บทที่3 อสูรร้ายในคราบเจ้าชาย
“ปล่อยควีนนี่เดี๋ยวนี้นะ ควีนนี่จะไม่รักพี่เคย์อีกต่อไปแล้ว”เธอเอ่ยบอกเขาด้วยสรรพนามที่ห่างเหินหลังจากที่เขาพาเธอมายังโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งแน่นอนว่ามันคือโรงแรมที่บิดาเธอเป็นหุ้นส่วนใหญ่
ตลอดทางที่เขาพาเธอมายังที่นี่เธอทั้งทุบทั้งตีเขาสารพัด ไม่ว่าเธอจะทำอะไรเขาก็เอาแต่นั่งหน้านิ่งไม่สะทกสะท้าน จนกระทั่งถึงโรงแรมชายหนุ่มจึงแบกเธอลงจากรถ ก่อนจะสั่งให้คนขับรถที่มาด้วยกันกับเขาแยกตัวออกไป
“พี่เคย์ทำแบบนี้กับควีนนี่ทำไม”โวยวายไปเขาก็ไม่สนใจ เธอจึงเลือกที่จะสงบสติอารมณ์แล้วตั้งใจคุยกับเขาด้วยเหตุและผล เพราะตอนนี้ไม่มีแรงทุบตีเขาแล้ว
“ถ้าพี่เคย์ไม่อยากให้ควีนนี่ตามตื๊อ หรือยุ่งกับพี่เคย์อีก แค่พี่เคย์เอ่ยปากบอกแล้วควีนนี่ก็จะไม่ยุ่งกับพี่เคย์อีกเลย”
ทันทีที่พูดจบร่างบางก็ถูกชายหนุ่มกระชากเข้าไปประชิดตัว ก่อนที่เธอจะถูกริมฝีปากร้อนของเขาบดขยี้และครอบครองอีกครั้ง
ไม่ว่าเธอจะป้องกันตัวหรือสู้กับเขายังไงเหมือนคนตรงหน้าจะรู้ทันและจัดการเธอได้อย่างเหนือชั้นกว่า เธอหมดหนทางสู้ต้องยอมให้เขาครอบครองร่างกายของเธอซ้ำๆ จนเธออ่อนแรงและหมดสติไปทั้งๆที่เขายังคงขยับตัวอยู่ในกายของเธออีกครั้ง
Rrrrrrrr
“ไอ้แจ็คบอกหลานมึงด้วย ถ้าไม่พาลูกสาวกูกลับมาส่งบ้านภายในสิบนาทีกูจะให้ลูกน้องกูทั้งเกาะรุมกระทืบมันให้เหลือแค่ชื่อ”
“โทรมาโวยวายอะไรของมึงดึกขนาดนี้ไอ้เซียน”เจคอปที่โดนปลุกขึ้นมากลางดึกกรอกเสียงถามกลับด้วยความงัวเงีย
“ก็ไอ้เคย์มันพาลูกกูเข้าโรงแรม และกูก็ติดต่อทั้งมันทั้งลูกสาวกูไม่ได้ กูให้เวลามันพาลูกสาวกูออกมาภายในห้านาที ไม่งั้นกูจะให้ลูกน้องพังประตูเข้าไปกระทืบมัน”
ชวินเอ่ยบอกคนปลายสายด้วยความโมโห ทันทีที่เขาได้รับรายงานจากลูกน้องว่าหนุ่มลูกครึ่งพาลูกสาวสุดที่รักเข้าไปในโรงแรมเขาก็รีบต่อสายหาลูกสาวทันที แต่ก็ไม่สามารถติดต่อทั้งเธอและมันได้
นั่นเลยทำให้ทั้งเขา รามิล และราชันย์รีบบึ่งรถออกจากบ้านมาทันที โดยที่ให้เมียรักอยู่รอที่บ้านเพราะไม่อยากให้เธอมาเห็นว่าเขากำลังจะกระทืบไอ้คนที่มันคิดจะทำมิดีมิร้ายกับลูกสาวสุดที่รัก
“ไอ้เคย์มันจะไปอยู่กับควีนนี่ได้ยังไง เมื่อสองชั่วโมงก่อนมันยังโทรมาบอกกูว่ากำลังขึ้นเครื่องอยู่เลย”เจคอปบอกปลายสายไปด้วยความสงสัยเช่นกัน เพราะไม่คิดว่าทั้งเควิน หรือชวินจะโกหก
“แต่ลูกน้องกูบอกว่าไอ้เคย์มันแบกลูกสาวกูเข้าโรงแรม”
“เป็นไปมะ...”
“จะเป็นอะไรก็เรื่องของมึง ที่แน่ๆมึงมาเก็บศพหลานมึงได้เลย
ไอ้แจ็ค”พูดจบชวินก็ตัดสายทิ้งทันที
อีกฝั่งหนึ่งทันทีที่ลูกน้องได้รับรายงานจากผู้เป็นเจ้านายว่าให้เข้าไปรับตัวหญิงสาวที่เป็นแก้วตาดวงใจของผู้เป็นนายออกมา จึงไม่รอช้าเดินไปเคาะประตูห้องที่หญิงสาวอยู่ทันที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้ชายหนุ่มที่เพิ่งถอนตัวตนออกมาจากร่างบางที่สลบไปอีกครั้ง หันไปมองต้นเสียงเพียงครู่หนึ่งก่อนจะหันมาห่มผ้าให้คนบนเตียง แล้วหยิบกางเกงตนเองที่กองอยู่บนพื้นมาสวมท่อนล่างเอาไว้ก่อนจะเดินไปเปิดประตู
“นายให้มารับควีนกลับบ้านครับ”นนท์ที่ได้รับคำสั่งจากผู้เป็นนายให้มาพาหญิงสาวกลับบ้านเอ่ยบอกคนที่เดินเปลือยอกมาเปิดประตู
“.....”หนุ่มลูกครึ่งยืนจ้องหน้าคนนับสิบที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยสายตานิ่งเฉย มากันขนาดนี้คงไม่ได้ตั้งใจมารับหญิงสาวกลับอย่างเดียวเป็นแน่
บอดี้การ์ดวัยห้าสิบรีบขวางประตูไว้ทันที เมื่อคนด้านในกำลังจะปิดประตูโดยไม่สนใจคำพูดของตน เหมือนไม่ได้ยินที่เขาบอกไปเมื่อสักครู่ และที่สำคัญเขายังไม่ได้ตัวหญิงสาวคนสำคัญออกมาด้วย
“คืนควีนมาดีกว่าครับ คุณเคย์ก็น่าจะรู้ดีนะครับว่าถ้าอยู่ตามลำพังกับควีนแล้วนายติดต่อไม่ได้ทั้งคู่มันจะเกิดอะไรขึ้น”นนท์บอกชายหนุ่มตรงหน้าที่ดูเหมือนวันนี้จะทำตัวผิดปกติหลายอย่าง
“หึ”
“นายสั่งให้ผมมากระทืบคุณที่กล้าพาควีนเข้าโรงแรม แต่ผม
ไม่อยากทำรุนแรงกับคุณ รบกวนให้ควีนออกมาจากห้องด้วยครับ”ดูจากสภาพคนตรงหน้าแล้วเขาไม่สามารถให้ลูกน้องบุกเข้าไปด้านในสุ่มสี่สุ่มห้าได้ เพราะไม่มั่นใจว่าหญิงสาวจะอยู่ในสภาพใด
“คิดว่ากระทืบกูได้ก็เชิญ”หนุ่มลูกครึ่งเดินออกมาให้พ้นประตูห้อง ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองหน้าคนทั้งสิบด้วยสายตาที่นิ่งเฉยพอๆกับคำพูด
ถึงจะไม่อยากทำแต่เมื่อคนตรงหน้าต้องการจะเจ็บตัวนนท์ก็ไม่ขัด ด้วยรู้ดีว่าหนุ่มลูกครึ่งตรงหน้าเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจ ถึงมีจะพอทักษะป้องกันตัวแต่ก็ไม่สามารถที่จะชนะลูกน้องนับสิบที่ฝึกอบรมการต่อสู้มาอย่างเชี่ยวชาญได้
ใช้เวลาไม่เกินสิบนาทีนนท์ต้องยืนอึ้งกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ลูกน้องนับสิบของเขาลงไปนอนกองสลบอยู่บนพื้นเป็นที่เรียบร้อย โดยที่อีกฝ่ายซึ่งมีคนเดียวไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนใดๆ
“ไอ้นนท์เกิดบ้าอะไรขึ้น กูให้มึงเอาลูกน้องมากระทืบไอ้เคย์ แล้วทำไมถึงอยู่ในสภาพนี้กัน”ชวินที่ตามมาทีหลังยืนมองเหล่าลูกน้องที่นอนพับอยู่กับพื้น ก่อนจะหันไปมองหนุ่มลูกครึ่งที่ยืนกอดอกนิ่งไม่สนใจต่อสิ่งรอบข้าง
“ตามที่นายเห็นเลยครับ”นนท์เอ่ยบอกผู้เป็นนายที่ทำงานด้วยกันมาตั้งแต่วัยรุ่นจนตอนนี้ห้าสิบกว่ากันเข้าไปแล้ว
“พาพวกมันไปหาหมอด้วยทางนี้เดี๋ยวพวกกูจัดการเอง”ชวินสั่งให้ลูกน้องช่วยกันหอบหิ้วไปโรงพยาบาลเสร็จจึงหันไปมองยังหนุ่มลูกครึ่ง
ซึ่งตอนนี้กำลังโดนแฝดพี่ของเขาอย่างรามิลผลักตัวให้ติดผนังอย่างข่มอารมณ์ไม่ให้ทำอะไรรุนแรงลงไป
“มึงทำอะไรลูกสาวกู”รามิลจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเยือกเย็น
เมื่อก่อนเขาอาจจะเอ็นดูมันอยู่บ้างที่ยอมตามเอาอกเอาใจลูกสาวเขามาตั้งแต่เด็ก และมันก็ทำตัวดีมาโดยตลอดไม่เคยล่วงเกินลูกสาวสุดที่รักของตน แต่จากสภาพของชายหนุ่มที่เขาเห็นตอนนี้ทั้งการแต่งกายและรอยข่วนบนหน้าอกทำให้เขาอดจะอารมณ์ขึ้นไม่ได้
ถึงลูกสาวเขาจะโหดขนาดไหนแต่ถ้ากับผู้ชายตรงหน้าที่ลูกสาวเธอปักใจรักมาตั้งแต่เด็กไม่มีทางที่ลูกสาวเธอจะขัดขืนมันได้เลย
“พ่อครับ”ราชันย์เรียกผู้เป็นบิดาพร้อมกับจ้องมองหน้าหนุ่มลูกครึ่งนิ่งๆอย่างพิจารณา
“ไม่ต้องห้ามพ่อคิงส์”รามิลเอ่ยบอกลูกชายโดยที่ไม่หันกลับไปมอง
“ผมไม่ได้จะห้าม”ราชันย์เอ่ยบอกบิดา ยิ่งเห็นใบหน้าและแววตาเยือกเย็นของหนุ่มลูกครึ่งราชันย์ก็ยิ่งมั่นใจในสิ่งที่ตนเองคิด
“มันไม่ใช่เควิน”ยิ่งเห็นหนุ่มลูกครึ่งยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจราชันย์ยิ่งมั่นใจ หากหนุ่มลูกครึ่งตรงหน้าคือเควินก็คงเป็นเควินที่เขาไม่เคยรู้จัก
เขาเฝ้าจับตาดูเควินมาตั้งแต่เด็กเพราะทุกครั้งที่เควินมาไทยมักจะชอบมาหาและมาเล่นกับแฝดน้องของตนทุกครั้ง จนพอจะทำให้เขารู้ได้ว่าเควินนั้นชอบแฝดน้องของตนและยิ่งเขารู้ว่าแฝดน้องของตนก็ชอบพอชายหนุ่มเช่นเดียวกัน เขาจึงเฝ้ามอง เฝ้าหวงแฝดน้องหนักกว่าเดิม และก็เฝ้าศึกษานิสัยใจคอและคอยดูพฤติกรรมของเควินหนักขึ้นด้วย ถ้าเมื่อไหร่ที่มันคิดจะทำร้ายคนที่เขารักเมื่อนั้นเขาก็จะจัดการมันทันที