โรสรินทร์มาถึงบ้านพักตากอากาศหลังคุณผกามาศเพียงสิบห้านาที หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างพอใจ พลางสูดกลิ่นอายแสนบริสุทธิ์เสียเต็มปอด
บ้านพักหลังนี้ตั้งอยู่กลางหุบเขา เช้าๆ จะเห็นหมอกหนาลอยกรุ่นตัดทิวเขาสีทะมึน ตัวบ้านเป็นไม้สองชั้นสีโอ๊ก แน่นหนาแข็งแรง ภายในบริเวณบ้านมีไม้ยืนต้นใหญ่ให้ความร่มรื่น ถัดไปไม่ไกลคือสิ่งปลูกสร้างด้วยปูนเลียนแบบธรรมชาติ บนหลังคาลาดชันติดแผงโซลาร์เซลล์ ด้านในคือเครื่องปั่นไฟ ปั๊มน้ำ แบตเตอรี่และอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็น รอบตัวบ้านคือทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาสูงต่ำลดหลั่น เงียบสงบ เหมาะแก่การหลบมาพักกายใจ มีเพียงเสียงนกร้อง เสียงน้ำไหลเพราะห่างไปอีกนิดมีลำธารเล็กๆ ตัดผ่าน
บ้านพักหลังนี้มีคนดูแลสองคนคือสองสามีภรรยาวัยสี่สิบปลาย หญิงสาวยิ้มให้คนทั้งสองทันทีเมื่อพวกเขาก้าวออกมาต้อนรับ
“สวัสดีค่ะป้านิด ลุงโต้ง”
ทั้งสองรับไหว้สาวสวยตรงหน้าด้วยความดีใจเช่นกัน ก่อนจะมองไปยังเด็กน้อยในอ้อมแขนของโรสรินทร์
“ลูกชายหรือครับคุณหนู” โต้งเอ่ยถาม เขารับรู้เรื่องราวของโรสรินทร์ผ่านคุณผกามาศเงียบๆ จึงรู้ได้ทันทีว่าเด็กในอ้อมแขนคนนี้เป็นลูกชายของหล่อน แววตาจึงฉายชัดว่าเอ็นดูและตื่นเต้นยามมองคนตัวเล็ก
“ใช่ค่ะ ตัวเล็กธุจ้าคุณตากับคุณยายก่อนครับ ผมชื่อเด็กชายรติกานต์ ชื่อเล่นน้องรันนะครับ” หญิงสาวแนะนำลูกชายตัวน้อยด้วยความภูมิใจรักใคร่ สองผัวเมียถึงกับยิ้มแป้น มองคนตัวเล็กด้วยสายตาเอ็นดู
ขณะที่กำลังคุยเล่นอยู่กับทั้งสอง คุณผกามาศก็เดินออกมาจากบ้าน ท่านยิ้มกว้างเมื่อเห็นหลานชายตัวอวบลืมตาแป๋ว
“หลานย่ามาถึงแล้ว”
โรสรินทร์หันไปยิ้มให้ท่าน ขณะที่โต้งและนิดหันไปตามเสียงแล้วยืนพินอบพิเทา ดวงหน้าของทั้งคู่ต่างแจ่มใส เพราะนานๆ ครั้งเจ้าของบ้านจะมาเยือน เมื่อมาเยือนก็หอบเอาความสุขมาด้วย โดยเฉพาะครั้งนี้ที่มีเด็กน้อยหน้าตาน่าชังมาให้พวกเขาได้ชื่นชม จากที่เอ็นดูรักใคร่โรสรินทร์มากอยู่แล้ว เมื่อหล่อนมีลูกน้อย พวกเขาก็ยิ่งเทความเอ็นดูไปให้กับคุณหนูทั้งใจ
“เข้าบ้านกันก่อนนะ แม่มีเรื่องจะคุยกับเรา” เมื่อคุณผกามาศกล่าวเช่นนั้น หญิงสาวจึงหันไปเอ่ยขอตัวกับสองผัวเมีย แล้วเดินตามเข้าไปด้านใน
โต้งก้าวออกไปก้าวหนึ่งแล้วหยุดนิ่ง ใบหน้าของเขาเจือยิ้มละไม แววตาที่เจิดจ้าค่อยๆ อ่อนแสง นิดขยับไปยืนข้างๆ สามีแล้วเงยหน้ามอง ดวงตาเรืองแสงเมื่อครู่อ่อนลงเมื่อเห็นใบหน้าอ่อนโยนของเขายามมองตามสองแม่ลูกเข้าไปด้านใน
“พี่โต้ง”
โต้งหลุบตามองเมีย เขาสูดลมหายใจแล้วพยักหน้ายิ้ม ก่อนจะพากันกลับไปทำหน้าที่ของตนตามเดิม
ภายในห้องนั่งเล่น หน้าต่างบานใหญ่ถูกเปิดกว้างรับลมธรรมชาติ มองเห็นทิวทัศน์สวยงามแปลกตา คุณผกามาศอุ้มหลานชายเอาไว้ในอ้อมแขน พลางหอมแก้มนุ่มนิ่มเสียหลายฟอด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นยิ้มกับโรสรินทร์
“โรสจำคุณเมรินได้ไหม ภรรยาคุณประภาสที่เคยมาที่บ้านเราเมื่อสักสองสามปีก่อน”
หญิงสาวหวนคิดถึงสองสามีภรรยาคู่นั้น ก่อนจะยิ้มหวานออกมาเมื่อจำได้
“จำได้สิคะ ท่านทั้งสองใจดีมาก ยังชวนโรสไปทำงานกับท่านเลย ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ”
“หลังจากจัดการเรื่องวุ่นๆ เรียบร้อยแล้วก็สบายดีทั้งคู่จ้ะ”
คำตอบของท่านทำให้หัวคิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น
“ท่านมีปัญหากันหรือคะ”
คุณผกามาศยิ้ม พลางหันไปมองสาวใช้ที่ติดตามมาดูแลตน
“พวกเธอเข้าครัวเตรียมอาหารเย็นนี้ได้เลย ส่วนรายการก็ตามที่บอกไปนั่นแหละนะ”
“ค่ะคุณผู้หญิง”
สิ้นเสียงของสาวใช้ คุณผกามาศก็หันมาตอบโรสรินทร์
“เรื่องลูกๆ ของท่านนั่นแหละจ้ะ แม่ก็เลยชวนท่านมาพักผ่อนกับเรา หนูไม่ว่านะที่แม่ไม่ได้บอกก่อน”
โรสรินทร์ส่ายหน้ายิ้มทันที
“ไม่หรอกค่ะ ดีเสียอีก มีกันหลายคน ครึกครื้นดีค่ะ”
คนฟังยิ้มกว้างอย่างพอใจ พลางก้มลงจูบแก้มยุ้ยของหลานชายแล้วส่งคืนมารดาของเขา เมื่อลับร่างของโรสรินทร์ คุณผกามาศก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย ยิ่งคิดถึงลูกชายตัวเอ้ที่กำลังตามมา ก็ยิ่งรู้สึกถูกอกถูกใจ แทบจะรอเวลาเจอหน้ากันไม่ไหวเลยทีเดียว
เรวัตตามมาถึงบ้านพักตากอากาศของมารดาในช่วงเย็น แต่เขาต้องหรี่ตามองเมื่อพบว่าไม่ได้มีเพียงมารดาที่พาโรสรินทร์และเด็กคนนั้นมาพักผ่อนที่นี่ ทว่ากลับมีคนอื่นรวมอยู่ด้วย
“เข้าไปเลยไหมครับคุณเร” เด่นซึ่งเป็นคนขับรถเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจนัก
“เข้าสิ”
สิ้นเสียงขรึม เด่นก็ขับรถเข้าไปภายในบ้านพักกลางหุบเขา ทุกคนที่กำลังดื่มกินหันไปมองเป็นตาเดียว เมื่อรถเอสยูวีสีดำคันหรูกำลังแล่นผ่านรั้วบ้านเข้ามา
“ใครกันคุณมาศ” คุณเมรินเอ่ยถาม ดวงตาที่มองไปยังรถคันนั้นมีความฉงนสนเท่ห์ เพราะเท่าที่รู้ที่นี่จะมีเพียงท่านและครอบครัวเจ้าของที่พัก
คุณผกามาศยิ้มอ่อน ทว่าแววตาวาววามขึ้นยามตอบคำถาม
“ลูกชายน่ะค่ะ ตาเร...”
ชื่อนั้นทำให้คนที่ก้าวออกมาพร้อมกับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ถึงกับใจกระตุก คนข้างกายของหล่อนเองก็มองตรงไปยังรถยนต์ที่เพิ่งเข้ามาจอด เพียงไม่นานนักคนในรถก็ก้าวออกมาด้วยมาดที่ทำให้คนมองอยู่นั้นเลิกคิ้วสูง
“อาหารมาแล้วค่ะ” โรสรินทร์ที่ได้สติยิ้มหวานให้กับทุกคน พร้อมกับวางจานอาหารลงกลางโต๊ะไม้เนื้อแข็งขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับชัชชัยที่อาสาช่วยหญิงสาว เขาวางจานสเต๊กแล้วนั่งลงข้างๆ หญิงสาวนั่นเอง
คนที่กำลังเดินตรงมาหรี่ตามองเมื่อเห็นชัดว่าโรสรินทร์นั่งลงพร้อมกับผู้ชายหน้าตาดีมากคนหนึ่ง ซึ่งเวลาต่อมาเขาก็จำได้ว่าหมอนั่นเป็นใคร
“สวัสดีครับแม่ สวัสดีครับคุณลุง คุณป้า” เขาทักทายผู้อาวุโส
“สวัสดี ลุงไม่รู้ว่าเราก็มาด้วย” คุณประภาสเอ่ยด้วยสีหน้าเจือยิ้ม รับรู้สถานการณ์ดีพอควร เพราะคุณผกามาศที่สนิทกับภรรยาของเขาเคยเล่าให้ฟังว่าลูกชายหย่าขาดจากลูกสะใภ้ด้วยเหตุผลที่คนเป็นแม่รับไม่ได้ หลังจากนั้นท่านก็ทำเหมือนไม่เคยมีลูกชายชื่อเรวัตอีก เมื่ออีกฝ่ายมาปรากฏตัววันนี้ ทุกคนจึงค่อนข้างแปลกใจ
“ก็ ผมเพิ่งรู้ ก็เลยตามมาทีหลังครับ” เขาตอบแล้วหันไปสบตามารดาก่อนจะทักทายชายหนุ่มอีกคน “สวัสดีครับพี่ชัช ไม่ได้เจอกันเสียนาน สบายดีนะครับ”
ชัชชัยยิ้มตอบหนุ่มหล่อรุ่นน้อง ทว่าสายตาที่คนทั้งสองมองกันนั้นเต็มไปด้วยการประเมินกันและกันอยู่ในที
“สบายดี เรล่ะ”
“สบายมากครับ” เขาตอบชัชชัย แต่สายตามองไปยังโรสรินทร์ราวจะตอกย้ำให้หล่อนได้รู้ว่าเขามีความสุขมากแค่ไหนหลังหย่าขาดจากหล่อน แต่หญิงสาวกลับนั่งเฉยไม่ยอมสบตาเขา ทว่าชายหนุ่มไม่สนใจและถือโอกาสนั้นนั่งลงข้างมารดา คุณผกามาศเหลือบตามองเขาแวบเดียวก็เลิกสนใจ ก่อนมองไปยังชัชชัยด้วยสายตาชื่นชม
“พ่อชัชกลับมาช่วยงานคราวนี้ คุณเมคงสบายใจแล้วใช่ไหมคะ ไม่ต้องใจหายใจคว่ำอีกแล้ว” ท่านเอ่ยถามเสียงอ่อน ซึ่งคำถามนั้นทำให้โรสรินทร์นิ่งฟังด้วยความสนใจเช่นกัน ท่าทางแบบนั้นทำให้คนที่เพิ่งมาใหม่กัดฟันกรอด ขณะที่ทุกคนหัวเราะออกมาเบาๆ กับคำกระเซ้าของคุณผกามาศ
ไม่มีใครให้ความสนใจเขานัก ทุกคนมุ่งไปที่ชัชชัย พร้อมกับเสียงซักถาม ฝ่ายนั้นก็ตอบกลับมาด้วยท่าทางสบายๆ น่าชื่นชมและหมั่นไส้ในเวลาเดียวกัน แต่แล้วเขาก็กระตุกยิ้ม ดี ไม่ต้องมาสนใจเขาหรอก เพราะที่เขาต้องถ่อมาถึงที่นี่ก็เพื่อมาค้นหาความจริงบางอย่าง ไม่ใช่มาเพื่อให้ใครสนใจ ทว่าต่อให้พยายามคิดแบบนั้น เขากลับรู้สึกคันยุบยิบในใจ ที่อดีตภรรยาไม่ให้ค่าเขาเลยสักนิด ไม่เจอกันแค่ปีกว่าๆ โรสรินทร์เย่อหยิ่งจองหองมากขึ้นและสวยมากขึ้นอีกด้วย เวลานั้นคนถูกนินทาในใจเผลอสบตาอดีตสามีแวบหนึ่งราวจะรับรู้ถึงกระแสร้อนแรงบางอย่างก่อนดึงสายตากลับไปอย่างรวดเร็ว เรวัตเขม้นตามองหล่อนด้วยแววตาหมายมาด ยิ่งมีมารดาของเขาให้ท้าย หล่อนก็ยิ่งเชิดใส่อย่างไม่เห็นหัว เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวได้เห็นดีกัน!