ย้วยที่ปลิดปลิว
ย้วยที่ปลิดปลิว
“อือออ…ไมร้อนงี้วะ” ผมบ่นกับตัวเองหลังจากนอนพลิกซ้ายพลิกขวาเปลี่ยนท่านอนไปหลายที
ลุกขึ้นมานั่งค่อยๆ เปิดเปลือกตารับแสงภายในห้องที่สว่างจ้า
เช้าแล้ว…
บิดไล่ความขี้เกียจออกจากตัวตามด้วยล้วงมือเข้ามาในเสื้อยืดเพื่อเกาพุง
แกรก แกรก…
เกาพุงแบนๆ ที่ไม่ถึงกับมีซิกแพ็คอย่างมันส์มือส่วนอีกมือก็ควานหามือถือที่ไม่มีใครโทรมาแต่ว่ามีข้อความแชทค้างอยู่
เมิน…
ไม่พร้อมจะกดเข้าไปดูทำเพียงแค่ดูเวลาที่หน้าจอ
ผมตื่นสายกว่าทุกวัน
ไม่สิ! ...
12:43น.
เรียกว่าตื่นผิดเวลาแล้วกันพอคิดแบบนั้นก็ตวัดสายตาไปมองผนังห้องของฝั่งซ้ายที่ทำให้ผมนั้นแทบไม่ได้นอนเมื่อคืน
ขอตัดภาพไปที่เมื่อคืนสักครู่ครับ
พรึ่บ!
23:10น.
ตึง! ...
ผมสะดุ้งลืมตาขึ้นมามองหาเสียงประหลาด
ตึง! ...
ชัดแล้วครับมันดังมาจากห้อง401แน่ๆ
“ทำไรดึกๆ วะ?” พอคิดเท่านั้นแหล่ะครับ
‘อื้อออ…’ เสียงตามมา
ตอนนี้คือใจไม่ดีแล้วนะฟังอินโทรแรกก็คิดลามก18+เลยล่ะว่ามาจากเสียงอะไร
“อื้อออ…โอ๊ยยยย…อื้อออ…แรงอีกที่รัก”
ชัดเจนครับ!
แถม…
เสียงที่ได้ยินมันเป็นเสียงผู้ชายมันก็ยิ่งกระตุ้นผมได้เป็นอย่างดี
หน้าร้อนหูแดงไปหมดแล้วตอนนี้ความคิดอกุศลในหัวผมนี่มีแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้น หมายถึงเรื่องดีๆ จากpornhubที่ถูกรื้อคนออกมาจากเซรีบรัมกำลังฉายวนซ้ำๆ อยู่ในฉากที่สร้างความทับใจ
ก้มมองเป้าตัวเองที่ตุยนิดๆ แล้วก็ด่าด้วยจิตที่เป็นกุศลว่า
‘ไอ้โฟมไอ้คนลามกหยุดหมกมุ่นเดี๋ยวนี้นะมึง!’
ถอนหายใจเซ็ง…
คนโสดที่เจ็บหนักจากรักครั้งแรกอย่างผมมันเป็นเหตุให้โสดและใช้ชีวิตอย่างโคตรของโคตรระวังใจ กลัวความสัมพันธ์ฉาบฉวยที่หากเผลอไปลงใจก็จะเจ็บไม่ต่างกับที่ผ่านมา
ผมจริงเขาเล่นมันก็เป็นแค่ความฝันที่ไม่มีทางจะสมหวังนอกจากความสัมพันธ์ฉาบฉวยทางกายที่หยิบยื่นให้กัน มีความสุขแต่มันไม่ใช่ทั้งขีวิตไงยอมเพราะรักแล้วสุดท้ายก็เจ็บจนเกินรับไหวและเป็นฝ่ายถอยออกมาเอง
‘อื้อออ…อ้า…โอ๊ยยยเสียวจังที่รัก…’
เสียงครางดึงสติผมกลับมาจากเรื่องเศร้าๆ ในอดีตชีวิตที่พึ่งได้ใช้ไป19กำลังจะเข้า20ปีมันจะห่อเหี่ยวไร้ชีวิตชีวาแบบนี้ไม่ได้
หามือถือเปิดเพลงฟังดึงตัวเองออกมาจากpornhubในหัว เมินเสียงครางและลบความเศร้าที่ตกค้างอยู่ในจิตใจ
กลับ ณ ปัจจุบันขออนุญาตแนะนำตัวครับ
ผมโฟมครับ
พึ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่หอสดสีชีวีสดใสได้เมื่อวานและไอ้เสียงร้องครวญครางของคนที่กำลังซั่มกันอย่างเมามันส์ทำเอาผมนอนตาแข็งไปค่อยคืนน่าจะตีสองหรือตีสามได้ ไม่ได้ดูเวลาหรอกนะแต่ก็คิดว่าห้องข้างๆ เขาก็ผ่านไปหลายน้ำอยู่เหมือนกัน
แม้จะต้องเก็บและกดอารมณ์ตัวเองอย่างสุดกำลังแต่ก็ให้อภัยกันเพราะคิดว่ามันคือการปลดปล่อยพลังในช่วงวิกฤตโควิดที่ต้องฝังตัวติดอยู่แต่ในห้อง
ลุกจากเตียงไปปิดพัดลมที่ผมร้อนจนนอนไม่หลับเพราะผมประหยัดไฟไม่เปิดแอร์นอน พอใกล้บ่ายในห้องมันก็เลยร้อนอบอ้าว
เปิดประตูระเบียงรับลมแล้วกันดีกว่า
ที่ชอบหอนี้นอกจากชื่อเป็นมงคลที่เหมือนจะอวยพรผมว่านับจากนี้ชีวิตผมจะสดใสแล้วก็เพราะความโล่งโปร่งและลมแรงที่พัดเย็นผสมร้อนนี่แหล่ะครับ
ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เคยชินกับการอยู่ชีวิตแนวราบที่มีพื้นที่กว้างๆ เข้ามาเรียนกรุงเทพก็โดนบังคับอยู่หอในตอนเข้าปีหนึ่งและคิดว่าคงปรับตัวให้ชอบชีวิตแนวตั้งที่เห็นแต่ผนังสี่เหลี่ยมได้
มันก็อยู่ได้นะ
แต่ปัญหาความรักทำเอาผมอึดอัดทั้งกายและใจมองหน้ามันได้ไม่สนิทใจแต่ก็ต้องจำใจฝืนว่าสบายดีระหว่างที่ใช้ชีวิตเป็นเมทกัน พอขึ้นปีสองผมก็ย้ายออกมาอยู่บ้านพี่ชายทันที
ไอ้พี่โฟร์คครับ
คิดไปมือก็ขยับเลื่อนผ้าม่านเปิดรับแสงและไอร้อนที่มันทะลุผ่านประตูกระจกจนผ้ามันร้อนจัดไม่รู้ว่าเพราะอยู่ชั้นสี่หรือเปล่าที่ทำให้ผมใกล้ชิดกับพระอาทิตย์เดือนเมษาได้มากขนาดนี้
กลับมาที่เรื่องผมดีกว่าครับ
บ้านผมมีพี่น้องสามคนชายล้วนครับ โฟล์ค ฟิล์ม โฟม พี่ชายคนโตผมแต่งงานแล้วและทำงานอยู่กรุงเทพครับ การที่ผมอยู่บ้านมันนี่แหล่ะเลยทำให้มีปัญหายอมรับว่าไม่ถูกกับพี่สะใภ้ ไอ้นั่นก็ไม่ได้ไอ้นี่ก็ไม่ได้ ผมเล่นดนตรีกลางคืนกลับบ้านดึกดื่นก็บ่น
พอช่วงโควิดนี่อยู่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตาสามคนก็ทะเลาะกันจนผมตัดสินใจย้ายออกมาครับ
ตัดรำคาญ!
ข้อความแชทที่ค้างอยู่ก็คิดว่ามาจากพี่ผมนั่นแหล่ะ
เลื่อนบานกระจกเปิดประตูระเบียงเท้าเหยียบแผ่นกระเบื้องที่ยังอมความร้อนจนผมต้องชักเท้ากลับเข้าห้องแล้วเลือกจะชะโงกหน้าไปมองที่ราวตากผ้า
“ย้วย!” ตื่นตกใจเพราะกางเกงบ็อกเซอร์ตัวโปรดที่ซักตากเมื่อคืนมันหายไป
ย้วยลูกพ่อหายไปไหน! ...
เลิ่กลักลนลานหาร้องเท้ามาใส่เพื่อชะโงกหน้าลงไปมองข้างล่าง เกงลายสก็อตสีฟ้าที่เริ่มซีดจาก ขอบเปื่อยเล็กน้อยแต่ยางมันยังไม่ยืดย้วยตามชื่อของย้วยที่ผมตั้งให้หรอกนะ
“ย้วยลูกพ่อ…” คร่ำครวญด้วยใจที่ห่อเหี่ยวมองทางไหนก็ไม่เจอย้วยจนเหลียวไปมองข้างห้อง
ห้อง405ฝั่งขวาคือโล่งไม่มีย้วย
ห้อง401ฝั่งซ้ายคือ
“ยะ…ย้วย!” ดีใจเหมือนได้เจอคนที่ตามหามานาน
กางเกงในของช้านนนน…
จะปีนไปเก็บก็กลัวผีจะผลักให้พลัดตกลงไปนอนซบพื้นซีเมนส์ที่ร้อนระอุเบื้องล่าง อีกอย่างก็ประเมิณระยะห่างจากสายตาแล้วมันก็ไม่ได้จะปีนแล้วข้ามกันไปได้ง่ายๆ
“เอาไงดีวะ?” จะไปหาไม้ยาวๆ จะสอยย้วยคืนก็ไม่มีหรอกนะ
ยืนกัดเล็บส่งกระแสจิตให้ย้วยลอยกลับมามันก็ดูจะเป็นนิยายแฟนตาซีเกินไป
เคาะห้อง! ...
ไอ้เดียนี้ผุดขึ้นมาแต่ผมก็ลังเลและรู้สึกเข้าหน้าไม่ติดกับห้อง401ไปแล้วอ่ะครับ เมื่อคืนได้ยินเสียงครางโคตรชัดถ้าวันนี้ได้เห็นหน้ามันจะเป็นการต่อยอดให้กับจินตนาการลามกในหัวผม
ไม่ไปๆ …ส่ายหน้าเถียงกับความคิดตัวเอง
เดี๋ยวเขาก็โยนกลับมาเองแหล่ะมีแต่ห้องผมที่อยู่ติดห้องเขา…ปลอบใจตัวเองด้วยการคิดบวกแต่ยังคงลังเลใจ
แล้วถ้าเขาคิดว่าปลิวมาจากข้างบนจะทำไง? ...เอาเป็นว่ารอตอนเย็นถ้าเขาไม่โยนคืนมาให้ค่อยไปขอคืนแล้วกัน
เวลาผ่านไปนานออกไปกินข้าว เดินสำรวจรอบๆ นิดหน่อยทำนั่นนี่จนถึงเย็น สิ่งแรกที่ทำเมื่อกลับถึงห้องคือไปหาย้วยที่ระเบียงครับ
“ไม่มี!!!” ที่เสียงดังเพราะไม่มีทั้งฝั่งผมและทั้งฝั่งระเบียงของเขา
ถลกแขนเสื้อด้วยอารมณ์โกรธเดินออกจากห้องตัวเองไปยืนหน้าห้อง
401
ก๊อกๆ! ก๊อกๆ! …
เคาะประตูด้วยแรงโทสะยืนรออยู่สักพักก็ไม่มีใครมาเปิด ไอเย็นเล็กๆที่ลอดผ่านตอนที่เอามือไปจับตรงขอบประตูล่างทำให้ผมโมโหแล้วเคาะดังยิ่งกว่าเก่า
“คุณ401!”
ก๊อกๆๆ! ก๊อกๆๆ! … รัวประตูหนักกว่าเก่าจนห้อง402เปิดประตูออกมาชักสีหน้าใส่
“ขอโทษครับพี่” หันไปขอโทษห้อง402แล้วเคาะห้องด้วยแรงที่เบามือลง
“คุณ401”
กะ…แกร๊ก…
ในที่สุดประตูห้อง401ก็เปิดออกผู้ชายหัวยุ่งหุ่นดีมีกล้ามแขนมีซิกแพ็คแง้มประตูออกมาที่เห็นซิกแพ็คเพราะเขานุ่งแต่กางเกงตัวเดียวอ่ะนะแถมหน้ายังดูง่วงเหมือนว่ายังไม่ตื่นนอน
ทำไรกันอยู่วะ?
พอคิดแบบนั้นก็หน้าร้อนขึ้นมาอีกคิดลามกอีกแล้วกู หลบตาไม่กล้าสู้หน้าพี่เขา เรียกแบบนั้นเพราะคิดว่าเขาน่าจะอายุมากกว่าผม แอบเห็นรอยสักเล็กๆ นินิมอลๆ ตรงต้นแขนแล้วก็รู้สึกว่าคนตรงหน้าผมโคตรดี…
หน้าตา หุ่น ผิว...
ดีย์!!!...
“มีอะไร!” น้ำเสียงแหบแปล่งเหมือนร่างกายขาดน้ำถามมาอย่างไม่เป็นมิตรนัก
“คือ….คุณเห็นย้วย เอ้ย! ...บ็อกเซอร์ตรงระเบียงมั้ยครับ”
เขานิ่งไปสักพักก่อนจะพยักหน้ารับ
“เข้ามาดิ”
พูดจบเขาก็เปิดประตูให้กว้างพอที่จะกระชากแขนผมเข้าไป
เชี่ย! ...
ได้แต่สบถในใจขณะที่ตัวกำลังผลุบหายเข้าไปในห้อง
401…