ตอนที่ 6
รูป
“พ่อเลี้ยง!?”
“คุณพูดอะไรของคุณเนี่ย”
“ผมสั่งให้คุณตบคืน” เขาสั่งเสียงนิ่งจนหลายคนไม่กล้าที่จะคัดค้าน ปิ่นมุกมองอีกคนที่บรรจงมือบนหน้าของเธอเมื่อครู่ ตอนนี้กลายเป็นหลบหน้าสวยนั้นลง
“ไม่ค่ะ” แต่คำตอบของปิ่นมุกทำให้ทุกคนหันมามองหน้าเธอเหมือนกับเขา
มันคงเป็นคำตอบที่หน้าหงุดหงิดสำหรับภูผา แต่เธอมีเหตุผลของเธอ เธอมาที่นี่เพื่อที่จะมาใช้หนี้เขาเท่านั้น ไม่ได้มาเพื่อที่จะมามีเรื่องกับใคร
ท่าทางคู่ขาของเขาแต่ละคนก็ดูไม่ธรรมดา ถึงกิริยาท่าทางจะไม่บ่งบอกถึงความเป็นผู้ดี แต่ชุดที่ใส่อยู่ก็มีราคาสูงมากกว่าชุดของเธอทั้งตัว ทั้งสองคนคงจะเป็นลูกคนใหญ่คนโตที่มีฐานะร่ำรวยเทียบเท่ากับภูผาหรืออาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ทางที่ดีถ้าเธออยากอยู่ที่นี่อย่างสงบสุข เธอก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งด้วยจะดีกว่า
“ขอเหตุผลดี ๆ ที่ไม่ทำตามคำสั่งของผมหน่อยสิ” เขาเปลี่ยนท่าเป็นยืนกอดอกมองอีกคนราวกับว่าเขาเป็นพ่อที่รอฟังคำตอบของลูกสาวที่เพิ่งกลับถึงบ้านหลังจากที่หนีเที่ยวตอนกลางคืน
“เหตุผลของฉัน คุณรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว จะถามฉันทำไมคะพ่อเลี้ยง?”
“ผมอยากได้ยินจากปากคุณ ไม่ใช่คิดเอง”
เธอถอนหายใจก่อนตอบกลับ “ฉันมาที่นี่เพื่อที่จะมาทำงานใช้หนี้คุณ ไม่ได้มาเพื่อทะเลาะกับใคร ฉันโตพอที่จะแยกแยะเรื่องไม่เป็นเรื่องกับเรื่องจริงจังออกจากกัน ฉันไม่ชอบตอบโต้ใครเพื่อความสะใจ คุณเองก็เหมือนกัน”
“ผมมันยังไง” เขายกยิ้มน้อยก่อนเดินเข้าไปใกล้ปิ่นมุก
“คุณเองก็โตพอที่จะรู้เหมือนกันว่าอะไรเป็นอะไร สิ่งที่คุณทำอยู่ก็เพียงเพื่อแกล้งฉันเท่านั้น แล้วฉันก็คงไม่กล้าว่าอะไรคุณไปมากกว่านี้แล้วด้วย เพราะถ้ามันไม่เข้าหูคุณ ครอบครัวฉันก็ต้องโดนไปด้วยเหมือนกัน”
“ดี ตอบได้ดี สมกับที่เคยเป็นพนักงานของบริษัทยักษ์ใหญ่ติดอันดับประเทศ แต่พอดีผมเป็นพวกกะล่อนอย่างที่คุณคิดจริง ๆ เพราะฉะนั้น..มินนี่” เขาหันหน้ามาหาคู่ขาของตนเอง “ค..คะพ่อเลี้ยง”
“ตบหน้าตัวเอง”
“จะได้รู้ว่าคุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับคนของผม”
“แต่มินนี่ก็เป็นคนของพ่อเลี้ยงนะคะ”
“แต่คุณเป็นคนผิด จำกฎของเราได้ไหมว่าห้ามล้ำเส้นผม ไม่ว่าผมจะทำอะไรกับใคร คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้ ตอนนั้นก็ทีหนึ่งแล้วยังไม่เข็ดกัน คราวหน้าถ้ามีอีก ผมว่า..เราคงต้องต่างคนต่างไปกันทั้งสองฝ่าย” คำประกาศิตฟาดลงทำให้หญิงสาวไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะปฏิเสธ เธอค่อย ๆ ยกมือขึ้นตบหน้าตนเองด้วยความแรงเทียบเท่ากับที่เธอตบปิ่นมุกเมื่อครู่ เมื่อฝ่ามือกระทบเข้าที่ใบหน้าจนใบหน้าครึ่งซีกชาแล้วก็ทนความอบอายไม่ได้ จึงเดินสะบัดก้นกลับออกไปโดยมีหญิงสาวอีกคนวิ่งตามออกไปด้วย เพราะอยู่ไปภูผาก็ไม่ได้สนใจเธออยู่ดี
ส่วนไก่ที่เมื่อครู่อยู่ข้างหลัง ด้วยความเป็นเด็กพอเห็นผู้ใหญ่กำลังเครียดอยู่ก็เกิดความกดดัน สาวน้อยจึงค่อย ๆ ถอยตัวเองกลับเข้าครัวไป ทำให้เหลือเพียงปิ่นมุกและภูผายืนมองหน้ากันอยู่เท่านั้น “คุณไม่น่าไปพูดแบบนั้นเลยนะคะ”
เธอเริ่มประเด็น เขาขมวดคิ้วแล้วนั่งลงที่เดิม
“แล้ว?”
“ก็..ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่อยากมีเรื่องกับใคร ยิ่งคุณทำแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ฉันเดือดร้อนมากขึ้นกว่าเดิม”
“ไม่หรอก คุณไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้น ตราบใดที่คุณยังอยู่ในการดูแลของผม คุณจะรอดจากมินนี่และญาแน่นอน” ว่าพร้อมตักอาหารเข้าปากอย่างไม่สนใจ ปิ่นมุกจึงส่ายหน้าและเดินเข้าครัวไป ไก่ที่เห็นว่าหญิงสาวเดินเข้ามาแล้วก็รีบลุกขึ้นเดินมาเกาะแขน “พี่มุกเป็นยังไงบ้างจ๊ะ เจ็บมากรึเปล่า”
“ไก่ได้ยินเสียงคุณมินนี่ตบหน้าพี่มุกซะเสียงดังเลย”
“พี่ไม่เป็นไร ไม่เจ็บเท่าไรหรอก” ยิ้มให้และเดินไปส่องหน้าตัวเองที่กระจก
ใบหน้าที่มีรอยช้ำแดงเล็กน้อยสะท้อนกลับมาที่กระจก แม้จะเห็นไม่ค่อยชัดแต่ก็ถือว่ายังเห็นอยู่ “แล้วมันจะหายตอนไหนเนี่ย”
“หนูมุกเป็นอะไรหรือลูก ป้าได้ยินเสียงดังมาจากข้างใน” ป้าพรเดินเข้ามาจากประตูหลังบ้านที่เชื่อมออกไปหาโรงอาหารขนาดเล็กที่อยู่ด้านหลัง
“คุณมินนี่ตบพี่มุกจ้ะยาย” ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูด ไก่ก็รีบบอกขึ้นมาก่อน ทำให้ป้าพรรีบเดินมาดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง “โอ๊ย ๆ ลูกเอ๊ย ไหนป้าดูสิ ตาเถร อกจะแตก เห็นรอยเลยเนี่ย แล้วไปทำยังไงคุณเขาถึงได้ทำแบบนี้ได้ล่ะลูก”
“เรื่องนั้น คือว่า..” ปิ่นมุกส่งสายตาไปหาไก่ เป็นอันรู้กันว่าไม่ควรพูดเรื่องนี้ให้ป้าพรได้ยิน “มุกว่ามุกขึ้นไปทำความสะอาดก่อนดีกว่าจ้ะ”
“พ่อเลี้ยงน่าจะทานข้าวเสร็จแล้ว” ว่าจบก็รีบเดินออกไปพร้อมกับอุปกรณ์ทำความสะอาด
การทำความสะอาดบ้านที่เรียกว่าคฤหาสน์สามชั้นแบบนี้อย่างต่ำต้องใช้แม่บ้านทำความสะอาดสักสามถึงสี่คน แต่นี่เขาเล่นไม่จ้างใครมาเลย มีเพียงเธอที่ยังเป็นสาว ส่วนไก่ต้องไหวแน่นอนเพราะถือว่ากำลังโต แต่ป้าพรนี่สิ เริ่มแก่แล้วจะขึ้นบันไดอย่างไรไหว แล้วทุก ๆ วันใครเป็นคนทำความสะอาด เขาคงไม่ใช่แรงงานเด็กมากไปหรอกกระมัง “คุณมุกให้พวกเราช่วยไหมครับ”
อยู่ ๆ ก็มีเสียงชายฉกรรจ์ดังขึ้นที่ด้านหลังของเธอ ทำให้เธอรีบถอยออกมาให้ห่างจากพวกเขาด้วยสัญชาตญาณการระวังตัวเอง “พวกคุณว่ายังไงนะคะ”
“ผมถามว่าให้พวกผมช่วยหรือเปล่าครับ”
“พอดีว่าพวกผมก็ผลัดเวรกันทำความสะอาดเป็นประจำอยู่แล้วครับ” เมื่อเห็นว่าปิ่นมุกไม่ได้พูดอะไรต่อก็อธิบายเพิ่มเติมให้เธอได้เข้าใจ “จริงเหรอคะ”
หญิงสาวเลิกคิ้วถามอย่างไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไร เพราะดูอีกฝ่ายจะมีสไตล์ที่โหดพอ ๆ กับลูกน้องของมาเฟียตามฉบับ “จริงสิครับ สบายมาก” หนึ่งในนั้นตอบ
“มาครับเดี๋ยวพวกผมช่วยเอง” ทั้งสามคนเดินเข้ามาหยิบอุปกรณ์กันคนละอย่างแต่สุดท้ายก็ต้องวางมันลง เพราะเจ้านายที่เมื่อครู่อยู่ในห้องทำงานมายืนอยู่ด้านหลังของพวกเขาและทำท่ายืนกอดอกมองอยู่ “พวกมึงทำอะไรกัน”
“ก็ทำความสะอาดไงครับพ่อเลี้ยง” ตอบอย่างเป็นกันเอง
“กูสั่งพวกมึงหรือไง” เมื่อได้ยินคำถามก็พากันมองหน้ากันสลับไปมาก่อนจะหันมาร้องอ้าวใส่เจ้านาย “จะไปทำอะไรก็ไป วันนี้กูจะให้ปิ่นมุกทำคนเดียว”
ทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างแปลกใจอีกครั้งหนึ่ง แต่สักครู่ก็พากันก้มหัวให้เจ้านายและเดินออกไป ปล่อยให้ปิ่นมุกขมวดคิ้วมองอีกคน “ขมวดคิ้วทำไม”
“ทำสิ” เขาชี้นิ้วบอก ทำเอาเธออยากจะเอาไม้กวาดที่ถืออยู่เขกหัวเจ้าหนี้คนนี้สักทีสองที แต่นั่นก็ทำได้แค่คิด “แล้วคุณไม่ไปทำงานเหรอคะ” เธอยิ้มอ่อน
“ก็ว่าจะทำอยู่หรอก แต่คิดไปคิดมาฉันดูเธอทำความสะอาดดีกว่า”
“ไม่ได้เห็นผู้หญิงสวย ๆ ใส่ชุดเมดแบบนี้มานานแล้ว”
“งั้นก็ดูให้สมใจไปเลยค่ะ!” เธอประชดและหันหน้าไปสนใจอุปกรณ์ทำความสะอาดต่อ เธอตั้งใจทำงานอย่างสุดความสามารถโดยที่ไม่รู้ว่าภูผาได้เดินกลับไปทำงานและปล่อยให้เธอทำงานของเธอตั้งแต่แรกแล้ว
“หืมตรงนี้ฝุ่นเยอะจัง”
ไม้ขนไก่ถูกจับไปปัดฝุ่นบนโต๊ะวางรูปในห้องนั่งเล่นชั้นสอง เธอจับรูปนั้นขึ้นมาปัดฝุ่นและใช้ผ้าเช็ดให้กลับมาเงาวับเช่นเดิม แต่สายตาก็ไปสะดุดกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ถ่ายรูปคู่กับมารดาของพ่อเลี้ยงภูผา
แต่สิ่งที่หน้าแปลกใจที่สุดนั่นก็คือ ผู้หญิงในรูปนั้นหน้าคล้ายกับเธอ
ไม่สิ เธอนี่แหละที่หน้าคล้ายกับคนในรูป เพราะรูปนี้มันดูถูกถ่ายมานานมากแล้ว “พ.ศ.2547 ยี่สิบปีก่อน โห ตอนนั้นเรา..หกขวบเอง”
เมื่อว่าจบก็มองรูปนั้นอยู่สักพักหนึ่ง และส่ายหัวเบา ๆ พร้อมกับวางรูปลงบนโต๊ะดังเดิม “เราก็คงไปหน้าคล้ายเขาแบบบังเอิญล่ะมั้ง” ว่าอย่างไม่สนใจนัก
ด้วยความที่เวลามีจำกัดทำให้เธอเลิกสนใจเรื่องที่พบเมื่อครู่ไปเสียสนิท เธอรีบทำความสะอาดแล้วเดินกลับออกไปเพื่อที่จะได้ทำห้องต่อไปให้เสร็จ
เวลาใกล้บ่ายหญิงสาวนำขนมที่ทำออกมาจัดใส่จานพร้อมน้ำชาให้กับพ่อเลี้ยงภูผาก่อนจะนำมันเข้ามาเสิร์ฟให้กับเขาได้ลองรับประทานดูและถือโอกาสนี้ขอเรื่องที่ตั้งใจไว้เสียด้วยเลย “นี่อะไร?”
เขาเงยหน้าจากเอกสารและแปลงที่ที่กำลังเพ่งมองอยู่
“ฉันทำเองค่ะ ว่าจะให้คุณลองชิมดูว่าอร่อยหรือเปล่า”
“ผมไม่กินของหวาน”
“แต่ถ้ากินคุณ ผมกินได้”
“คุณหยุดทำตัวเจ้าชู้ใส่ฉันสักห้านาทีแล้วช่วยชิมสักทีได้ไหมคะ”
“อยากให้ผมชิม ก็ต้องมานั่งตักป้อนผม” เขาว่าพลางตบตักสองสามที วันนี้เธอจะได้คุยเรื่องทำขนมขายกับเขาไหมเนี่ย “ยืนป้อนแทนแล้วกันนะคะ”
หญิงสาวเอ่ยว่าประขด เธอเดินเข้าไปใกล้ภูผาและหยิบช้อนตักขนมขึ้นมาพร้อมกับยิ้มให้เขา “อ้าม~”
เขามองอีกฝ่ายและลอบกลืนน้ำลาย ตอนแรกก็กะว่าจะไม่คิด แต่ตอนนี้เริ่มคิดจริงซะแล้วล่ะ
ขนมถูกนำเข้าปากของพ่อเลี้ยงหนุ่ม ความหวานที่พอดีกับความนุ่มนิ่มที่ได้สัมผัสทำให้เขาชะงักไปครู่หนึ่ง “เรียนมาเหรอ” เขาถาม
“ค่ะ ก็อาศัยเรียนเอง ค่อย ๆ เรียนรู้แล้วก็หัดทำไป”
“อืม”
“คือ?”
“อร่อยดี”
“จริงเหรอคะ” พอได้รับคำชมก็หลุดยิ้มออกมาอย่างดีใจและเผลอจับแขนอีกคนเขย่าน้อย ๆ จนภูผามองอย่างแปลกใจ “คุณคิดจะทำอะไร”
“พอดีฉันอยากจะคุยเรื่องนี้กับคุณหน่อยน่ะค่ะ ฉันอยากทำขนมขายไปด้วย ทำงานประจำไปด้วย ถ้าคุณอนุญาตฉันขอเอาเข้าไปขายในร้านเบเกอรี่ที่ฟาร์มนะคะ” เธอละมือออกเมื่อรู้ตัวและรีบพูดธุระของตนเองเสียเสร็จสรรพจนเจ้าของฟาร์มตอบไม่ทัน เขามองเธออยู่สักพักก็นึกอะไรดี ๆ ออก
“เรียกว่าฝากขายอย่างนั้นสิ?”
“ใช่ค่ะ ส่วนส่วนแบ่ง ฉันขอคุยกับผู้จัดการร้านแทนนะคะ”
“ยังไงผู้จัดการร้านก็ต้องส่งรายงานให้ผู้จัดการฟาร์มมาแจ้งผมอยู่ดี คุยกับผมง่ายกว่านะ” ข้อเสนอที่ดูมีเล่ห์เหลี่ยมถูกส่งเข้าโสตประสาทของปิ่นมุก ทีแรกเธอก็ดีใจที่เขาใจดีกับเธอ แต่พอคิดไปคิดมา ทำไมเธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนตะล่อมอีกแล้วล่ะนี่ “ง่ายกว่ายังไงคะ?”
“ผมอาจจะให้เปอร์เซ็นต์ค่าขนมคุณได้มากกว่า ถ้าคุณรับข้อเสนอของผม”
“ขอข้อเสนอที่ฉันไม่ต้องตัดสินใจนานได้ไหมคะ” เธอต่อรอง
“ได้สิครับคนสวย ผมจัดให้คุณได้อยู่แล้ว” ยิ้มเจ้าเล่ห์
“ถ้างั้นก็ว่ามาค่ะ”
“เพิ่มเวลาให้คุณมาทำความสะอาดที่นี่ จากวันอาทิตย์วันเดียวเป็นพฤหัส ศุกร์ เสาร์หลังเลิกงาน คุณสามารถทำขนมที่นี่ก็ได้ แต่ต้องทำงานหลักให้เสร็จก่อนแล้วจะทำขนมตอนไหนก็เรื่องของคุณ จะให้ป้าพรกับไก่ช่วยก็ได้ ผมไม่เกี่ยง”
“อ้อ พฤหัสถึงอาทิตย์ต้องนอนที่นี่ด้วยนะ ส่วนเรื่องไปทำงานก็ติดรถคนของผมออกไปแล้วกัน ถ้าคุณตกลงผมจะบอกพวกมันไว้”
“ฉันขอฟ้องกรมแรงงานได้ไหมคะ นี่คุณคิดว่าฉันเป็นหุ่นยนต์หรือไง ใช้งานฉันหนักเกินไปแล้วนะ”
“จะเอาไหม?หรือคุณจะเปลี่ยนจากทำงาน ขึ้นไปนวดให้ผมทุกคืนก็ได้นะ”
“อ..เอาก็ได้!เอาก็ได้ค่ะ ฉันรับข้อเสนอแรก” เธอรีบถอยหลังกลับมาอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานของเขาเหมือนเดิมเพื่อกันไม่ให้อีกคนฉุดเธอให้ล้มลงไปหาเขาเหมือนตอนสายได้อีก “ดี ว่าง่ายแบบนี้สิถึงจะน่ารัก งั้นคุณก็บอกกบไว้ด้วยแล้วกันนะ เดี๋ยวผมให้แสนบอกผู้จัดการฟาร์มอีกที จะได้ไม่ต้องมีปัญหากันทีหลัง”
“ทำไมคุณไม่ให้ฉันจัดการเองคะ แบบนี้คนอื่นเขาจะไม่หาว่าคุณลำเอียงเหรอ” เธอแกล้งถามกลับ จริง ๆ ก็ทำใจไว้แล้วว่าเธอต้องโดนพูดเหน็บแนมจากพนักงานคนอื่นอีกแน่ ๆ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้
“ไม่มีเหตุผลครับคุณปิ่นมุก” แต่คำตอบของเขาก็ช่างกระไร ไม่มีเหตุผลหรือ? เป็นไปไม่ได้หรอก เขาไม่อยากบอกเธอเสียมากกว่า
“โอเค งั้นฉันขอตัวนะคะ ทานขนมให้อร่อย” เธอเดินกลับออกไปปล่อยให้เขาอยู่ภายในห้องเพียงลำพัง หลังจากที่เธอเดินออกไปแล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นจากเอกสารตรงหน้าพร้อมกับหยิบแก้วขนมขึ้นและค่อย ๆ ยิ้มออกมา
โดยที่ไม่รู้ตัว