ล้อกูดีนัก...2

2386 Words
ล้อกูดีนัก…2 ‘คืนสู่เหย้าชาวขาวเขียว วันวานยังหวานอยู่’ อ่านจากป้ายต้อนรับก็รู้ว่าตีมคืออะไร ผมเดินผ่านป้ายต้อนรับขนาดใหญ่ ทักทายไหว้อาจารย์ เพื่อนร่วมรุ่นรวมถึงรุ่นพี่รุ่นน้องที่คุ้นตาบรรยากาศเก่าๆ กลับมาจนรู้สึกฟูในหัวใจความสดใสในวัยมัธยมกลับมาได้อีกครั้ง “ไอ้ยีนส์!” เสียงไอ้ยอดตะโกนลั่นทำอย่างกับมันไม่เจอผม ทั้งที่แก๊งค์เราเจอกันโคตรบ่อย “ยีนส์…” เสียงแปล่งๆ ค่อนไปทางเสียงผู้หญิงดังแทรกเข้ามา ผมหันกลับไปหามองผู้หญิงที่ใส่ชุดจั้มสูทสีขาวยืนบนรองเท้าส้นสูงแหลมเล็ก ผมยาวสีควันบุหรี่มีผ้าผูกผมสีเขียวจุดขาวเข้ากับบรรยากาศย้อนยุคในงาน ใคร? ... “ฟางเองจำได้มั้ยเนี่ย” อีกฝ่ายแนะนำตัวเอง “ฟาง?” ผมยอมรับว่าแปลกใจไม่ได้เจอกันสองปีเพื่อนร่วมห้องผมคนนี้กลายเป็นสาวสวยไปแล้ว “ยีนส์เป็นไงบ้างไม่เจอเลย” “ก็ดี” ผมยิ้มยังคงมองฟางอย่างชื่นชม “ฟางสวยนะ” “บ้า! ...อย่ามาจีบเดี๋ยวนี้กะเทยเป็นเมียเกย์ก็มีนะมึง” ฟางทุบแขนผมอย่างหยอกล้อ “ไอ้ฟางแม่งโคตรเด่น! ...มึงรู้ตัวมั้ยวะว่าเป็นคนสวยที่สุดในโรงเรียนฮ่าๆ …” เสียงและคำพูดที่ดูกวนตีนทำให้การสนทนาที่ยิ้มแย้มของผมกับฟางหยุดลง “มึงล่ะวะไอ้ยีนส์เมื่อไหร่จะมีนมสักที” มันไม่พูดเปล่าแต่เอามือสกปรกมาจับไหล่ผม “เสือก!” ผมหันไปจ้องหน้าผู้ชายที่สูงร้อยแปดสิบกว่าเท่าผม ไอ้เชี่ยเต… ปากมึงนี่แม่งไม่เคยเปลี่ยน! “ยีนส์…” ฟางเข้ามาจับแขนผมไว้เตรียมใจไว้แล้วตั้งแต่ตอบตกลงว่าคงหนีไม่พ้นที่จะต้องบวกกับมัน “ไอ้ยีนส์ใจเย็น!” ไอ้ยอดเข้ามาจับพร้อมกับพยักหน้าเหมือนเป็นสัญญาณว่าให้ไอ้ไนท์กับไอ้ชินพาไอ้เตออกไป “หมัดตุ๊ด! ...แม่งจะแรงสักแค่ไหนกันวะเผลอๆ กูว่าแม่งต่อยไม่เป็นด้วยซ้ำ!” เสียงไอ้เตดังไล่หลังทำให้ผมหันกลับไปกระชากคอเสื้อมัน “อยากลองมั้ยล่ะ!” ผมท้าทายมันกลับทันทีตอนนี้ผมกับไอ้เตเริ่มเป็นที่สนใจของโต๊ะรอบๆ “มึงสองตัวหยุดเลย!” ไอ้ภัทรที่พึ่งมาถึงพุ่งตรงเข้ามาแยกผมสองคนออกจากกัน  “มึงไปนั่งไอ้เต มึงด้วยไอ้ยีนส์วันนี้ห้ามมีเรื่อง!” ไอ้ภัทรผลักอกผมกับไอ้เตให้แยกจากกัน ผมยอมแยกมานั่งอีกโต๊ะเลือกที่จะนั่งหันหลังให้กิน ดื่ม คุย พยายามจะไม่ใส่ใจคนข้างหลังแม้ใจมันจะโคตรหงุดหงิดภาพในอดีตสมัยม.4เทอม 2 กลับมา “ฮ่าๆ …” เสียงไอ้เตดังมาแต่ไกลแม้ผมยังเดินไม่ถึงห้อง4/3 ด้วยซ้ำ ก้าวผ่านประตูห้องเข้ามาผมก็เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น “เอามานะเต!” เสียงนุ่มนิ่มของฟางดังขึ้นพร้อมกับพยายามยื่นมือไปดึงตลับแป้งพัฟกลับมา “ผู้ชายที่ไหนเขาพกแป้งกันวะอีตุ๊ด!” “เอามานะเต!” ฟางยังคงยื้อแย่งแต่เป็นผมเองที่รู้สึกโกรธเคืองกับคำเหยียดเพศของมัน ผลัก! ตึง! ผมแย่งตลับแป้งมาถือในมือพร้อมกับผลักไอ้เตจนเซไปชนเก้าอี้จนล้ม ไม่ได้สนใจหันไปส่งแป้งพัฟคืนกลับให้ฟางที่ยิ้มอย่างดีใจ “เสือกอะไรวะไอ้ยีนส์!” ไอ้เตลุกขึ้นพร้อมกับผลักผมคืนในทันที “มึงนั่นแหล่ะที่เสือก! จะเป็นตุ๊ดเป็นกะเทยแล้วมันหนักหัวมึงตรงไหน!” ผมย้อนมันกลับไปอย่างไม่กลัว รู้มาว่าพ่อมันเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ใครๆ เลยกลัวมันแต่แบ็คผมนั้นก็ดีพอตัว สนามฟุตซอล ห้องโสต โต๊ะ เก้าอี้ แอร์หอประชุม เงินอุดหนุนจากพ่อแม่ผมทั้งนั้นขอใช้บารมีของพ่อแม่ข่มมันบ้างก็แล้วกัน “พูดเหมือนเข้าใจเป็นตุ๊ดเหมือนกันรึไงวะ” ไอ้เตหันไปมองไอ้ชินกับไอ้ไนท์พร้อมยิ้มเยาะผม “กูชอบผู้ชายแล้วมันหนักหัวมึงมากขึ้นมั้ยวะ?” “เชี่ยแม่งตุ๊ดจริงๆ ด้วยว่ะ! ฮ่าๆ” ไอ้เตหัวเราะเสียงดัง “ถ้ามึงยังแยกเกย์กับตุ๊ดไม่ออกก็อย่าเสือกปากดี” “ทำไมวะ? ...ชอบผู้ชายแม่งก็เป็นตุ๊ดทั้งนั้นแหล่ะ” มันขำ “จารมา!” เสียงเพื่อนคนที่บอกวิ่งมานั่งประจำที่อย่างรวดเร็ว อาจารย์เดินเข้ามาการสนทนาของพวกผมเลยจบลง รู้แต่ว่าหลังจากนั้นผมก็แบกคำถากถางเหยียดเพศของไอ้เตเอาไว้เองจนจบม.6 ทะเลาะมีเรื่องกันประจำแต่ก็ไม่เคยถึงขั้นชกต่อยทำร้ายร่างกายเรียกว่าปากหมากวนตีนใส่จะถูกต้องกว่า มันก็ล้อผมว่า‘ไอ้ตุ๊ด! อีตุ๊ด!’ ไม่เคยเปลี่ยน เชี่ย!‘กูเป็นเกย์…’รุกด้วยไม่ได้ออกสาวอย่างที่มันเข้าใจสักนิดแต่สมองมันคิดได้แต่ตุ๊ด กะเทย ผมเลยป่วยการที่จะอธิบายนี่มันสมัยไหนกันแล้วมันยังไม่เข้าใจความหลากหลายทางเพศอีกเหรอวะหรือว่าเก็บกดมาจากที่บ้านกะลาแลนด์ของมัน “แม่มึงเลิกนั่งตู้รึยังวะ?” เสียงไอ้เตดึงผมกลับมาสู่ปัจจุบันหันไปมองมันที่หันมาจ้องผมอยู่ก่อนแล้ว นี่ก็อีกเรื่อง… ตั้งแต่รู้ว่าบ้านผมทำธุรกิจอะไรไอ้เตก็เปิดให้เป็นคนแรกใช่…บ้านผมเปิดอาบ อบ นวด ทำมาตั้งแต่ผมแบเบาะจนตอนนี้อาบ อบ นวดซบเซาเราก็ขยับขยายมาเปิด สปาพริตตี้มีหลายที่หลายสาขาธุรกิจสีเทาที่มีวงจรอุบาทว์และยากลำบากกว่าที่คนอื่นๆ เห็น แต่ผมไม่เคยอายไปเฝ้าสาขาให้พ่อกับแม่ก็บ่อยโคตรภูมิใจเพราะรู้ดีว่าพ่อแม่ผมแข็งแกร่งแค่ไหนกว่าจะมีเงินได้ขนาดนี้ จ่ายส่วย ค่าน้ำร้อนน้ำชาข้าราชการมาก็มากกว่าที่ร้านจะมั่นคงไม่มีตำรวจลงตรวจ แต่พ่อแม่ผมก็ยังคงต้องเสียเงินที่หามาได้อย่างยากลำบากไปเปล่าๆ ให้คนเหล่านั้นรวมๆ กันเดือนละเป็นล้าน ที่ผมเรียนนิติศาสตร์เพราะอยากเอากฎหมายมางัดเพื่อผลักพวกปลิงสีกากีติดดาวบนบ่าออกไป “มึงนี่เดือดร้อนเรื่องกูจังนะ?” “กูก็เป็นห่วงไงยังไงแม่งก็เพื่อนกันว่ะ” มันพูดเหมือนเป็นคนดีแต่ฟังดีๆแม่งก็ประชดแถมยิ้มให้ผมแบบกวนตีนอีก มึงจะมีเรื่องให้ได้ว่างั้น? ...เจอกันต้องทะเลาะให้ได้สินะทำตัวเด็กจังเลยว่ะ “กูโคตรซึ้งงั้นมึงช่วยอุดหนุนกิจการบ้านกูหน่อย มึงน่ะฟรีส่วนไอ้ไนท์กับไอ้ชินกูลดให้50%ต้องมานะมึง” ผมยิ้มบางๆจ้องมันแบบสบประมาทพวกเก่งแต่ปากน่ะเจอของจริงหัวหดทุกคน “เผื่อร้านกูสาขาหน้าจะได้มีข้าราชการระดับสูงมาตัดริบบิ้นกับเขาบ้าง” ผมตีหน้ามึนกวนตีนมันกลับไป “ยังไม่โดนสั่งปิดอีกเหรอวะ?” มันฝืนยิ้มมาทั้งที่หน้าตากำลังโกรธ ถ้าเข้าโหมดสงครามประสาทนี่กูชนะขาดนะบอกไว้ สมองช้า ถนัดแต่ปากไวมึงคิดอะไรไม่ทันกูหรอก “ยัง! ...คงเพราะรื้อเม็มเบอร์แล้วเจอข้าราชการชั้นผู้ใหญ่สูงเทียมไหล่เท่าพ่อมึงอ่ะ...ว่าแต่พ่อมึงสนใจมั้ยวะกูให้ vvipเลยนะถือเป็นการโปรโมต” “ไอ้ยีนส์!” “กูพูดจริงมึงมาวันไหนล่ะกูจะได้เลี่ยงสาขากับเวลาที่มึงจะไม่เจอหน้าพ่องมึงน่ะ!” “มึงอย่าคิดว่ากูไม่กล้า!” มันจ้องหน้าแถมถลึงตาใส่ กลัวตายล่ะมึงไอ้ปัญญาอ่อน! “ก็มาดิวะกูจะตั้งตานับวันรอ!” ผมยิ้มกวนพร้อมกับคีบฮ้อยจ้อเข้าปากเคี้ยวอย่างสะใจที่สุดในชีวิต “กูไปแน่!” ไอ้เตตะคอกใส่ก่อนหันกลับไปฟึดฟัดใส่เพื่อนสองตัว งานคืนสู่เหย้าจบลงพร้อมกับคำพูดของผมกับไอ้เตที่ถากถางกันไปมารู้ตัวว่าตัวเองแม่งทำตัวเป็นเด็กแต่ก็ยังเสือกทำ พอแยกจากอาจารย์กมล อาจารย์ที่ปรึกษาห้องผมที่จะเกษียณปีนี้ผมก็ขอตัวกลับไม่ได้ดื่มมากนักเพราะกลัวจะขับรถกลับไม่ไหว ไอ้สามสี่ตัวยังเต้นลืมตายกันอยู่หน้าเวทีไม่ยอมเลิกผมรำคาญเลยกลับบ้านโดยไม่บอกมัน เดินเข้ามาในสนามกีฬาที่ตอนนี้แปลสภาพมาเป็นลานจอดรถชั่วคราว “…เฮ้อ!...อุ๊บ...แหวะ!” เสียงคนโก่งคออาเจียนดังอยู่ไม่ไกลรุ่นพี่ปีไหนดื่มไปขนาดนั้นวะฟังเสียงก็รู้เลยว่าหมาต้องวิ่งมารอแดกอ้วกข้างๆ เดินผ่านต้นไม้ใหญ่ที่ไฟจากสนามสาดถึงถ้ามืดๆแล้วพี่เขามายืนผมคงยืนขนหัวลุกคิดว่าผี กางเกงผ้าสีเขียวขี้ม้าขากระบอกเสื้อตัวนอกเป็นเชิร์ตแขนสั้นสีขาวที่สาบเสื้อและตะเข็บเดินด้ายสีแดงตัดความเรียบของสีผ้าที่เห็นชัดเพราะว่าพี่เขาไม่ได้ติดกระดุม ตีมแดงไบเล่ 2499เป็นอันเข้าใจ แต่แม่ง… เสื้อผ้ากับแผ่นหลังและไหล่ของพี่เขาทำให้ผมรู้สึกคุ้นๆนึกถึงบางคนอยู่ในใจ แค่ชุดซ้ำ... วันนี้ผมเห็นคนใส่เหมือนกันจนเอียนช่างเถอะผมเดินเข้าไปหามองชายเสื้อที่แกว่งไปมายามพี่เขาก้มหน้าโก่งคออาเจียน ไอ้ด่างตัวแรกวิ่งแซงผมเข้าไปกระดิกหางใส่พี่เขาอย่างที่ผมคิด ‘มึงแดกไม่ได้เดี๋ยวเมาไอ้สัส!’ ผมบอกกับหมาที่ก้มจมูกดมอ้วกพี่เขาอยู่ในใจ รีบเดินเข้าไปตอนนี้ห่วงหมากับคนไม่ต่างกัน “ไหวมั้ยพี่” ผมแตะหลังพี่เขาเบาๆ ส่วนเท้าก็เขี่ยไอ้ด่างออกไป “…เฮื้อ! ...อุบ! ...” พี่เขาปล่อยของอย่างต่อเนื่อง ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากลูบหลังและหันมองไปรอบๆ เผื่อว่าเพื่อนพี่เขาอาจกลับมาอ้วกเป็นหมาไม่น่าเดินมาได้เองตรงนี้ยังไม่มีใครนอกจากพี่เขา ผมและไอ้ด่าง เสียงพะอืดพะอมสงบลงผมก็หันกลับไปมองหลังพี่เขาอีกครั้ง “ไหวมั้ยพี่” ผมถามพี่เขาอีกทีเพื่อความมั่นใจ มองมือหนาที่ยกขึ้นปาดเช็ดปากและค่อยๆ หันกลับมามองผม “!!...” อารมณ์ห่วงของผมหมดไปในทันที “อย่ามาจาบ!!” เสียงตวาดดุจัดติดยานนิดๆที่คุ้นเคยดังใส่หน้าผม “มิน่า! ...หลังคุ้นๆ เมาเป็นหมาเลยนะมึง!” ผมขยับออกมองใบหน้าที่แดงจัดและหมดสภาพของไอ้เชี่ยเต! ... เอามือถูกางเกงเบาๆ ทำตัวไม่ถูกเมื่อคิดไปว่าเผลอเสนอหน้าออกตัวห่วงใยมันเข้าแบบไม่ได้ตั้งใจ “ไอ้ชินกับไอ้ไนท์ไปไหนวะ?” ผมมองหาเพื่อนมันอีกรอบดูจากสภาพมันก็คิดว่าไอ้สองตัวนั่นก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ “ไปไกลๆ อี...ตุ๊ด!” มันพูดพร้อมกับชี้หน้าหรี่ตามองจ้องผมยืนยังไม่ตรงเสือกปากดี! “เก่งนักมึงก็กลับเองแล้วกัน” ผมมองมันอย่างสมเพชยอมรับว่าโกรธมันขึ้นมาอีกแต่โกรธตัวเองสุดที่ไปช่วยลูบหลังให้มัน “กูน่าจะเชื่อความคิดตัวเองตั้งแต่แรก” บ่นตัวเองที่แวบนึงในสมองมันคิดว่าคนที่โก่งคออ้วกคือไอ้เต โครม!!! เสียงวัตถุบางอย่างดังโครมครามซ้ำๆ ทำให้ผมหันไปสนใจ “เชี่ยแล้วไง!” ผมมองภาพรถมอไซค์ที่จอดเรียงกันเป็นแถวล้มไปทั้งแถบอย่างไม่เชื่อสายตา ใครทำวะ? ไอ้เชี่ยเตไง! ... มันนอนหงายหลังทับมอไซค์คันแรกที่มันล้มใส่หางานให้กูแล้วมั้ยล่ะ ผมจำใจเดินกลับมามองรถมอไซ์ที่ล้มไม่เป็นท่านับยี่สิบกว่าคัน ดึงมันขึ้นล่ะง่ายสุดผมตัดสินใจฉุดแขนมันให้ลุกขึ้น “ปล่อยกู!” มันดิ้นขัดขืนแต่ผมก็ดึงมันจนลุกขึ้นมายืนได้อีกหน “ยืนยังไม่ไหวอย่ามาปากดีมึงดูดิมึงทำอะไร” ผมชี้ให้มันดูผลงานตัวเอง ไอ้เตค่อยๆ หันกลับมองอยู่สักพักถึงจะสะดุ้ง “ใครทำวะแม่ง?” “มึงนั่นแหล่ะมานี่! ...” ผมกระชากแขนให้มันเดินหนีออกมา อย่าหวังว่าผมจะเป็นคนดีขนาดยกรถขึ้นให้มันทีละคันนะ “อารายย!...” “กลับบ้าน!” “กูไม่กลับบบ!” มันตวาดใส่ผมอีก “จะยืนรอพ่อมึงรึไง!กลับบ้าน!” ผมย้อนก่อนจะกระชากมันมาที่รถตัวผมเอง “ปล่อยกู!” มือเปลี้ยของไอ้เตพยายามที่จะแกะมือของผมออก ผมไม่ได้โต้ตอบนอกจากออกแรงกระชากแขนให้มันเดินตามมา “ไอ้ตุ๊ด! ...ปล่อยยยกู! ...” “ถ้ามึงเรียกกูว่าตุ๊ดอีกคำ…” ผมหันมาจ้องหน้ามันอย่างเอาจริง “ทำมายยย!!!” มันผลักอกเหมือนจะท้าผมชกต่อย แววตาดูกราดเกรี้ยวทั้งที่ถูกผมเหนี่ยวทีเดียวก็ล้ม ปากเก่ง!มึงก็แค่นักเลงน้ำลายไอ้เต! “กลับ!” ผมเดินไปคว้าจับข้อมือมันอีกครั้ง “ปล่อยไอ้เชี่ย!” มันยังคงดื้อขัดขืนฝืนแรงลากดึงของผม ทำอย่างกับกูอยากร่วมหัวจมท้ายกับมึงยังงั้นแหล่ะ เปล่าเลย กูแค่สังเวชถ้าปล่อยมึงให้โดนยำบาทาจากบรรดาเจ้าของรถมอไซค์ “รำคาญ!” ผมหันไปตะคอกใส่มันบ้าง “ปล่อยยกู!อีตุ๊ดด!!!” มันยังคงดื้อไม่เปลี่ยน “หยุดโวยวายไอ้เต!” ผมหยุดคำเมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะหลุดพูดอะไรออกไป แม่ง! ... “ทำมายย!!!” “มึงเจอกูแน่!” ผมกระชากตัวมันเข้ามาจ้องหน้าสบตาอย่างเอาเรื่อง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD