล้วล่ะ “และผมคงต้องปฏิเสธการให้สัมภาษณ์กับนิตยสารของคุณเสียแล้วครับ”

“อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานสิคะ”

แล้วเธอก็ฟาดประโยคนี้เข้ามาจู่โจมทันที

“ไม่ปนหรอกครับผมแยกแยะได้อีกอย่างเรื่องส่วนตัวผมมันไม่ได้ดีเด่นให้จดจำอะไรขนาดนั้น”

chap-preview
Free preview
CHAPTER 1
CHAPTER 1 @NEW YORK USA ก้อนขาวน้ำหนักเบาบางแต่ละก้อนโปรยตกจากท้องฟ้าในวันนี้ซึ่งเป็นฤดูหนาวในนิวยอร์ก อากาศที่นี่ในฤดูนี้ค่อนข้างหนาวเย็นจริงจังส่วนมากอุณหภูมิไม่ค่อยสูงไปกว่า 5 องศาหรอกบางวันก็ติดลบด้วยซ้ำ ลมหนาวพัดมาทีไรอากาศจะยิ่งย่ำแย่ลงไปอีกเท่าตัวแย่กว่าวันที่หิมะตกเสียอีก ในวันที่แดดเปรี้ยงลมหนาวพัดกระทบตัวมันก็เหมือนสิ่งแหลมคมปักตามร่างกายเลวร้ายเกินบรรยายเป็นที่สุด ความเย็นยะเยือกหนาวห่อหุ้มร่างกายไม่เว้นแม้แต่หัวใจที่อาศัยอยู่หน้าอกด้านซ้ายมันก็ยังมีความเย็นชาเรียบไม่ต่างอะไรกับอากาศข้างนอกเลย มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วแหละและคงไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่นนอกเหนือจากนี้อีกแล้ว สายหิมะที่หล่นลงมาจากด้านบนทำให้ใจหวิวนิดหนึ่งแต่สติก็พาฉันกลับจากความคิดเหล่านั้นได้ “อะนี่ไข่ตุ๋นและก็ยำมาม่าสูตรพิเศษ” “จะกินได้มั้ย” เสียงตอบรับจากอีกคนพร้อมกับสายตาที่มองไปยังถ้วยเล็กฟูสีเหลืองอ่อนส่งกลิ่นหอมส่วนอีกจานหนึ่งมีเส้นขดงอผสมกับหมูสับกุ้งและก็ผักชนิดหนึ่ง สองเมนูข้างหน้านี้ค่อนข้างต่างกันในเรื่องของรสชาติกลิ่นรวมไปถึงลักษณะของอาหารอย่างสิ้นเชิงแต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถทานร่วมกันได้ในทีเดียวเสียหน่อย “พัฒนาแล้วใช่มั้ยสกิลการทำอาหารของแก” “อือ” “แหวะ... พัฒนาบ้าอะไร!” คงเพราะฝีมือการทำอาหารที่ห่วยแต่ก็ยังเสือกเลือกที่จะทำมั้งทำให้เลอาวางช้อนและส้อมในมือลงเสร็จแล้วก็ผลักทั้งไข่ตุ๋นและยำมาม่าให้ห่างออกไปจากตัวมากที่สุด “งั้นเหรอ?” ฉันตอบหน้าตายให้กับอีกคนหนึ่งที่กำลังขะมักเขม้นเช็ดปากด้วยความรู้สึกที่เรียบเฉยไม่สะทกสะท้านอะไรแม้สักนิดเดียว ผู้หญิงผมสั้นปะบ่าสีน้ำเงินจางๆ คนนี้ชื่อว่า ‘เลอา’ พี่สาวอายุห่างกันแค่ปีเดียวเอง เธอมักบินมาขออยู่ด้วยทุกครั้งที่มาเยือนนิวยอร์ก “นี่ไม่รู้สึกหน่อยเหรอ ไม่รู้สึกที่เกือบฆ่าฉันตายด้วยอาหารบ้าๆ พวกนั้น” “ไม่รู้สึกเพราะ... เธอยังไม่ตาย” “เย็นชาชะมัดเลยผู้หญิงคนนี้” เสียงค่อนขอดนี่มันก็เหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาฉันไปเพราะเลือกไม่สนใจ เลอาเลือกลุกคนจากเก้าอี้เดินไปข้างเคาน์เตอร์ใช้เท้าเหยียบถังขยะแล้วเทยำมาม่ากับไข่ตุ๋นเลยลงจากนั้นก็มานั่งที่เดิมเพิ่มเติมคือมีถุงขนมใหญ่มาด้วย “ขืนกินเข้าไปตายแน่ๆ เลยไข่ตุ๋นเค็มยิ่งกว่าน้ำปลาส่วนยำมาม่าเปรี้ยวแบบเอาน้ำมะนาวมาเทใส่ทั้งสวน ถามจริงส่วนประกอบหลักมีแค่น้ำปลากับน้ำมะนาวหรือไงกันรสชาติถึงได้ออกมา…” “ห่วยแตก” ฉันพูดออกมาเอง “พูดเองนะ” “แล้วมาทำไม?” “พี่สาวมาหาทั้งทีนะลาวา” ใช่... ชื่อฉันคือลาวา “ฉันไม่เคยขอ” จบประโยคความเงียบงันก็เข้าเยือนเต็มที่สักพักหนึ่งคนด้านหน้าตรงข้ามก็เลือกขยับตัวหยิบขนมทานอย่างหน้าตาเฉยแบบไม่สะท้าน ความตีมึนของเลอาอยู่ในสายตาของฉันหมดทุกอย่างไม่ว่าจะทำหรือว่าขยับตัวไปไหน เราสองคนเป็นพี่น้องกัน เราสองคนเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกา เราเป็นพี่น้องที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันแยกกันตั้งแต่อายุ 16 เราเจอกันได้ก็แค่นานๆ ทีเท่านั้นเอง ตอนนั้นแม่กับพ่ออย่าแยกทางกันเราทั้งสองคนจึงถูกแยกจากกันด้วยภาระหน้าที่ของคนเป็นผู้ปกครอง พ่อรับดูแลเลอาที่อยู่ไทยส่วนฉันต้องข้ามซีกโลกมาอยู่อเมริกากับแม่ช่วงเวลาของเราทั้งสองจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อยเนื่องจากทามโซนที่ค่อนข้างต่างกันอย่างสิ้นเชิงสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบันที่ทั้งสองพ่อกับแม่ของพวกเราท่านได้หนีกลับสวรรค์ไปเรียบร้อยแต่รู้ไหมว่าฉันกับเลอาก็แยกกันอยู่เช่นเดิม ฉันอยู่อเมริกา เลอาอยู่ไทย ฉันกลับไปไทยเพียงแค่ครั้งเดียว ส่วนเลอานั้นบินมาอเมริกาทุกครั้งที่ว่าง ต่างกันไหมล่ะ ในมุมมองของฉันเองฉันว่าเราทั้งสองโคตรต่างกันที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ตามแต่ไม่เคยชอบเหมือนกันเลยสักนิดเดียวแต่ก็ถือว่าดี “ตอนเย็นไปเล่นสเก็ตที่ Central Park มั้ย?” “มาอยู่กี่วันคราวนี้?” ฉันมองข้ามประโยคชวนคุยของเลอาและสาดประโยคคำถามใส่แทน “นานไม่ได้นะ” “ทำไม?” “จะได้อยู่คนเดียวไง” “แล้วแกจะไปไหนวะ” “ซานฟราน” “อีกแล้วเหรอ?” “อือ” ที่ที่ฉันจะไปก็คือซานฟรานซิสโกหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนียของประเทศที่ฉันอาศัยอยู่นี่แหละ ที่นั่นเป็นที่ที่ฉันไปบ่อยที่สุดในระยะเวลา 4 ปีให้หลัง ไม่ว่าจะว่างตอนไหนจะไปอยู่ไปเกิน 5 ชั่วโมงก็ยังดื้อดิ้นรนไปจนได้ไม่เกี่ยงว่าจะเหนื่อยแค่ไหนขอแค่ได้ไป “แล้วอยู่ที่นี้มา 10 กว่าปีแล้วไม่คิดจะกลับบ้านที่ไทยเลยหรือไงกลับครั้งล่าสุดก็เมื่อ 4 ปีก่อนจากนั้นก็ไม่เคยเห็นหน้าแกที่เมืองไทยเลย เกลียดชังอะไรขนาดนั้นกัน” “...” ฉันเลือกเงียบไม่ตอบ “เอาเถอะ จะให้ฉันไปเป็นเพื่อนมั้ย” “จะไปด้วยเหรอ” “เออ” เลอาลงท้ายด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนที่จะหันไปสนใจขนมถุงใหญ่ในมือเช่นเดิมส่วนฉันก็หันตัวไปมองหิมะร่วงหนจากท้องฟ้าที่หน้าต่างห้องครัว การนั่งเท้าคางกับเคาน์เตอร์มองพวกมันตกลงสู่พื้นทับถมกันเป็นชั้นๆ ด้วยสายตาที่ว่างเปล่าไร้ความรู้สึกนั่นคือความจริงของฉัน “คิดมาก” “ไม่ได้คิด” “โกหกได้ โกหกแล้วสบายใจก็ทำไปเถอะไม่ว่าหรอก” “...” “เออวันนี้ฉันซื้อลิลลี่ติดมือมาด้วยนะอยู่ในแจกันห้องแกอ่ะลาวา” “ขอบใจ... แล้วเวหาได้ติดต่อมามั้ย?” “อือคอลทุกวันอ่ะ” “...” “กินดี อยู่ดี สบายดีเฉกเช่นเจ้าหญิงไม่ต้องห่วงเวหามันบอกมาแบบนี้นะ” ได้ยินแค่นี้ฉันก็ยิ้มออกแล้ว แค่นี้ก็พอแล้ว ศิลา ตะวันพิศาล : TALK @San Francisco USA Rr... “แม่ง...” Rr... แต่แล้วเสียงสั่นก็ดับไปและสั่นดังขึ้นมาใหม่อีกรอบหนึ่ง เสียงโทรศัพท์สั่นไหวดังสนั่นสะท้อนกับโต๊ะหัวเตียงส่งผลให้จากที่เอาหมอนมาปกคลุมปิดศีรษะในตอนแรกนั้นกับถูกกอบกำขว้างออกไปติดกับผนัง ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วขยี้ศีรษะอย่างหัวเสียเป็นที่สุดความมืดของห้องบ่งบอกด้วยดีว่านี่ไม่ใช่เวลารับโทรศัพท์ ควายห่าที่ไหนโทรมาอีกล่ะ เว ชื่อนี้เด่นกลางหน้าจอโทรศัพท์ของผม “โทรมาทำค*ยอะไรไอ้เหี้ย!” ด้วยความที่โทรมาไม่รู้จักเวร่ำเวลาอย่างแรกที่ต้องเจอก็คือประโยคแบบนี้แหละ มันเป็นทุกครั้งเลยสำหรับไอ้เวคนนี้แล้วมันก็น้อยไปด้วยซ้ำสำหรับคำด่าว่า “นึกถึงคำว่ามารยาทที่แม่มึงสอนบ้างเถอะอย่างน้อยๆ ก็ควรเอามาใช้” [โอ้โหนี่กูโดนสวดอีกแล้วเหรอวะ ผิดมากหรือไงนี่เวลาโทรของกูอ่ะ] “แต่ไม่ใช่ของกูไอ้สัส” [ไม่เหลือคำว่าพี่เลย] “หัดดูเวลาทามโซนของกูด้วยนะเว ถ้าลิลลี่นอนกับกูแล้วตื่นมึงโดนถีบยอดหน้าแน่ๆ” [แหนะตอนนี้ไม่นอนกับลูกแล้วมึงนอนกับสาวที่ไหนไอ้ห่าหิน ฟ้องแน่กูฟ้องแม่มึงแน่เอาสิ] เสียงไอ้เวดังขึ้นสร้างอารมณ์ที่อยากเข้าไปจับกดหัวกระแทกขอบโต๊ะจริงๆ [มึงตอบมาไอ้หิน มามึงมาพูดมา] “ไม่มีนอนคนเดียวลิลลี่แยกห้องไอ้ควาย” [จริงนะ กูมีสายนะแต่พูดถึงก็คิดถึงหลาน มาไทยจะซื้อขนมให้เยอะๆ เลยว่ะ] “พอเดี๋ยวร้องไห้ตอนทำฟันอีก” [เป็นสาวแล้วดิเนี่ย เห้อคิดถึงแม่งชิบหาย] “เมื่ออาทิตย์ก่อนยังเสมอหน้ามานี่แค่รอไม่เกินอาทิตย์ก็เห็นหน้าแล้วมั้ยวะ” [หมายความว่าไง?] ก็หมายความว่าจะกลับไทยไง แต่ผมก็ไม่ได้เอ่ยพูดบอกกับญาติผู้พี่ของตัวเองหรอก มันค่อนข้างปากมากปากอยู่ไม่สุขชอบพูดมั่วไปเรื่อยให้รู้แค่นี้ก็พอแล้วแหละ “รอให้มึงมาหาไงไอ้เว” [หมดกันความคาดหวังของกู] “หวังมาเกือบ 5 ปีแล้วเลิกหวังมั้ยจะได้ไม่ผิดหวัง” [ไม่จะหวังไปเรื่อยๆ ] “หวังลมๆ แล้งๆ กูไม่พาลูกกลับหรอก” [มาเยี่ยมบ้างก็ได้นิเกือบ 5 ปีแล้วนะที่มึงพาลิลลี่ไปอยู่ซานฟรานแล้วไม่กลับไทยเลยไอ้ห่าหิน] “เหนื่อยมั้ยพูดมาเกือบ 5 ปีเช่นกันอ่ะมึงอ่ะ” และผมก็ถามไอ้เวกลับไปเพราะทุกครั้งมักจะได้ยินประโยคนี้จากมันเสมอไม่รู้ว่าต้องการไซโคอะไรขนาดนั้นเช่นกันเพราะพูดมามันก็ไม่เกิดขึ้นหรอกมีแต่เปล่าประโยชน์เฉยๆ “เหนื่อยแล้วก็พอได้ล่ะ ยังไงก็ไม่กลับอยู่ที่นี่ดีแล้ว” คุณภาพชีวิต คุณภาพการศึกษา สุขภาพจิตใจ ทุกอย่างไม่มีอะไรที่แพ้ที่ไหนแถมอาจเด่นกว่าด้วยซ้ำ การคิดพามาที่นี่ตั้งแต่แรกมันคือความตั้งใจของผมเช่นกันและไม่อยากให้ลูกมีปมอะไรทั้งนั้นให้ทำลายชีวิตของเด็กคนหนึ่ง ไม่ต้องมีวันพ่อวันแม่ ไม่ต้องกราบใคร ไม่ต้องเป็นตัวประหลาดในสายตาใคร ทุกคนเท่าเทียมกันของคำว่ามนุษย์แน่นอนมันดีกว่าอยู่แล้ว [เออกูบินไปเองก็ได้] “กูย้ายคอนโดนะ” [ห้ะ! เกือบ 5 ปีย้ายเป็นร้อยแห่งมึงบ้าเปล่าไอ้สัส] “เปลี่ยนบรรยากาศ” นี่เป็นคำพูดของผมสั้นๆ เลย [ทั้งอดีตและปัจจุบันเวียนหัวไปหมดกับความซับซ้อนของคอนโดมึง] “นั่นมันอดีตมึงต้องอยู่กับปัจจุบันนะไอ้เว”

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
7.5K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
33.6K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
2.6K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
11.4K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
4.6K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook