๖
ต้องการแค่ลูก
“ว่ายังไงล่ะ เธอรู้ใช่ไหม”
เมื่อถูกย้ำถาม โรสรินทร์จึงละสายตาจากลูกชายตัวน้อยขึ้นมองดวงตาคมกริบ
“ค่ะ ฉันรู้”
คำตอบที่ได้รับทำให้เรวัตถึงกับต้องค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างพยายามเก็บกลั้นความโกรธ พร้อมกับบดกรามแน่นด้วยอารมณ์ร้อนที่แล่นขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ถูกละลายลงเมื่อสบเจ้านัยน์ตาคู่จิ๋วที่ดูจะถอดแบบเขาออกมาเป๊ะๆ
“ทำไม”
แม้จะข่มอารมณ์ของตนเองลงอย่างยิ่งแล้ว ทว่าก็ยังไม่อาจเก็บกดบางส่วนเอาไว้ได้จึงเล็ดลอดออกมา โรสรินทร์เห็นแบบนั้นก็เม้มปากแน่น
“ฉันคิดดีแล้วที่ไม่บอกกับคุณ”
“คิดดียังไงมิทราบ” เขาเค้นเสียงถาม เลิกคิ้วสูง นัยน์ตาวาววับทีเดียว ยังดีที่เขายังไม่ตะคอกจนลูกชายของหล่อนตกใจ
“ดีต่อพวกเราทุกคน”
“มันดิ...” เรวัตเตรียมท้วง แต่กลับถูกโรสรินทร์ขัดขึ้นเสียก่อนจึงต้องหุบปากลงอย่างไม่เต็มใจนัก
“อย่างแรกเลยก็คือ คุณจะได้ไม่ต้องลังเล ห่วงหน้าพะวงหลังเพราะไม่รู้จะเลือกใคร คนหนึ่งลูกอีกคนก็แฟนเก่า และที่สำคัญที่สุด ฉันไม่ยอมให้ลูกของฉันไปอยู่กับเมียใหม่ของคุณคนนี้เด็ดขาด นี่แหละค่ะ เหตุผลของฉัน”
เรวัตใช้ความพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่โวยวาย เขามองลูกน้อยในอ้อมแขน ก่อนจะสบตาอดีตเมียอีกครั้ง
“แล้วเธอคิดจะบอกเรื่องนี้กับฉันเมื่อไร ถ้าฉันไม่ระแคะระคายตามมาเธอจะบอกไหม”
หญิงสาวกระตุกยิ้ม ดวงตาที่มองชายหนุ่มนั้นราวกับจะเยาะเขาอยู่กลายๆ นั่นทำให้อีกฝ่ายโมโหปรี๊ด แต่ก็ยังอดทนอดกลั้นเอาไว้
“ก็...คงจะสักวันหนึ่ง”
คนฟังกัดฟันกรอด แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยประโยคเจ็บๆ ออกไป คุณผกามาศก็เข้ามาขัดจังหวะ
“อาหารว่างพร้อมแล้ว”
สิ้นเสียงของท่าน โรสรินทร์จึงก้าวเข้าไปหาเรวัต พร้อมกับสอดมือเข้าไปช้อนร่างเล็กนุ่มนิ่มของลูกน้อย ทว่าคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าเป็นพ่อได้ไม่ถึงชั่วโมงกระชับลูกชายแน่น ทำให้หญิงสาวชะงัก แต่ชายหนุ่มจ้องตาหล่อนนิ่ง ซ้ำยังไม่ยอมปล่อยลูกชายคืนแม่ของแกง่ายๆ
“ส่งลูกของฉันคืนมา” หญิงสาวกระซิบบอก ดวงตาวาววับ ทว่าคนหน้ามึนกลับกระชับลูกชายแน่นขึ้นทั้งยังส่งยิ้มยียวน
“ลูกของฉันเหมือนกัน” สายตาคมกริบจ้องตอบอย่างตั้งใจยั่วอารมณ์ แต่ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายไปมากกว่านี้ คุณผกามาศที่รออยู่นานก็ถอนหายใจพรืด
“พอทั้งคู่นั่นแหละ เอาหลานของฉันมานี่” พูดจบท่านก็ก้าวเข้าไปอุ้มหลานชายแสนรักขึ้นไปกอดด้วยอาการทะนุถนอม โดยไม่ลืมปรายตาค้อนคมกริบให้กับคนทั้งสองแล้วเดินนำออกไปเป็นคนแรก
เมื่อลูกน้อยถูกคุณย่าของแกอุ้มออกไป โรสรินทร์จึงยืดตัวตรง พลางค้อนขวับแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งเรวัตให้มองไปรอบห้องด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินตามออกไปเป็นคนสุดท้าย
ชายหนุ่มตามไปนั่งข้างๆ โรสรินทร์อย่างจงใจ ทำให้หญิงสาวต้องขยับตัวห่างเล็กน้อย ทว่าใบหน้าหวานยังคงส่งยิ้มให้กับทุกคน แต่เรวัตก็ยังคงขยับตามติดราวจะยั่วให้อีกฝ่ายโมโหเล่น พร้อมกับส่งยิ้มให้กับครอบครัวของคุณเมริน
ชัชชัยสังเกตอดีตคู่สามีภรรยาตรงหน้ามานาน รู้สึกว่าคนทั้งสองคงจะทั้งรักทั้งชิงชังในกันและกัน แต่ดูเหมือนคนที่ยังคงหลงเหลือความรู้สึกรักจะมีเพียงผู้หญิงสาวร่างเล็กตรงหน้าเพียงผู้เดียว เพราะเมื่อเรวัตเลิกตามตอแยและหันไปพูดคุยกับบิดามารดาของเขา ใบหน้าที่แย้มยิ้มของหญิงสาวก็หม่นหมองลง หล่อนคงไม่ทันคิดว่าเขาจะสังเกตเห็น
ชัชชัยพอจะรู้เรื่องราวระหว่างคนทั้งสองมาไม่น้อย ที่รู้ก็เพราะมารดาของเขาชอบเล่าเรื่องของเพื่อนๆ ให้ฟังเสมอ และหนึ่งในนั้นคือเรื่องของครอบครัวคุณผกามาศ แต่เมื่อได้ฟังก็รู้สึกเห็นใจทุกคน แต่คนที่ทำให้รู้สึกเห็นใจมากที่สุดกลับกลายเป็นเรวัตกับโรสรินทร์ หนุ่มรุ่นน้องคนนี้คงสับสนไม่น้อยเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วได้รู้ว่าคนรักไม่อยู่กับตนเองอีกต่อไป แต่คนที่อยู่ด้วยกลับกลายเป็นคนที่ไม่เคยคิดจะรัก แต่ใช่ว่าคนที่เรวัตไม่คิดรักนั้นจะมีความสุขที่ได้อยู่กับตนเอง ตรงกันข้ามหล่อนอาจกลายเป็นคนที่กำลังทุกข์มากที่สุดก็เป็นได้ เพราะคนแรกที่เรวัตทอดทิ้งคือหล่อน และเวลานี้คนที่ทำให้เขาติดตามมาจนถึงบ้านพักตากอากาศก็คือลูกชายตัวน้อย ชัดเจนว่าไม่มีเวลาไหนที่โรสรินทร์จะเป็นที่ต้องการของอดีตสามี ยกเว้นช่วงเวลาหนึ่งปีแรกที่เรวัตไม่เป็นตัวของตัวเอง...
ซึ่งเวลานั้นก็ได้ผ่านพ้นไปแล้วอย่างไม่มีวันหวนกลับ เปรียบเสมือนความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง
คนที่เรวัตต้องการไม่เคยมีผู้หญิงที่ชื่อโรสรินทร์ ก่อนหน้านี้อาจเป็นใครสักคน แต่เวลานี้คือลูกชายที่หญิงสาวทั้งรักและหวงเขาอย่างสุดหัวใจ แต่ชัชชัยมั่นใจ ว่าคนตรงหน้าคงไม่ได้มาแค่เยี่ยมเยือนเท่านั้น แววตาของเรวัตบอกชัดว่าเขาต้องการแค่ลูก...
วันที่ทุกคนต้องเดินทางกลับ เรวัตสั่งให้คนขับรถกลับไปก่อน ส่วนตัวเขาเข้าไปนั่งรอภายในรถตู้ที่โรสรินทร์โดยสารมาพร้อมกับลูกชายและพี่เลี้ยง เมื่อหญิงสาวขึ้นรถเตรียมตัวกลับบ้านก็ต้องชะงัก เมื่อพบว่าเรวัตนั่งกอดอกอยู่ในแถวแรกด้านในสุด
“ฉันบอกให้คนขับรถกลับไปแล้ว” เขาบอกหน้าตาเฉย ก่อนหลุบตามองคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนของพี่เลี้ยง เมื่อโรสรินทร์เข้าไปนั่งด้านในติดกับคาร์ซีตลูกชาย ชายหนุ่มก็ยื่นมือออกไปรอรับคนตัวอวบจากพี่เลี้ยง ฝ่ายนั้นเหลือบตามองเจ้านายของตนเองอย่างขอความเห็น เรวัตจึงบอกกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ส่งมาก่อนเดี๋ยวคืนให้”
เมื่อโรสรินทร์พยักหน้า พี่เลี้ยงเด็กก็ส่งพ่อหนูให้กับคนเป็นพ่อแล้วก้าวขึ้นรถพร้อมกับปิดประตู จากนั้นก็เอาแต่จ้องมองเรวัตนิ่งเพราะเขายังไม่ยอมคืนคุณหนู
เรวัตเองก็เอาแต่มองคนในอ้อมแขนของตัวเองด้วยความพอใจ เขาส่งยิ้มอบอุ่นให้ลูกน้อย พยายามทำให้คนตัวเล็กรับรู้ว่าเขาดีใจที่ได้เกิดมาเป็นพ่อลูกกันมากแค่ไหน กระทั่งได้ยินเสียงกระแอมเบาๆ จากด้านหลัง ชายหนุ่มจึงตวัดสายตามอง เมื่อสบตาเรียบขรึมของโรสรินทร์ เขาก็หลุบตามองลูกชายอีกครั้ง พลางกระซิบเสียงเบามากเพื่อให้ได้ยินกันเพียงแค่สองพ่อลูกเท่านั้น
“หนูไปนอนข้างหลังกับคุณแม่ก่อนนะครับ พอถึงบ้านค่อยกลับมาหาพ่อ”
พี่เลี้ยงสาวก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มกับท่าทางอ่อนโยนและการทำเสียงเล็กเสียงน้อยของเรวัต ขณะที่โรสรินทร์ปรายตาค้อนเบาๆ เพราะแม้ว่าเขาจะกระซิบ แต่หล่อนและพี่เลี้ยงของลูกชายก็ยังได้ยิน จากนั้นเขาก็คืนลูกให้กับพี่เลี้ยง แต่ก็หันกลับมามองคนในคาร์ซีตเป็นระยะ เมื่อปะทะกับสายตาของหล่อน เขาก็เลิกคิ้วสูงราวจะกวนประสาท หญิงสาวเห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจอย่างนึกระอาพร้อมกับเมินหน้าหนี