สามชั่วโมงต่อมา รถตู้ก็เลี้ยวเข้าไปภายในบ้านที่โรสรินทร์อาศัยอยู่กับลูกชาย ทำให้เรวัตยกยิ้มจางๆ พลางปรายตามองไปยังคนที่นั่งข้างหลัง
แม่ของเขาถึงกับยกบ้านเก่าแก่ของพ่อให้โรสรินทร์มาอยู่ ทั้งที่มันทั้งเก่าและทรุดโทรม คงรู้ว่าเขาไม่ค่อยได้มาที่นี่นัก จึงเป็นการดีที่เขาจะไม่สนใจหรือระแคะระคายเรื่องของหล่อนกับลูก แต่ตอนนี้ที่นี่แทบไม่หลงเหลือสภาพเดิมที่เคยคุ้นอีกต่อไป ทุกอย่างถูกปรับปรุง ตัวบ้านไม้สองชั้น ระเบียงผุพังหายไป กลายเป็นระเบียงใหม่ทาทับด้วยสีขาว สิ่งเดียวที่ยังคงเดิมคือต้นไม้รอบบ้านที่ยังอยู่ครบทุกต้น
เมื่อรถจอดสนิท พ่อหนูน้อยก็ลืมตาตื่นราวกับถูกปลุก เขามองไปรอบๆ ด้วยท่าทางงงงัน แต่พอคนเป็นพ่อก้าวเข้าไปหาและทำท่ารับ คนตัวเล็กก็ยอมให้อุ้มแต่โดยดี จนคนเป็นแม่ถึงกับมองค้อนทั้งพ่อทั้งลูก
“คุณไม่กลับบ้านหรือไงคะ หายไปหลายวันแบบนี้คุณจ๋าไม่ว่าเอาหรือไง” เมื่อเขาทำท่าจะอุ้มลูกชายเดินเล่นรอบบ้านโดยไม่มีทีท่าว่าจะยอมกลับบ้านตัวเอง หญิงสาวก็ชักจะหมั่นไส้ เพราะหล่อนเองก็ต้องการใช้เวลาเพื่ออยู่กับลูกชายตามลำพังเสียที
คนที่อุ้มลูกชายในอ้อมแขนชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสบตาคนที่หิ้วตะกร้าขวดนมและอุปกรณ์เด็กเดินตามมาห่างๆ สีหน้าและแววตาดูไม่ค่อยพอใจนักที่เขายังอยู่ด้วย
“เรื่องนั้นเธอไม่ต้องห่วง จ๋าเป็นคนเข้าใจง่าย” เขาตอบยิ้มๆ ขณะที่โรสรินทร์เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย “แต่ที่ฉันยังอยู่ เพราะฉันอยากใช้เวลากับลูกเท่านั้น อันที่จริงฉันอยากจะคุยกับเธอเรื่องการรับผิดชอบน้องรัน ฉันเป็นพ่อ มีสิทธิ์เจอลูก และรับลูกไปดูแลเหมือนกัน”
โรสรินทร์ได้ฟังดังนั้นก็ถึงกับดวงตาวาววับ ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนบอก
“คุณอย่าทำให้เรื่องมันยุ่งยากหน่อยเลย เลิกกันแล้วก็แล้วไปสิ จะมาข้องเกี่ยวทำไมอีก”
“นี่ฉันไม่ได้พูดถึงเธอนะ ฉันพูดถึงเรื่องลูก เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า” เขาหันมามองหล่อนตรงๆ ซ้ำยังส่งสายตาหมิ่นแคลน ทำให้คนที่ตัวเล็กกว่าหน้าแดงเรื่อด้วยความโกรธแกมอับอาย รีบหันไปทางพี่เลี้ยงเด็กพร้อมออกคำสั่ง
“แนน เอาของไปเก็บก่อนนะ เดี๋ยวพี่ตามเข้าไป”
“ค่ะคุณโรส” พี่เลี้ยงสาวรุ่นน้องรับคำพร้อมกับรีบปลีกตัวออกไป โรสรินทร์มองฝ่ายนั้นจนลับตาจึงหันกลับมามองคนตรงหน้าอีกครั้ง
“ฉันรู้ ว่าคุณไม่มีทางจะหันมาสนใจฉัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันเองก็พอใจมาก แต่ที่ฉันพูดกับคุณฉันหมายถึง ฉันไม่อยากให้คุณต้องมาเสียเวลากับฉันและลูกที่คุณไม่ได้ต้องการตั้งแต่แรก”
คำอธิบายของโรสรินทร์ทำให้คนฟังแสยะยิ้ม
“เธอก็รู้นี่ว่าฉันต้องรู้สึกแบบไหน แล้วทำไมถึงยังฉวยโอกาสแต่งงานกับฉันอยู่อีกล่ะ หรือคิดว่าฉันจะเลยตามเลย อยากสบายทางลัดว่างั้น”
ดวงหน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงจัดขึ้นไปอีก ทว่าภายในใจของหญิงสาวเวลานี้เต็มไปด้วยความเสียใจ เรวัตไม่เหลือความรู้สึกดีๆ ให้หล่อนอีกนับตั้งแต่ความทรงจำกลับคืนมา แล้วต้องพบว่าเขากับหล่อนไม่ใช่แค่คนรู้จักอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นสามีภรรยาอย่างที่เขาไม่คิดจะยอมให้เกิดขึ้นหากยังมีสติครบถ้วนสมบูรณ์
“คุณเข้าใจผิด ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น” หญิงสาวบอกเสียงแผ่วลง เปลือกตาหลุบลงเพื่อซ่อนหยาดน้ำตาที่เอ่อออกมา ทว่ากลับทำให้ชายหนุ่มคิดว่าหล่อนกำลังโกหก เขาจึงไม่คิดเห็นใจหญิงสาว
“อย่ามาแก้ตัวเลย เสียเวลาเปล่าๆ เอาเป็นว่าฉันจะให้ทนายจัดการเอกสารเรื่องการรับรองบุตร กับเรื่องค่าเลี้ยงดู เราควรแบ่งเวลากันว่าจะให้ลูกอยู่กับเธอกี่วัน กับฉันกี่วัน”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นทันทีที่เขากล่าวเช่นนั้น ดวงตาที่เจือหยาดน้ำวาววาบ
“ฉันยังไม่พร้อมคุยกับคุณเรื่องนี้ และแกก็ยังเล็กเกินกว่าจะทำแบบนั้น คุณอยากมาเยี่ยมก็มาได้ฉันไม่ว่า แต่อย่ามาพาแกออกไปจากบ้านนี้ เพราะฉันก็ไม่คิดจะยอมเหมือนกัน!”
พูดจบ หญิงสาวก็สืบเท้าเข้าใกล้ แล้วทำท่าจะรับลูกชายคืนมา ทว่าคนเป็นพ่อเบี่ยงตัวหลบ ซ้ำยังถอยหันหลังเดินหนี ทำให้หญิงสาวโกรธจัด สาวเท้าเดินตามและกระชากแขนของเขาด้วยความลืมตัว ทำให้ลูกชายตกใจร้องไห้ออกมา
แง้!!
เรวัตชะงักกึก เขากอดรัดลูกพร้อมปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่แววตาที่มองโรสรินทร์นั้นวาวโรจน์ทีเดียว ขณะที่หญิงสาวก็ชะงักงันลงไปเช่นเดียวกัน
“ไม่เป็นไรครับคนเก่ง ไม่เป็นไร พ่ออยู่นี่ ไม่ต้องกลัวนะพ่อไม่ให้แม่ใจร้ายมารังแกหนูหรอก”
“นี่!!” หญิงสาวถลึงตาใส่คนที่บังอาจกรอกหูลูกว่าหล่อนเป็นแม่ใจร้าย ทั้งที่ตัวเขาเองไม่ใช่หรือที่ผลักไสหล่อนและลูกออกมาจากชีวิต แม้เขาจะไม่รู้ว่าหล่อนอุ้มท้องลูกของเขา แต่ที่ทุกอย่างลงเอยแบบนี้ก็เพราะเขาไม่ใช่เหรอ!
ชายหนุ่มไม่สนใจ เขายังคงปลอบลูกจนเด็กน้อยหยุดร้อง ชายหนุ่มจึงหันมามองหญิงสาวอย่างคาดโทษ
“อันที่จริงฉันมีสิทธิ์ฟ้องร้องเธอได้นะ โทษฐานที่ปิดบังเรื่องลูก เพราะฉะนั้น เธอไม่มีสิทธิ์มาห้ามไม่ให้ฉันทำสิ่งที่ถูกต้อง หรือว่าเธออยากให้เรื่องมันวุ่นวายอย่างที่เธอพูดล่ะ แบบนั้นก็ได้นะ ฉันพร้อมเสมอสำหรับเรื่องนี้”
โรสรินทร์รู้สึกชาวาบไปทั้งตัวเมื่อสบนัยน์ตาคมกล้าของเรวัต สิ่งที่เห็นจากแววตาของเขาบอกหล่อนว่าอีกฝ่ายพูดจริง หญิงสาวนิ่งงันไปนาน พยายามดึงสติกลับคืนมา แล้วบอกตัวเองให้ใจเย็นเข้าไว้ การตีโพยตีพายไม่ช่วยอะไร นอกจากจะทำให้ทุกอย่างแย่ยิ่งกว่าเดิม
ที่เขาเอาตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้อง พยายามแสดงความรักต่อลูกคงเป็นเพราะเขาแค่รู้สึกผิด แค่รู้สึกเสียหน้าที่ไม่เคยรู้ว่าตัวเองมีลูก จึงพยายามแสดงความรับผิดชอบ มันก็แค่นั้น เขาคงไม่แย่งลูกของหล่อนไปหรอก อย่างมากก็แค่ขู่
หญิงสาวพยายามปลอบตนเองพลางสูดลมหายใจลึก บอกตัวเองว่าให้พูดกับเขาด้วยเหตุผล
“คุณเองก็มีคนรักอยู่แล้ว ทำไมไม่วางแผนเรื่องมีลูกกับเธอดูล่ะคะ เด็กที่เกิดจากคนที่คุณรักน่าจะทำให้ชีวิตครอบครัวของคุณสมบูรณ์และมีความสุขมากกว่าการดูแลลูกที่เกิดจากผู้หญิงที่คุณไม่รักซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาตามมานะว่าไหม”
ชายหนุ่มส่ายหน้า ริมฝีปากเขายิ้มแต่นัยน์ตากลับคมปลาบ
“นั่นไม่ใช่ปัญหา”
“นั่นแหละคือปัญหา เพราะผู้หญิงอย่างคุณจ๋าไม่มีทางรักลูกติดของคุณแน่” หญิงสาวโพล่งออกมาตรงๆ และนั่นทำให้ชายหนุ่มหน้าตึง แต่คราวนี้เขากลับเงียบ ไม่ได้โต้ตอบราวกับจะรู้ดีว่าจริยานั้นเป็นคนแบบไหน แต่เรวัตก็คือผู้ชายหัวรั้น ที่หากคิดจะทำอะไรแล้ว เขาจะต้องทำให้ได้อย่างใจคิด...
และเวลานี้ ลูก คือเป้าหมายของเขา!