ตอนที่ 2

2949 Words
Single Dad คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว Writer : Aile'N ตอนที่ 2 "นี่คือห้องของคุณค่ะ เก็บของให้เสร็จแล้วไปปลุกคุณไบรอันกับคุณหนูอลันตอน 7 โมง" สาวชุดเมดคนเมื่อวานที่เธอแนะนำตัวเองว่าชื่อ 'เพลง' พูดบอกหลังจากเดินนำอิงเอยมาที่ห้องพัก ซึ่งสร้างความแปลกใจให้เธอเป็นอย่างมาก เพราะห้องที่ว่าไม่ได้อยู่ชั้นล่างติดกับบรรดาสาวใช้คนอื่นๆ แต่อยู่ชั้นบนติดกับห้องเจ้าของบ้าน! แน่นอนว่าภายในห้องที่อยู่เสมอกันกับเจ้านายนั้นมันจะต้องใหญ่โตหรูหราไม่ต่างจากห้องข้างๆ! ตอนนี้คนตัวบางเลยยังคงยืนเคว้งอยู่กลางห้อง ความสวยงามอลังการของมันทำเธออึ้ง.. แต่ไม่มีโอกาสได้ถามคนที่พามาเมื่อพอหมดหน้าที่หล่อนก็เดินออกไปในทันที ส่วนคนที่ยังอยู่ก็ยืนมองด้วยความอึ้งอยู่นานจนต้องรีบตั้งสติและเอาของไปเก็บในตู้เสื้อผ้าที่เมื่อมองเทียบกันแล้วกระเป๋าเสื้อผ้าเก่าๆ ของเธอเหมือนกับเศษขยะที่ถูกนำมาวางไว้ผิดที่ยังไงยังงั้น ตุ้บ~ "อ่า.. เมื่อไรแกจะรวยนะไอ้อิง จะได้มีห้องแบบนี้กับเขาบ้าง เตียงโคตรนุ่ม.. คนรวยนี่มันดีเนอะ" คนตัวเล็กทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้างพลางเกลือกกลิ้งไปมา ปากก็บ่นพึมพำด้วยความอิจฉาความรวยของเจ้านายคนใหม่ คิดแล้วก็หดหู่ใจ เธอเรียนจบมาหลายปีแล้วแต่การงานกลับยังไม่มั่นคง ที่ไหนพอจะอยู่ได้นานๆ ก็มีอันต้องบีบบังคับให้ลาออกอยู่ร่ำไป แต่ก็แอบหวังนะว่างานนี้จะเป็นไปด้วยดี นอนแช่อยู่บนที่นอนนุ่มได้ไม่นานตากลมก็เหลือบไปมองนาฬิกาบนหัวเตียงเพื่อดูเวลา ก็พบว่าใกล้จะเจ็ดโมงเช้าแล้ว จึงดันตัวลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าสะพายที่อยู่กับกระเป๋าเสื้อผ้ามาค้นหากระดาษอันเป็นตารางงานที่ได้รับมาเมื่อวานขึ้นมาดูอีกครั้ง เมื่อคืนเธอได้ดูไปบ้างแล้วแต่ก็จำไม่ได้ทั้งหมด พอดูเสร็จเลยพับเก็บใส่กระเป๋าเสื้อไว้ เวลาลืมก็จะได้หยิบออกมาดูได้ทันใจ "หน้าที่แรก.. ปลุกคุณไบรอันกับคุณหนูอลันตอน 7 โมงเช้า ต่อไปก็อาบน้ำแต่งตัวให้คุณหนูอลันด้วยชุดนักเรียน.. เอ๊ะ? " เสียงหวานพึมพำหน้าที่แรกที่ต้องทำเพื่อเตือนความจำให้ตัวเองอีกครั้งในขณะที่นั่งรอเวลา ก่อนจะรู้สึกเอะใจอะไรบางอย่างขึ้นมากะทันหันจนทำให้นิ่งไป "ปลุกคุณไบรอัน? ต้องให้คนอื่นปลุกด้วยหรอวะ? โตป่านนั้น? " ร่างบางพึมพำด้วยความสงสัย เพราะให้ปลุกอลันน่ะเธอพอเข้าใจเพราะน้องยังเด็กและเธอก็ถูกจ้างมาให้เป็นพี่เลี้ยงของเด็กคนนั้นโดยตรง แต่คุณไบรอันนี่สิ...เกี่ยวอะไรด้วย? "ช่างเถอะ เขาอาจจะขี้เซาก็ได้" อิงเอยสะบัดหัวไล่ความคิด ก่อนมองนาฬิกาอีกครั้งก็จวนจะถึงเจ็ดโมงแล้วจึงลุกขึ้นเดินออกจากห้องตรงไปยังห้องข้างๆ ที่เพลงแนะนำว่าเป็นห้องของเจ้านาย ก๊อกๆ "เอ่อ.. คุณไบรอันคะ ตื่นได้แล้วค่ะ" มือบางยกขึ้นเคาะประตูห้องก่อนพูดบอกด้วยท่าทางเลิกลั่กเพราะเพิ่งเคยทำงานอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรกเลยไม่คุ้นชินสักเท่าไร เงียบฉี่.. ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากเจ้าของห้อง ร่างบางเลยเคาะเรียกอีกก็ยังคงเงียบ เธอจึงถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้าไป.. สิ่งแรกที่เห็นคือความมืดมิดราวกับอยู่ในเวลากลางคืนทั้งที่ด้านนอกท้องฟ้าเริ่มสว่างมากแล้ว แต่เป็นเพราะภายในห้องถูกตกแต่งด้วยสีดำทั้งหมดกระทั่งผนังและผ้าปูที่นอน โชคดีที่ยังมีแสงจากโคมไฟสลัวๆ ที่เจ้าของห้องเปิดทิ้งไว้เผื่อเวลาลุกไปเข้าห้องน้ำกลางดึกจะได้ไม่สะดุดอะไรหน้าทิ่มพื้น เลยทำให้ผู้มาใหม่พอจะมองทุกอย่างเห็นแบบลางๆ รวมทั้งร่างคนตัวสูงที่ยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงโดยไม่ได้ใส่อะไรปกปิดท่อนบน ส่วนท่อนล่างถูกผ้าห่มผืนใหญ่คลุมไว้ นับว่าโชคดีต่อใจคนมองเพราะถ้าข้างล่างโล่งเหมือนข้างบนแล้วไม่ห่มผ้านี่สิ ไม่อยากจะคิดว่าเธอจะต้องเจอกับอะไรบ้าง.. "คุณไบรอันคะ ตื่นได้แล้วค่ะ.. คุณ.. อ๊ะ! ? " มือบางเอื้อมไปแตะไหล่หนาเบาๆ พร้อมเอ่ยเรียก แต่ทันใดมือข้างนั้นก็ถูกดึงรั้งอย่างแรงจนเสียหลักล้มลงไปบนเตียง พรึ่บ! คนที่เห็นว่าหลับกอดรัดร่างเล็กไว้ทั้งแขนและขา ก่อนหลับต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คนถูกจู่โจมกลับอารมณ์ต่างกันสุดขีดเมื่อได้รับรู้ว่าข้างล่างของอีกฝ่ายนั้นไม่มีอะไรสวมอยู่เลย! เปิดโล่งให้อะไรๆ มันพันแข้งพันขาไปหมด >พลั่ก!! "อั่ก! โอ้ย!! ? " ความแตกตื่นตกใจทำให้มนุษย์เรามีแรงฮึดขึ้นมาชั่วขณะหนึ่งเสมอ อย่างคนตัวเล็กในตอนนี้ที่พอรู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มรุกรานหนักขึ้นเธอก็ยกขาขึ้นถีบคนตัวใหญ่กว่าเต็มแรงจนเขากลิ้งตกลงไปข้างเตียง พอเป็นอิสระร่างบางก็รีบลุกขึ้นมายืนข้างเตียงด้วยใบหน้าตื่นๆ ก่อนรีบหันหน้าหนีไปอีกทางเมื่อแรงปะทะเมื่อสักครู่นี้ทำให้ผ้าห่มที่ปกปิดท่อนล่างของร่างสูงหลุดออกจากตัวเขาไป.. ล่อนจ้อนไม่เหลืออะไรติดกาย แต่ใครคนนั้นก็หาได้เขินอายไม่ คนอายกลับเป็นเธอเสียเอง! "ตะ.. ตื่นด้วยค่ะ! " เสียงหวานเอ่ยบอกเป็นครั้งสุดท้ายก็รีบเผ่นออกไปจากห้องก่อนที่อีกฝ่ายจะตั้งสติได้แล้วลุกขึ้นมาเอาเรื่องเธอ "แฮ่ก..แฮ่ก.." ออกมาได้อิงเอยก็หยุดยืนหอบหายใจและตั้งสติอยู่หน้าห้อง ร่างบางตัวสั่นเทิ้มด้วยความตกใจสุดๆ กับเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ สัมผัสวาบหวามยังคงติดตรึงอยู่บนริมฝีปาก ร้อนผ่าวไปถึงขั้วหัวใจ เธอไม่เคยเจออะไรแบบนี้.. มันไม่เหมือนกับที่ทำงานเก่าที่เคยเจอ มันอุกอาจมากกว่าจนใจเต้นไม่เป็นส่ำ หายใจติดขัด มือไม้สั่นระริก แข้งขาแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงหยัดยืนราวกับจูบเมื่อกี้มันสูบพลังของเธอไปจนหมด! ตั้งสติอยู่ตรงนั้นนานหลายนาทีจนกลับมาอยู่กับร่องกับรอยมากขึ้น คนตัวเล็กก็รวบรวมพละกำลังก้าวขาต่อไปยังห้องลูกชายเจ้าของบ้านเพื่อปลุกให้ตื่นไปโรงเรียน ซึ่งเมื่อเทียบกับคนเป็นพ่อแล้วอลันปลุกไม่ยากเท่าเขา เด็กน้อยไม่งอแงเลยสักนิดทำให้เธอทำหน้าที่ได้อย่างราบรื่น แต่ก็ไม่ง่ายไปเสียทีเดียวเมื่อเหตุการณ์ก่อนหน้ามันคอยวนเวียนเข้ามาอยู่ในความคิดตลอดเวลา สลัดยังไงก็ไม่หลุดสักที ที่สำคัญคือเธอยังคงต้องเจอหน้าเขาอีก ซึ่งก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะทำหน้ายังไงดีเมื่อต้องเจอหน้ากัน "แดดดี๊~" คนตัวเล็กในชุดนักเรียนลายสก็อตสีแดงพอเห็นพ่อนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโต๊ะทานข้าวก็ร้องเรียกเสียงอ้อนพร้อมกับวิ่งเข้าไปหา ร่างบางที่ถือกระเป๋านักเรียนให้และเดินตามมาเลยมีอาการกระอักกระอ่วนใจอย่างเห็นได้ชัด แม้อีกฝ่ายจะยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเลยก็ตาม "อรุณสวัสดิ์ครับ" ร่างสูงนั้นวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะเพื่อก้มลงอุ้มลูกน้อยขึ้นมานั่งบนตัก ริมฝีปากสีเข้มจุมพิตลงบนแก้มใสทั้งซ้ายและขวา ก่อนเงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินตามมา ทำร่างนั้นแอบสะดุ้งหน่อยๆ แล้วหลบสายตามองไปทางอื่นด้วยความขัดเขิน เมื่อเช้าเขาไม่ได้ละเมอ เธอรู้.. แต่ที่ไม่รู้คือเขาตั้งใจทำแบบนั้นกับเธอหรือเปล่า.. บางทีเขาอาจจะลืมว่านัดเธอมาทำงานวันนี้วันแรก เลยอาจจะเข้าใจผิดคิดไปว่าเธอเป็นภรรยาของเขา แต่ก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่าภรรยาเขาไปไหน เพราะเห็นนอนอยู่คนเดียว ตั้งแต่เมื่อวานยันเช้านี้ก็ไม่ยักจะเจอหล่อนสักที "มากินข้าว.. เธอต้องไปส่งอลันที่โรงเรียนกับฉัน" เสียงต่ำเอ่ยขึ้นเรียบๆ ไม่ได้พูดถึงเรื่องเมื่อเช้าทั้งที่เขาจูบเธอและที่เธอถีบเขาตกเตียง มันก็ดีถ้าไม่ติดว่าเวลาได้มองหน้ากันร่างบางมักจะคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ดี "ฉะ.. ฉันยังไม่หิวค่ะ" อิงเอยปฏิเสธที่จะร่วมโต๊ะกันเพราะแค่นี้ก็อึดอัดจะแย่ ซึ่งมันก็ค่อนข้างจะน่าแปลกใจที่เธอได้รับสิทธิ์เหนือคนอื่นๆ ทั้งที่เป็นลูกจ้างเหมือนกันแต่ห้องพักกลับดีกว่า ไม่พอเจ้าของบ้านยังชวนร่วมโต๊ะอาหารอีก พี่เลี้ยงบ้านอื่นเป็นแบบนี้หรือเปล่าเธอไม่รู้เพราะเพิ่งเคยทำงานนี้เป็นครั้งแรก.. ก่อนมาก็คิดว่ามันคงไม่ต่างกับงานแม่บ้านทั่วๆ ไป แต่เหมือนจะไม่ใช่เมื่อที่นี่มีแม่บ้านอยู่ก่อนแล้วหลายสิบคน บางทีก็สงสัยว่าจ้างเธอมาทำไมอีก แม่บ้านเหล่านั้นก็น่าจะดูแลเด็กๆ ได้ ก็แบ่งมาดูแลอลันสักคนสองคนก็ได้ ไม่เห็นต้องจ้างใหม่ให้สิ้นเปลืองเงินทองเลยสักนิด หรือคนรวยเขาชอบทำตัวยุ่งยากกัน? "มากินข้าว.." ร่างสูงย้ำคำพูดเดิมอีกครั้ง ใบหน้าหล่อนิ่งสนิทบีบบังคับให้คนฟังต้องพาตัวเองไปนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ "ฉันกินที่อื่นก็ได้นะคะ ร่วมโต๊ะกันมันไม่น่าจะเหมาะ.." อิงเอยจำเป็นต้องพูดออกมาในสิ่งที่เธอกำลังเห็นว่ามันไม่เหมาะสม นอกจากเงินเดือนจะแพงแล้วยังได้อยู่ดีกินดีแบบนี้อีกมันทำให้เธออึดอัดลำบากใจมากกว่าจะรู้สึกดีเสียด้วยซ้ำ "เธอเป็นพี่เลี้ยงของอลัน ไม่ใช่คนใช้" เจ้าของบ้านบอกพร้อมกับมองหน้าเธอนิ่งๆ คนฟังยังคงทำหน้างุนงงเพราะมันไม่ได้ต่างอะไรกันนัก คนใช้หรือแม่บ้านก็ลูกจ้าง พี่เลี้ยงเด็กก็เป็นลูกจ้างเหมือนกัน ทำไมจะต้องแบ่งแยก? ร่างบางอยากจะเถียงอะไรบางอย่างกลับ แต่เห็นสายตาคมกริบที่จ้องมองมาแล้วพูดไม่ออก เลยนั่งกินไปอย่างเงียบๆ ไม่สบตาเขาอีกเลย.. แต่ก็เหมือนจงใจแกล้งกันเมื่อใครคนนั้นเอาแต่จ้องมองเธออยู่บ่อยครั้ง จนนั่งเกร็งไปหมด "เธอชื่ออะไรนะ? " คนเป็นเจ้านายถามขึ้นเป็นประโยคแรกหลังจากทานข้าวเช้าเสร็จแล้วพากันย้ายมาอยู่บนรถลีมูซีนคันหรูที่ไม่ว่าจะแล่นผ่านที่ไหนก็มักจะได้รับความสนใจจากผู้คนที่พบเห็น เธอนั่งริมคั่นกลางด้วยเด็กชายตัวน้อยส่วนอีกฝั่งก็เจ้าของบ้าน "อิงเอยค่ะ เรียกอิงเฉยๆ ก็ได้" ร่างบางตอบโดยไม่ได้มองหน้า กระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะขำเบาๆ ในลำคอ "หึ.. ชื่อลิเก๊~ลิเก" คนถูกล้อหันไปมองค้อนพร้อมกับทำหน้ามุ่ย แต่ไม่กล้าเถียงอะไรเพราะพยายามจำไว้เสมอว่าเขาเป็นเจ้านาย แค่เมื่อเช้าเธอถีบเขาตกเตียง เขาไม่เอาเรื่องก็ดีเท่าไร ถ้าไปไม่รอดงานนี้เธอแย่แน่ๆ เพราะงั้นเลยได้แต่นั่งกัดปากตัวเองเพื่อข่มอารมณ์ หลีกหนีการเผชิญหน้าด้วยการมองออกไปข้างนอกหน้าต่างรถ จนกระทั่งเด็กข้างๆ เอนตัวมาเกยทับอยู่บนตัก "อิงเอยตัวห๊อมหอม~ ใส่อะไรมาหรอครับ" น้ำเสียงเล็กๆ เอ่ยถามพร้อมจ้องมองคนฟังตาแป๋ว น่าแปลกที่อลันเรียกเพียงชื่อของเธอตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วทั้งที่อายุห่างกันตั้งหลายรอบ แต่ก็ไม่อยากคัดค้านอะไร ยอมๆ ไปเพราะถึงจะเป็นเด็กแต่ก็เป็นลูกของเจ้านายอยู่ดี คนถูกทักหันมามองอย่างงงๆ ก่อนทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นตัวเองที่ก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วแต่เธอไม่เคยสนใจ กระทั่งอลันมาทักนี่แหละ "ไม่ได้ใส่อะไรนี่คะ หอมหรอ? " ร่างบางบอกอย่างไม่ค่อยเข้าใจเพราะเธอแพ้น้ำหอมเลยไม่ได้ฉีดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ลองดมดูก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรหอมอย่างที่เด็กน้อยว่าเลยสักนิด กลัวกลิ่นตัวไม่ดีจะออกมากกว่าน่ะสิ "ครับ อลันชอบดม^^" ว่าจบคนตัวเล็กก็ซุกหน้าเข้าหาร่างบาง เกาะหนึบอย่างกับลูกลิงติดแม่ อิงเอยได้แต่ทำหน้าเลิกลัก นั่งตัวเกร็ง ไม่กล้าไล่เด็กน้อยออก พยายามจะหันมาขอความช่วยเหลือจากร่างสูงก็เห็นว่าเขามองอยู่แต่ไม่พูดอะไร อลันก็เกาะติดเธออยู่อย่างนั้นจนถึงโรงเรียน "สวัสดีค่ะคุณไบรอัน สวัสดีครับน้องอลัน" คุณครูประจำชั้นของเด็กน้อยทักทายสองพ่อลูกอย่างสนิทสนมในตอนที่ทั้งคู่พาอลันมาส่งถึงหน้าห้องเรียนที่เกิดอีกกี่สิบชาติอิงเอยก็คงจะไม่มีปัญญาส่งลูกหลานมาเรียนโรงเรียนไฮโซแบบนี้ได้แน่ๆ "สวัสดีครับคุณครู^^" เด็กตัวเล็กยกมือไว้คุณครูพร้อมกับฉีกยิ้มแป้นอย่างสดใส คุณครูก็รับไหว้ด้วยรอยยิ้มเช่นกัน "คุณครูครับ นี่อิงเอย เป็นพี่เลี้ยงคนใหม่ของอลัน เธอจะเป็นคนมารับอลันเวลาที่ผมไม่ว่าง" ร่างสูงแนะนำคนตัวบางให้คุณครูคนสวยรู้จักอย่างเป็นทางการ จงใจพามาแนะนำเพราะถ้าวันไหนเขาไม่ว่างมารับลูกด้วยตัวเองร่างบางก็จะได้มารับแทนโดยไม่มีปัญหาอะไร "เอ่อ สวัสดีค่ะ" อิงเอยทักคนตรงหน้ายิ้มๆ "สวัสดีค่ะคุณอิงเอย ชื่อน่ารักจัง" ร่างนั้นทักทายกลับพลางเอ่ยชมยิ้มๆ เป็นชื่อที่แปลกแต่ก็เข้ากับหน้าตาน่ารักตัวเล็กๆ ขาวๆ อย่างร่างบางเป็นอย่างมาก "ขอบคุณค่ะ" อิงเอยยิ้มรับด้วยความภาคภูมิใจไม่วายเหล่ตามองเย้ยคนข้างๆ ข้อหาที่เขาว่าชื่อเธอเหมือนลิเกทั้งที่ชื่อนี้แม่เธอเป็นคนตั้งให้เลยแท้ๆ แถมแม่ก็ยังบอกอีกว่าใช้เวลาเป็นเดือนๆ กว่าจะคิดออก กล้าดียังไงมาดูถูกกัน! ไบรอันเพียงกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเห็นร่างบางเย้ยกลับเหมือนเด็กๆ "อิงเอย.. อลันไปเรียนก่อนนะครับ ตอนเย็นอิงเอยมารับอลันนะ" มือป้อมๆ คว้าจับเข้าที่มือบางพร้อมกับเงยหน้าขึ้นอ้อนด้วยใบหน้าบ้องแบ้ว คนฟังแสดงอาการแปลกใจเล็กน้อยเพราะคนที่อลันควรจะอ้อนคือคนเป็นพ่อมากกว่าเธอที่เพิ่งจะรู้จักกันได้ยังไม่ถึงครึ่งวัน "ครับผม ตั้งใจเรียนนะครับ" ร่างบางย่อตัวนั่งลงตรงหน้าก่อนเอ่ยบอกยิ้มๆ อลันก็เดินเข้ามากอดเธอแล้วหมุนตัวเดินไปหาคุณครูอย่างรู้หน้าที่ "สนิทกันเร็วดีนะ.." คนข้างกายเปรยขึ้นมานิ่งๆ หลังจากส่งลูกเข้าห้องเรียนไปแล้ว เขาไม่ได้จะเหน็บแนมเพียงแค่แปลกใจที่ทั้งคู่สนิทกันเร็วกว่าที่คิด อลันก็อ้อนมากกว่าปกติ แต่ท่าทางหยิ่งยโสที่ร่างสูงแสดงออกทำคนมองหมั่นไส้ "ฉันเป็นมิตรกับทุกคนนี่คะ ไม่ชอบทำเป็นเข้มเหมือนใครบางคน.." ร่างบางลอยหน้าลอยตาพูด สิ้นคำก็เดินหนีไป ทิ้งคนข้างหลังไว้กับความว่างเปล่า ตาคมมองคาดโทษแผ่นหลังเล็กๆ นั้นเล็กน้อยก่อนจะเดินตามกันไป .. .. .. ..
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD