ตอนที่ 3 ซักผ้า

1915 Words
“ผมถามว่าคุณกำลังทำอะไร” คิ้วหนายกขึ้นบนใบหน้าของจางชิงพร้อมสายตามองผ่านใบหน้าเธอไปที่เคียวเกี่ยวหญ้า จ้าวหลิวหลีมองตามสายตาของเขาก็พบว่าการจับหญ้าเหมือนแปลก ๆ และเหมือนกลัวเคียวบาดของเธอ มันดูไม่ชำนาญเหมือนทุกครั้งที่ร่างเดิมทำจริง ๆ นั่นแหละ นี่เธอทำตัวราวกับคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อเหมือนสายตาของเขาจะสื่อแบบนี้ใช่ไหมนะ “เอ่อ... คือฉัน” ยังไม่ทันได้ตอบอะไรออกไป ชายหนุ่มก็เดินเข้ามายืนเคียงข้างเธอพร้อมจับมือของเธอที่ถือเคียวอยู่ ก่อนจะเอามือที่จับกลุ่มหญ้าให้แบออกพร้อมสอนเธอจับกลุ่มหญ้าใหม่ให้มันมากขึ้นกว่าเดิม จ้าวหลิวหลีจ้องมองวิธีการของจางชิงที่กำลังทำเหมือนจะสอนเธออยู่อย่างตั้งใจ เพราะเธอเองก็ใช่ว่าจะทำเป็น ต่อให้เห็นภาพการทำงานของเจ้าของร่างเกิดมาหลายครั้งเธอก็ยังทำไม่เป็นอยู่ดี จางชิงจับมือที่ถือเคียวของเธอค่อย ๆ ตัดกลุ่มหญ้าในมืออีกข้างที่จับไว้แน่น ขยับมือและเคียวให้สัมพันธ์กันไม่นานก็สามารถตัดหญ้ากองใหญ่ขึ้นมาได้ในเวลาเพียงครู่เดียวก็สำเร็จ รอยยิ้มแห่งความภูมิใจเผยหลุดออกมาอย่างไม่รู้ตัว ขณะที่จางชิงที่หันมามองเห็นเข้าพอดีจนเขาไม่สามารถละสายตาได้เลย ก่อนเธอจะรีบหุบยิ้มเมื่อหันมาเห็นสายตาแปลก ๆ ของจางชิงเช่นกัน “ขอบคุณนะจางชิง” เธอค่อย ๆ เอามือออกจากมือของเขาและโค้งศีรษะเล็กน้อยเป็นการขอบคุณก่อนที่จางชิงจะพยักหน้าแต่ก็ไม่เดินห่างออกไป เขายังยืนมองเธออยู่เงียบ ๆ “มองอะไรหลิวหลีไม่รีบเอาหญ้าไปให้หมูเหรอ” เมื่อถูกพูดแบบนั้นเธอก็นึกได้ว่ามีงานต้องทำต่อจึงเริ่มตัดหญ้าใหม่อีกครั้ง โดยครั้งนี้มีจางชิงยืนมองดูอยู่ไม่ห่างและพยักหน้าเหมือนจะชื่นชมที่เธอสามารถตัดหญ้าเองได้แล้ว แม้ว่าจางชิงจะเห็นจ้าวหลิวหลีอยู่ทุกวัน แต่ไม่รู้ทำไมครั้งนี้เขาถึงรับรู้ได้ว่าเด็กสาวตรงหน้ามีแววตาต่างออกไปจากที่เคยเป็น และสายตาคู่นั้นยังไม่ได้เศร้าหมองไร้ความสุขเหมือนทุก ๆ ครั้งที่พบเจอแต่กลับเปล่งประกายราวดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างไรอย่างนั้น ใช้เวลาอยู่นานพอควรก็ตัดหญ้าได้กองใหญ่ซึ่งเธอก็คิดว่าเท่านี้คงเพียงพอสำหรับการนำไปเป็นอาหารให้หมูแล้ว หญิงสาวจึงวางเคียวเกี่ยวหญ้าไว้ด้านข้างและหอบเอากองหญ้าเดินไปวางไว้ตรงคอกหมูพร้อมกับกระจายเรียง ๆ ให้หมูในคอกกินได้ง่าย ๆ จางชิงเองก็ทำงานของตัวเองเสร็จแล้วเช่นกัน เขาไม่มีอะไรทำจึงได้เดินมาหอบกองหญ้าไปที่คอกหมูช่วยจ้าวหลิวหลีทำงาน จนหญิงสาวในร่างหลิวหลีแอบขอบคุณในใจ สองคนต่างพากันเดินหอบกองหญ้าไปมาระหว่างคอกหมูและชายป่าจนหมด หอบหายใจจากความเหนื่อยล้าจนตัวโยนของจ้าวหลิวหลี ที่ภายในมีจิตวิญญาณของเหมาเสี่ยวหลินในวัยสามสิบดูเหมือนจะเหนื่อยมากกว่าทุกวัน ทว่าต่อให้เหนื่อยแค่ไหนก็ยังมีงานให้ทำต่อ เธอเดินมุ่งหน้าไปยังลานเก็บเกี่ยวถั่วเหลือง ด้วยวันนี้เป็นวันต้องเก็บผลผลิตซึ่งเธอต้องไปช่วยพ่อแม่เก็บเกี่ยวโดยที่จางชิงเองก็ไปด้วยเช่นกัน “ทานอะไรมาหรือยังหลิวหลี” ระหว่างทางเดินไปลานเกี่ยวถั่วเหลืองจางชิงเอ่ยถามคนข้าง ๆ กายก่อนจ้าวหลิวหลีจะหันมาพยักหน้าเป็นคำตอบว่าทานแล้ว “ดีแล้ว เช้า ๆ ต้องทานรองท้องหน่อย ไม่อย่างนั้นจะเป็นลมเอาได้” ระหว่างทางมีแต่เสียงของจางชิงที่พูดและเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้เธอฟัง เพราะจ้าวหลิวหลีไม่รู้จะพูดอะไรกับชายหนุ่มตรงหน้าจึงได้แต่ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีกระทั่งมาถึงลานเกี่ยวถั่วเหลืองพอดี จางชิงและจ้าวหลิวหลีเดินเคียงกันเข้ามาก่อนเธอจะพบสายตาที่ไม่พออกพอใจส่งผ่านมาจากดวงตาหลายสิบคู่ของหญิงสาวภายในหมู่บ้าน จ้าวหลิวหลีได้แต่ทำเป็นมองไม่เห็น เธอไม่สนใจเพราะคิดแล้วก็รู้ว่า พวกหล่อนคงไม่พอใจที่เธอเดินมากับชายหนุ่มอย่างจางชิงสินะ “หลิวหลี” เสียงเรียกจากน้ำเสียงคุ้นเคยทำให้เธอหันกลับไปมองพร้อมเผยรอยยิ้มกว้างและเดินห่างจากชายหนุ่มออกไปหาพ่อที่ยืนอยู่ไม่ไกลมาก “ให้อาหารหมูเสร็จแล้วใช่ไหมหลิวหลี” เสียงนี้เป็นแม่ที่พูดกระซิบถามก่อนเธอจะพยักหน้าและเริ่มหันมาหยิบเคียวไปเกี่ยวต้นถั่วเหลืองแห้ง ๆ ตามรูปแบบการเกี่ยวหญ้าเมื่อครู่ที่ผ่านมา “หัวหน้ากองผลิตให้ครอบครัวเราเกี่ยวตรงนี้และนำกลับไปตากที่ลาน” “ถ้าอย่างนั้นก็รีบทำกันเถอะ เสร็จแล้วจะได้กลับบ้านกัน” มือของพ่อชี้บอกว่าตรงไหนที่หัวหน้ากองผลิตแบ่งให้ครอบครัวเธอรับผิดชอบ ก่อนที่หญิงสาวกับแม่จะพยักหน้าและเร่งลงมือทำ สี่คนพ่อแม่ลูกต่างทำงานกันอย่างขยันขันแข็งไม่มีใครเอ่ยคำบ่นใด ๆ ทั้งสิ้น ถึงแม้ในร่างของจ้าวหลิวหลีจะไม่ใช่ลูกสาวคนเดิม ทว่าผู้มาอยู่ใหม่ไม่ได้เกียจคร้านมิหนำซ้ำยังขยันขันแข็งมากด้วย ใช้เวลาอยู่เกือบ ๆ ครึ่งวันจนฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีชาวบ้านในหมู่บ้านรวมถึงครอบครัวของเธอก็เก็บเกี่ยวผลผลิตส่วนของตัวเองเสร็จ ต่างก็พากันมัดเป็นฟ่อนช่วยกันแบกหามกลับไปที่ลานตาก “ไหวใช่ไหมหลิวหลี” คำถามที่เอ่ยออกมาจากปากของพ่อเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ พ่อและแม่เดินขนาบข้างพร้อมมองด้วยแววตาเป็นห่วง เมื่อเห็นร่างบอกบางของลูกสาวใช้คานเสียบฟ่อนถั่วเฟืองแบบขึ้นไหล่เดินไปเรื่อย ๆ กลายเป็นว่าเส้นทางเดินจากลานเก็บเกี่ยวผลผลิตเป็นชาวบ้านหลายสิบคนพร้อมกับครอบครัวเธอที่เดินพูดคุยกันมาตลอดทาง น้อยครั้งจะได้เห็นความสุขบนความลำบาก แต่เหมาเสี่ยวหลินกลับได้เห็นว่าตอนนี้พ่อและแม่เธอไม่ได้แสดงความเหนื่อยล้าออกมาเลย ทว่ายังชวนพูดคุยหัวเราะขบขันได้ระหว่างทางอีกด้วย เมื่อจ้าวหลิวหลีและครอบครัวเดินทางกลับมาถึงบ้าน เจียวเหนียงผู้เป็นย่าก็เดินออกมาพร้อมสั่งให้พ่อของหญิงสาวนำผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้เอาไปจัดเรียงที่ลานเก็บผลผลิตดี ๆ ทั้งยังใช้งานแม่ให้ไปซักผ้าที่อยู่ในตะกร้าด้วย ทั้ง ๆ ที่พวกเราสี่คนพ่อแม่ลูกเพิ่งจะกลับมาจากการไปเก็บเกี่ยวผลผลิต แต่ลุงใหญ่และป้าสะใภ้ใหญ่ที่อยู่อย่างสุขสบายกลับนั่งเฉยไม่ได้รู้สึกร้อนหนาวอะไร ทุกคนนั่งแทะเมล็ดแตงโมพร้อมกับมองอย่างเพลิดเพลินที่เห็นคุณย่าใช้งานพ่อแม่ของเธอ เหมาเสี่ยวหลินในร่างเด็กสาวคับแค้นใจเป็นอย่างมาก เธอไม่รู้จะพูดอะไรออกมาแล้ว ครั้นในฝันที่เห็นคุณภาพชีวิตของจ้าวหลิวหลีก็ว่าน่าสงสารมากพอแล้ว ไม่อยากจะเชื่อว่าพอได้มาอยู่ในร่างนี้จริง ๆ มันจะน่าเวทนาขนาดนี้ “แม่คะ” เสียงเล็กเอ่ยเรียกอย่างแผ่วเบาก่อนหลี่ซิ่นฮวาจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับลูกสาวพร้อมส่งรอยยิ้มให้เหมือนเธอไม่ได้รู้สึกโดนเอารัดเอาเปรียบอะไรจากคนในครอบครัวเลย “หนูทำเองค่ะ แม่พักเถอะนะคะ” เพราะเธอเห็นว่าหลี่ซิ่นฮวาอายุก็เกือบจะเข้าวัยชราแล้วจึงไม่อยากจะให้ต้องมาทำงานหนักอีก จ้าวหลิวหลีเอื้อมมือไปดึงตะกร้าผ้าออกจากมือของแม่พร้อมลุกขึ้นยืน “แม่พักผ่อนนะคะ” เอ่ยจบหญิงสาวก็เดินตามความทรงจำของจ้าวหลิวหลีมาที่ลำธารไม่ห่างไกลจากบ้านที่เธออยู่อาศัยนัก ก่อนจะถอนหายใจเพราะเห็นเหล่าหญิงสาวชาวบ้านหลายคนกำลังนั่งซักผ้าพร้อมกับส่งเสียงนินทาคนนั้นคนนี้หัวเราะคุยกันสนุกสนานอยู่ สายตาสื่อความหมายหลากหลายจ้องมองมาที่เธออย่างไม่ปิดบัง บางคนสงสารและเวทนา บางคนขุ่นเคืองอิจฉาริษยา แต่หญิงสาวก็ขี้เกียจจะใส่ในในเมื่อเธอไม่รู้จักพวกหล่อนเลยสักคน เพราะปกติจ้าวหลิวหลีทำงานทั้งวันจะมีเวลาไปมีสหายหรือรู้จักผู้คนได้อย่างไร เธอแค่อยากรีบซักผ้าให้เสร็จและรีบกลับบ้านไปทำงานต่อเท่านั้น จากความตื่นเต้นดีใจที่ได้ทะลุมิติมาลำบากลำบน ตอนนี้กลับคิดว่าถ้าเอาแต่ทำงานพวกนี้ต่อไปคงไม่มีอะไรสนุกแล้ว นึกอยากกลับบ้านก็คงกลับไปไม่ได้แน่ ต้องหาทางมั่งคั่งดังเช่นนางเอกนิยายคนอื่น ๆ สนุกกับการหาเงิน เพราะอยากขายของในมิติใจจะขาดละ ในระหว่างที่เธอกำลังนั่งซักผ้าอยู่ก็มักจะมีเสียงซุบซิบนินทากันเองของเหล่าแม่บ้านและเหล่าสะใภ้บ้านอื่นอยู่เป็นระยะ จ้าวหลิวหลีก็ฟัง ๆ มาเล็กน้อย เพราะบางอย่างก็จำเป็นเรื่องราวที่เธอควรรู้ เหมาเสี่ยวหลินในร่างเด็กสาวใช้มือขยี้ผ้าหลายสิบชิ้นอย่างเหนื่อย ๆ เพราะในยุคที่เธออยู่มีทั้งผงซักฟอกและเครื่องซักผ้า ไม่ต้องมานั่งเหนื่อยขยี้ผ้าด้วยมือแบบนี้เลย ก็ได้แต่บ่นในใจเพราะเธอก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำอยู่ดี เมื่อไม่สามารถพูดอะไรได้ สายตาที่จดจ้องมองเสื้อผ้าในมือก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินประโยคบางอย่างจากคนในกลุ่มที่กำลังนั่งซักผ้าไม่ต่างจากเธอ “เมื่อวานฉันออกไปนอกหมู่บ้านกับสามีมา ที่นั่นมีของกินเยอะแยะไปหมดเลยนะ” เสียงพูดของหญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยอวดให้สหายฟัง “มีแต่ของสวย ๆ งาม ๆ คนเดินแลกเปลี่ยนกันเต็มไปหมด” หูสองข้างของจ้าวหลิวหลีผึ่งออกเพื่อตั้งใจฟัง ทว่าสองมือก็ไม่ได้หยุดขยี้ผ้าแต่ในหัวก็ประมวลผลเกี่ยวกับเรื่องที่ได้ยินมา นอกหมู่บ้านอย่างนั้นหรือ ทำไมในความทรงจำของจ้าวหลิวหลีไม่มีอะไรเกี่ยวกับเรื่องการเดินทางไปนอกหมู่บ้านเลย หรือว่าเด็กคนนี้อาจจะยังไม่เคยออกนอกหมู่บ้านสักครั้งก็เป็นได้ ใช้เวลาอยู่ไม่นานมากก็ซักผ้าเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวจัดการยกตะกร้าผ้าขึ้นมาอุ้มก่อนจะเดินหันหลังกลับบ้านของตนเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD