ผ่านไปสามวันที่ผมอยู่บ้านแม่ ที่นี่อากาศดีมาก ทุกคนสนุกสนานกัน วันนี้เราย้ายมาจัดปาร์ตี้เค้าท์ดาวน์กันที่บ้านหลังใหญ่ ผมกับแม่ช่วยกันเตรียมกับแกล้ม อาชิกับเจแอนช่วยกันจัดไฟรอบๆ บ้าน ดูพวกนางตื่นเต้นกับปาร์ตี้คืนนี้ไม่น้อย
พวกมันไปงัดไวน์และเครื่องดื่มมาจากร้านไม่สะดวกซื้อไว้แต่หัววัน ส่วนสายลมก็จัดเครื่องเสียง เตรียมกันว่าจะร้องคาราโอเกะด้วย ทุกอย่างมีครบ ถ้าเมามากเราก็แค่คลานหาที่นอนของใครของมัน เราเปิดทีวีช่องหนึ่งที่ถ่ายทอดคืนเค้าท์ดาวน์จากกรุงเทพฯ เปิดนับเวลาถอยหลังไปพร้อมๆ กับคนทั้งโลก มันดูครึกครื้น และทำให้ตื่นเต้นไม่ใช่น้อย กับบรรยากาศพรุ่งนี้ที่จะมาถึง แต่สำหรับผม ความรู้สึกโดดเดี่ยวกลับเกาะลึกภายในใจ ทำไมก็ไม่รู้ผมถึงไม่รู้สึกกับเวลาที่มันผ่านไปเลย เกิดอะไรขึ้นกับผม มันเหมือนว่าตัวผมกลับมาหาแม่แค่ร่างกายใจของผมยังนึกถึงกรุงเทพฯ หนีไม่พ้นนึกถึงจอมทัพ เขาอาจจะกำลังมาหาผมเพื่อชวนไปเคาท์ดาวน์ ผมยังเอาแต่นึกถึงว่ามันจะเป็นไป นึกถึงคำขอโทษและเหตุผลต่างๆ ที่ทำให้เขาผิดคำพูดวันนั้น
ผมเอาแต่นึกถึงว่ามันจะสวยหรูและน่าเฝ้ารอ บางครั้งมันเหมือนว่าผมตื่นขึ้นมาวันนี้เพื่อหวังจะได้เจอวันพรุ่งนี้เร็วๆ ผมหวังจะได้เจอเขา แม้ว่าจะมาเจอเพื่อคุยแค่คำเดียว ผมก็ยังคาดหวัง ผมผิดอีกใช่ไหม? ผิดอีกหรือเปล่าที่บ้าบอจนตอนนี้ ก็เพราะพระเจ้า! ท่านไม่ยอมให้ผมลืมเองนี่
เพราะงั้นใช่ว่าผมจะอยากเป็นบ้าแบบนี้ แต่เพราะเขาเหมือนยังวนเวียนใกล้ๆ วนเวียนในใจผมเสมอ มันอาจจะเพราะผมไม่เคยมีผู้ชายคนไหน ได้ในสิ่งที่ผมให้จอมทัพมาก่อน หรือเพราะผมไม่เคยได้สิ่งที่จอมทัพให้จากชายคนไหนมาก่อน เพราะเราต่างก็เป็นครั้งแรกของกันและกัน ผมถึงฝังลึกความผูกพันธ์ชั่วข้ามคืนนั้นลงในใจ ... ถ้าคุณคิดว่าอกหักมันแย่ แต่การที่ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรกันแน่ตอนนี้มันแย่กว่า! รักเขาเหรอ? ผมถามตัวเองวันล่ะร้อยครั้ง แต่มันก็ว่างเปล่าไร้เสียงใดๆ แล้วผมจะรอเพราะอะไร คีย์การ์ดห้องเหรอ? ผมก็มีอันใหม่แล้วนี่! ไม่รู้เลย! ความรู้สึกที่มีตอนนี้ มันคืออะไรก็ไม่รู้
"นั่งบึ้งอะไรเหรอลูกขอบฟ้า ไปดูน้องสิจัดไฟ กับตู้ร้องเพลงเรียบร้อยแล้ว"เสียงอบอุ่นแม่ผมเรียกผม ช่วยให้ผมตื่นจากภวังค์
"ไม่ล่ะครับ หนูอยากนั่งเงียบๆ ..."ผมแอบคิดในใจว่าเรื่องนี้ผมปรึกษาแม่ได้ไหม แต่สุดท้ายก็ไม่กล้า กลัวแม่รู้แล้วจะเสียใจ
"พ่อไปไหนเหรอแม่...ไม่เห็นแต่เช้า "ผมมัวแต่สติล่องลอยเลยเพิ่งนึกได้ว่าจะถามแม่เรื่องพ่อ
"แกไปวัด..ลูกชายของหลานแก้เสีย เลยไปช่วยงาน" ลูกชายของหลาน ฟังดูห่างๆ ผมไม่เคยได้ยิน
"ลูกอาจจำไม่ได้ แต่ว่าเด็กคนนั้นเคยมาที่นี่ตอนขอบฟ้ายัง14-15ปี ตอนนั้นสัก4-5ขวบมั้งนะ ชื่อเจ้า เจ้าตี๋น่ะ น่าเสียดายปีนี้เพิ่งจะ18มันก็มาจากไปก่อน" แม่พูดน้ำเสียงเศร้า ดูท่าว่าแกจะรู้จักกับเด็กคนนั้น
"ทำไมเขาถึงเสียล่ะครับ.. " ผมถามไปใจก็คิดว่าช่วงนี้หน้าเทศกาล หรือคงเพราะอุบัติเหตุแต่แม่ผม ตอบว่าไม่ใช่ เขาเสียใจที่แฟนสาวที่เขารักไม่กลับมาเค้าท์ดาวน์ด้วยกัน เขารอมาตั้งปี แต่สุดท้ายสาวคนนั้นก็ไม่มา จึงฆ่าตัวตายประชด! ..
ผมฟังดูแล้วก็รู้สึกตกใจ มันต้องรอจนท้อแค่ไหน เขาถึงตัดสินใจทำแบบนั้น
"เขาคงจะเสียใจมากถึงทนรอต่ออีกไม่ไหว"ผมพึมพำไปงั้นๆ
"นั่นนะสิ..แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่น่าทำแบบนี้ เขาไม่มาก็ช่างเขา เราก็มีชีวิตของเราไป ทำไมรักกันต้องอยากแต่จะครอบครองร่างกาย เห็นมากี่คู่แล้วไอ้รักกันปานจะกลืน รักนักรักหนา พอแต่งกันไปไม่นานก็เลิกกันแทบทุกราย มาหัดรัก หัดหวังดีต่อกันให้มากดีกว่าไหม รักแบบนี้คือรักจริงๆ ไม่ทำร้ายกันด้วย"แม่พูดเหมือนกำลังสอนผมเลย ต่อไปถ้าผมมีความรักผมจะปรารถนาดีต่อเขา
"แม่ว่าการรอคอยแบบไร้จุดหมายมันน่ากลัวหรือเปล่า "
ผมถามแม่ไป เพราะอยากรู้ความรู้สึกท่าน ท่านคิดกับเรื่องนี้ยังไงนะ
"แม่ว่า มันฟังดูมีเสน่ห์ คำว่า'รอคอย' มันดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลและตราตรึง ถ้ามีใครสักคนรอเราแบบนั้นเราก็คงจะมีกำลัง มีพลังบวก รอคอยวันจะได้พบ หรือว่าถ้าเรามีความรู้สึกอยากรอคอยใครแบบนั้น แปลว่าคนคนนั้นก็คงจะเป็นคนพิเศษมากๆ เราถึงอดทนรอเขา"
"แม่คิดแบบนั้นเหรอ " ผมรู้สึกทึ่งในคำตอบของแม่ เหมือนว่าแม่รู้จักคำว่า'รอคอย'ดี เธออธิบายได้กินใจผมมากๆ
"ใช่! ..วันหนึ่งเขาจะกลายเป็นเหมือนรางวัลจากพระเจ้า เมื่อเวลาแห่งการรอคอยสิ้นสุดลง"
"หูยยย...แม่อะกินใจสุด..งั้นหนูจะตั้งใจรอ"
ผมกับแม่คุยกันยาวนาน มันเป็นครั้งแรกที่ผมตั้งใจฟังแม่จนจบการสนทนา เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงจะวุ่นวายกับมือถือ จนฟังแม่ไม่จบ
เวลาล่วงเลยไปก็ดึกมาก อีกไม่นานเราก็จะได้ต้อนรับศักราชใหม่ ตอนนี้ทุกคนเริ่มจะมึนเมากันบ้างแล้ว อี่เจแอนเอาแต่ร้องคาราโอเกะเพลงคาราบาว อี่ห่าไม่เข้ากับหน้าและบรรยากาศเลย แต่มันก็ชอบ ส่วนอี่อาชิ มันก็นั่งเต๊าะไอ้สายลมเป็นว่าเล่น อี่เวงคิดจะเคลมน้องกูหรือไง ไอ้สายลมก็ใช่ย่อยเหล้าเข้าปาก อย่างกับมันกินน้ำเชื่อมเป็นอาหาร หยอดกันเป็นขนมครกเลยกับอี่อาชิ! พวกมึงจะหยอดแบบไหนก็ช่างแต่ต้องไม่เอาเสาลงหลุมคืนนี้ มึงจะเคลมน้องกูไม่ได้ มันห้ามมีเมียก่อนกูมีผัว!!
"อาชิ! ..มึงอย่าเยอะ เป็นเพื่อนก็พออย่าเพิ่งพ่วงตำแหน่งน้องสะใภ้!! ..กูยังไม่พร้อม" ผมรีบดักคอ พวกมัน
"กูแค่คุยกันเล่นๆ เปล่าวะ! ..มึงนี่ก็คิดอกุศลจัง! "นางรีบออกตัวปฏิเสธ
"ตรงไหน อกุศลตรงไหน? เห็นมองกันตาเชื่อม! "ก็ผมเห็นชัดๆ
"อี่ห่า! ..หวงน้องเกินไปมึง..! เอานี่เหล้าแดกเข้าไปจะได้หายมโนด้วยมึงน่ะ! " มันรู้ทันผมว่าผมเก็บอาการแต่เพื่อนสองคนนี้คือมนุษย์เสือกและหยั่งรู้ มันรู้ทันผมหมด เหมือนๆ กับผมที่หยั่งรู้เรื่องพวกมัน
ผมดื่มไปเยอะเหมือนกัน จนเริ่มหน้าตึงๆ ชักอยากร้องเพลงสักเพลง ทนฟังเพลงบางระจันอีเจแอนมาสองชั่วโมงแล้ว ว่าแล้วผมก็ตีฝ่าวงล้อมออกจากเมืองแปร ผ่านวงเหล้ามุ่งตรงไปแย่งไมค์ จากอี่เจแอน
"กูร้องบ้าง..มึงร้องมานานแล้วตากู"
"ไม่ให้เว้ย...กูจะต่อสาวบางโพ"อีเจแอนดึงมือกลับ
"มึงจะให้กูไหมเจแอน...มึงไม่แบ่ง! กูจะร้องไห้ นอนกลิ้งแถวนี้!! " สุดท้ายนิสัยดีมากของผมก็เริ่มออกฤทธิ์ จนอี่เจแอนยอมล้าถอย เอาสิ! ลองไม่ยอมซิผมจะนอนกลิ้งแถวนี้จริงๆ ด้วย
พอได้ไมค์ผมก็เริ่มหาเพลง เพลงอะไรดีถึงจะเข้ากับบรรยากาศ
"นั่นไงมึงเพลงลอยกระทง" เสียงเจแอนรีบบอก...อี่ปอบ! จะบ้าตายขอร้องเพลงอื่นบ้างเถอะ
"เออเลือกเลย เดี๋ยวกูไปโทรหาน้องกิ๊กก่อนจะเที่ยงคืนแล้ว จะได้รู้สึกเหมือนเค้าท์ดาวน์ด้วยกัน" จากนั้นนางก็ลุกไป ผมเพิ่งสังเกตว่านาฬิกาข้อมือบอกเวลาว่าห้าทุ่มห้าสิบแล้ว ทุกคนต่างนั่งคุยกันเป็นคู่ พ่อกับแม่ อี่อาชิก็กับไอ้สายลม แม้แต่อี่เจแอนมันยังได้โทรหาน้องกิ๊กของมัน เหลือแต่ผม มันทำผมเหงาแปลกๆ ได้แต่มองพวกเขา กับแก้วเหล้าในมือเท่านั้น ให้ตายเหอะ! ผมไม่มีใครให้โทร.หาเลย จะคิดถึงใครก็ไม่มี มีแค่ชื่อเดียวที่จำได้ตอนนี้คือจอมทัพ คิดถึงรอยยิ้มเขาจัง คิดถึงคำพูดของเขาในคืนวันคริสต์มาสอีฟนั่นด้วย ผมก็รู้ว่าไม่ใช่เวลา แต่ในใจมันมีชื่อเขาคนเดียวจริงๆ ยังสงสัยว่าเขาจะเค้าท์ดาวน์ที่ไหน เค้าท์ดาวน์กับใคร และเป็นยังไงนะ...ยังจำผมหรือเปล่า หรือแค่ผมที่จำคนเดียว ผมอยากรู้จริงๆ
หลังเลือกเพลงอยู่นานผมก็เจอพอดี เพลงนี้เลย บาดใจสุด เข้ากับบรรยากาศและอารมณ์ตอนนี้เลย ผมกดเปิด ดนตรีเสียงเบาสบาย เคล้าคลอสายลมกลางคืน กับแสงดาวเดือน มันก็เหงาดี และบีบหัวใจไปอีก เมื่อท่อนต่อไปมันเหมือนเสียงเรียกในใจของผมเหลือเกิน...
.ช่วยปลอบใจดวงนี้ ที่ยังคงคอย
.และยังรอคอยเธอกลับมาหา
.ในคืนที่โหดร้าย หัวใจอ่อนล้า (โว้ โว)
.เธอรู้ไหมว่า ฉันคิดถึงเธอ
.
.
.ฉันยังคงคิดถึงเธอเสมอและยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
.บ่อยครั้งที่ใจฉันคิดวนเวียนเพราะกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนไป
จบเพลงถึงกับน้ำตาซึม ทุกคนวิ่งกู่เข้ามา นึกว่าผมเป็นอะไร พร้อมกับเสียงประทัด และพลุดังขึ้นระงมมาจากในตัวเมือง แสงพลุแตกระยิบระยับทั่วท้องฟ้า เมื่อมองจากระยะไกล ปีใหม่แล้ว!! หนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ที่ผมบ้าบอกับจอมทัพ
"เป็นอะไรไป ร้องไห้ทำไมลูก "เสียงแม่ดังแว่วๆ เรียกผมพลางแกเอามือลูบหลัง
"พี่ไม่สบายหรือเปล่า"สายลมก็ถามถึงเสียงมันจะเมาๆ ก็ฟังชัดว่าห่วง
"โอเค..แค่ร้องเพลงเศร้า มันอินอ่ะ"
"โอ๊ยอี่บ้า!! "แล้วทุกคนก็รีบลุกหนีจากผม ปล่อยให้ผมนั่งเช็ดน้ำตาตัวเองป้อยๆ
ปีใหม่ผ่านเข้ามาสามวันแล้ว วันนี้พวกเราต้องกลับกรุงเทพฯ เพื่อเตรียมตัวทำงานในวันที่6 พวกผมตื่นมาเก็บข้าวของพร้อมกับร่ำลาพ่อแม่ สงสัยอยู่ที่นี่ไม่ได้ทำอะไร ผมรู้สึกเหมือนนอนไม่อิ่มตลอดเลย ..เพลียแปลกๆ
"เจแอนมึงขับนะ! กูว่ากูไม่โอเค เหมือนจะไม่สบาย กูปวดท้องหน่อยๆ "ผมรีบผลักให้เจแอนขับแทน
"อือๆ ..ขับก็ได้ เดี๋ยวเปลี่ยนกับอี่อาชิได้ มึงไม่สบายพักเถอะ! "ดีมากเพื่อนแบบนี้ค่อยน่าเลี้ยงหน่อย
"ไปดีมาดีนะลูก "แม่ผมให้พร ผมเดินเข้าไปกอดแม่ และพ่อ แล้วก็ตบหัวน้องบังเกิดเกล้าทีหนึ่งและกอดมันด้วย
"ฝากแม่กับพ่อด้วยนะสายลม ..แล้วพี่จะมาบ่อยๆ หรือว่างๆ ก็ขับรถซื้อสายไหมไปฝากด้วย" น้องชายผมหัวเราะ
"ยังกินของหวานเหมือนเด็กเลย...ดูแลตัวเองนะพี่หนุ่มคนไหนขอเบอร์ อย่าลืมโทร.มาให้ผมสแกน"ดูมันเสือกเรื่องนี้เสมอเลย
"เรื่องผู้พี่ขอไม่รายงานแกได้ไหมวะ! ..เพราะคนล่าสุดไม่ได้ขอเบอร์เลย"ผมแอบต่อในใจว่า มันขอเอาเลย... แต่ถ้าพูดไป น้องได้ตบกระบาลผมแยกแน่
"อือๆ โชคดี"
หลังได้พักยาวชีวิตการทำงานของมนุษย์เงินเดือนก็วนเวียนมาใหม่ ผมกับเพื่อนกลับมาทำงานเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือร่างกายผมไม่สู้เหมือนแต่ก่อน ผมรู้สึกเบื่อ ขี้เกียจ แค่มองดูงานผมก็หาวแล้ว ผมเอาแต่คิดถึงที่นอนตลอดวัน โด๊ฟกาแฟไปก็เหมือนเทลงโถส้วม มันไม่ช่วยหายง่วงเลย
"นี่เพิ่งกลับมาทำงานได้อาทิตย์เดียวหน้าเหี่ยวเหมือนมึงทำมาทั้งปีไม่ได้หยุดเลยนะขอบฟ้าหน้าตามึงไม่สดชื่นเลย "
"เออ..กูเพลียๆ มึงวันนี้ขับรถให้กูหน่อย กูว่ากูไม่ไหวจริงๆ ไม่รู้กูเป็นอะไร อยากนอนตลอดเลย ขนาดช่วงนี้กูงดออกกลางคืนแล้วนะ นอนตั้งแต่สองทุ่ม เจ็ดโมงเช้ากูก็ยังไม่อยากตื่น"ผมบ่นๆ ให้เจแอนฟัง
"มึงน่าจะไปหาหมอ ไม่สบายหรือเปล่า? "
"ก็ปกติดีอะ..ไม่เป็นอะไรนะ"
"มึงหาหมอแล้ว? "
"ยัง!! "จะเอาเวลาไหน ก็หลังหยุดปีใหม่ก็มาทำงานหัวโด่ด้วยกัน
"มึงควรไปนะ หน้ามึงซีดมากนะขอบฟ้า"เจแอนสั่งอย่างกับแม่ ผมก็ชักรำคาญ เลยอือออมันไป
จากนั้นก็ว่าจะรีบลุกไปหากาแฟ แต่ว่าผมลุกเร็วไปไหมรู้สึกเหมือนวูบ แล้วทุกอย่างก็ดับไป
"ขอบฟ้า ขอบฟ้า ขอบฟ้า ตื่นๆๆ " ผมค่อยๆ รู้สึกตัว เมื่อเสียงเรียกดังข้างหู พอลืมตาได้ จึงพบว่า ที่นี่ไม่ใช่ที่ทำงาน
"อีเจแอน อี่อาชิ พวกมึงเกิดอะไรขึ้นวะ!? " ผมถามพวกนาง ที่สีหน้าวิตกกังวลกับผมมาก ผมคิดว่าคงมีเรื่องคอขาดบาดตาย หรือผมเป็นมะเร็ง ดูจากสีหน้าพวกมัน หรือเป็นโรคร้ายรักษาไม่ได้ หรือว่าใกล้จะตายอีกไม่นาน
"กูเป็นอะไรทำไมมาอยู่ที่นี่ พวกมึงคนใดคนหนึ่ง จะตอบกูได้ไหม? พวกนางผะอึดผะอม ไม่อยากพูด แต่แววตาดูสลดกับผมไม่น้อย
"อี่ดอก!! เจแอน อี่ห่าอาชิ กูมาอยู่ที่โรงพยาบาลเพราะกูป่วยด้วยโรคอะไร"
"มึงท้อง!! ...อีขอบฟ้ามึงท้องสามสัปดาห์แล้วว่ะ"อี่อาชิตอบเสียงสั่น จังหวะนี้ภาวนาให้พวกมันล้อเล่น
"พวกมึงล้อเล่นแรงว่ะ! ..ไม้เห็นต้องล้อกูแรงขนาดนี้"ผมพูดทั้งๆ ที่น้ำตาจะไหล
"พวกกูไม่ได้ล้อเล่น หมอบอกว่ามึงเป็นลมเพราะมึงตั้งท้อง สามสัปดาห์เพื่อน"
ผมหยิกตัวเองแรงๆ จนรู้ตัวว่าไม่ได้ฝัน สามสัปดาห์หลังจากคริสต์มาสอีฟ ฉิบหาย!! ไม่จริง!!
"มึงไม่กินยาเหลือขอบฟ้า ทำไม่มึงปล่อย? "
"ยาเหี้ยอะไร กูจะไปรู้! .."ผมตวาดใส่เพื่อน ยอมรับว่ากลัวและตกใจ อะไรกันนอนตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองท้อง เป็นใครจะตั้งรับทัน
"ยาคุมฉุกเฉินมันมีขาย มึงไม่รู้เหรอ? "อี่อาชิยังพูดต่อ
"แค่ครั้งเดียว กูไม่รู้นี่ว่ามันจะมี กูเลยไม่ได้กิน...ทำไงดี ทำไงดี แม่กูจะรู้ไม่ได้ มีใครรู้เรื่องนี้บ้าง"ผมต้องปกปิดเรื่องนี้ไว้
"ไม่มีใคร นอกจากพวกกูสองคน"
"ดี! ..งั้นพวกมึงห้ามบอกใคร ..กูจะให้ใครรู้ว่ากูท้องไม่มีพ่อไม่ได้”
tbc