“เอ้า ไอ้นี่” พลอยใสหยุดเดินกะทันหัน “แกจะเอายังไงกับฉันยะ พอบอกว่าโกรธก็บ่น ไม่โกรธก็บ่น เอาไงว่ามาเลย ฉันจะได้ตอบตามใจแกถูก” คนพูดอารมณ์เสีย
“แกจะเสียงดังทำไมเล่า เห็นไหมคนมองหมดแล้ว”
ฉันรีบดันแผ่นหลังเพื่อนให้เดินไปตามทาง เนื่องจากตอนนี้ทุกสายตาเบนเข็มทิศมาที่เราทั้งสอง
“ก็ดูแกดิ น่าโมโหชะมัด” พลอยใสยังคงบ่นต่อเนื่อง
ฉันก็ลืมไปว่ายัยนี่นางเป็นพวกขึ้นง่ายแต่ลงยาก
“ขอโทษ ก็ฉันกังวลนี่น่า”
ฉันเครียดมากเลยนะกับเรื่องนี้ ทุกๆ วันฉันมีความสุขที่ได้อยู่กับพี่อชิ มีความสุขที่ได้เป็นแฟนพี่เขา แต่เกือบจะทุกเวลาฉันก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าวันหนึ่งพ่อรู้เรื่องนี้เข้าท่านจะว่ายังไง จะโกรธฉันหรือเปล่า ใจฉันน่ะอยากบอกให้ท่านรู้แต่ก็กลัว แม่ยังไม่เท่าไหร่ แต่พ่อนี่สิ มหาอำนาจของบ้านเชียวนะ เวลาท่านดีก็ดีใจหาย แต่เวลาร้ายก็นะ ซาตานตนใดก็เทียบไม่ได้เชียวล่ะ
“แกลองไปปรึกษาพี่อชิดูสิ ไปถามความคิดเห็นของแฟนแกดีกว่า มาถามฉันไม่ได้อะไรหรอกจริงๆ”
พลอยใสที่แลจะสงบลงแล้ว เอ่ยขึ้น
“ถามพี่อชิเหรอ?”
“พี่เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะมีวิธีแก้ปัญหาได้”
มันก็จริงนะ แล้วทำไมฉันถึงข้ามข้อนี้ไป พี่อชิโตแล้วเขาน่าจะเป็นที่ปรึกษาได้ดีสำหรับฉัน โดยเฉพาะเรื่องนี้ เรื่องที่มีเขาเข้ามาเอี่ยวด้วยเต็มเปา
“ขอบใจแกมากนะพลอยใส ซึ้งอ่ะ นานๆ ทีแกจะพูดดีมีประโยชน์” ฉันฉีกยิ้มกว้าง
“สาบานว่าชม” พลอยใสทำหน้าเอือม
“ชมจ้ะเพื่อนเลิฟ”
ฉันกระโดดกอดคอยัยนี่แล้วพากันเดินไปเข้าแถว
ณ ห้างสรรพสินค้า
บรรยกาศภายในร้านตกแต่งด้วยโทนสีส้มอ่อนๆ ประดับด้วยของกระจุกกระจิกน่ารักเอาใจสุภาพสตรี กลิ่นหอมอบอวลคล้ายกลิ่นดอกไม้คละคลุ้งกลบกลิ่นอาหารคาวหวานจนหมดสิ้น ผู้คนที่นั่งเรียงรายกันอยู่ตามโต๊ะต่างหัวเราะยิ้มแย้มแจ่มใส ยิ่งช่วยทำให้ร้านอาหารแห่งนี้เปรียบเสมือนเป็นสวรรค์น้อยๆ สำหรับคนที่มองเข้ามา แต่สาบานว่าถ้าฉันไม่มีสปอนเซอร์อย่างผู้ชายตรงหน้าล่ะก็ ฉันไม่เชียดกรายเข้าใกล้ร้านนี้เด็ดขาด แพงซะ!
“เราอยากให้พี่ไปคุยกับคุณพ่อเราเหรอ”
เสียงเข้มที่นั่งฟังอยู่นานเอ่ยขึ้น
“ค่ะพี่ หนูว่าเราก็คบกันมานานพอสมควรแล้ว หนูอยากให้พ่อเขารับรู้” ฉันว่าไปตามใจคิด ถ้าพี่อชิไปบอกกับพ่อฉันด้วยตัวเอง มันน่าจะช่วยให้ท่านเปิดใจมากยิ่งขึ้น เพราะเท่ากับว่าพี่อชินั้นแสดงความจริงใจในการคบหาดูใจกับฉัน
“แล้วเราแน่ใจได้ไงว่าพี่จะไม่โดนพ่อเราเอาปืนมายิ่งกะบาลเอาน่ะ” พี่อชิอมยิ้ม
“พ่อหนูก็ไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้นปะ” ฉันค้อนตาวาว
“ไม่รู้นิ เห็นแลหวงลูกสาวซะ” พี่อชิยักไหล่
“ไม่ต้องอ้างนั่นนี่เลย พี่ไม่อยากไปก็บอก จบ!” ฉันว่าอย่างงอนๆ ที่พูดมาทั้งหมดคงไม่ได้อยากไปหาพ่อฉันสินะ เหอะ
“ไม่เอาน่า อย่าตีความพี่ผิดดิ พี่กำลังคิดอยู่ว่าจะคลานเข่าเข้าไปหาท่านด้วยหน้าตาแบบไหนดี จะร้องไห้หยอดน้ำตาเทียมไปแต่ไกลเลยดีมะ” คนพูดยิ้มร่า ผิดกับฉันที่นั่งหน้าเครียดเป็นเต่า
“ตลกเหรอ” ฉันตวัดเสียงใส่
“ก็คนมันหล่อนิ จะให้ตลกได้ไง” ยังไม่สำนึกอีก
“เชอะ!” ฉันฮึดฮัด
“เคๆ ไม่แกล้งแล้วครับคุณแฟน” พี่อชิลากเสียงยาว ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากกว่าเก่า
“งั้นเอาเป็นว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้หลังเสร็จธุระพี่จะไปหาพ่อของเรานะ พี่จะไปพูดทุกอย่างกับท่านเอง”
สายตาของคนตรงหน้าดูจริงจังและไม่หวั่นไหว
“พี่อชิ” ฉันตื้นตันใจ ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกผู้ชายขอแต่งงาน (นี่ไม่ได้เว่อร์นะ พูดจริง ฮ่าๆ)
“ทำหน้าซาบซึ้ง เป็นไงล่ะ พี่ดูเป็นพระเอกเลยใช่ปะ” พี่อชิยิ้มตลกขบขัน
“ขอบคุณพี่มากๆ เลยนะคะที่ทำเพื่อหนูขนาดนี้”
ฉันพูดแล้วพานน้ำตาจะไหล ทั้งๆ ที่ฉันก็เคยเล่าสรรพคุณของพ่อให้พี่อชิฟังอยู่บ้าง แต่เขาก็กล้าที่จะไปโดยไม่ลังเล
“ขอบคุณทำไม ก็เราเป็นแฟนกันนี่น่า” มือหนาเอื้อมมาลูบผมฉันเล่นเหมือนเด็กน้อย “ความจริงพี่ก็ว่าจะคุยกับเราเรื่องนี้อยู่พอดี”
“คะ?”
“พี่ตั้งใจว่าจะไปหาพ่อของเราตั้งนานแล้ว ตั้งแต่คบกันเดือนแรกๆ แล้วด้วยซ้ำ แต่พี่เกรงว่าเรายังไม่พร้อม พี่เลยไม่ไป”
จะ จริงเหรอเนี่ย
“ทำหน้าตาไม่เชื่อ”
“เชื่อค่ะพี่” ฉันรีบตอบ “แล้วทำไมไม่เห็นพี่พูดอะไรกับหนูเลย วันๆ เอาแต่แต๊ะอั๊งหนูตลอด” ว่าแล้วฉันก็แอบจิกกัดไปเบาๆ
“ยังๆ ยังไม่จบ อยากโดนจูบเหรอ” ยื่นหน้ายื่นตาเข้ามาใกล้
“นี่มันร้านอาหารนะ”
ฉันรีบผลักใบหน้าหล่อเหลาไปไกลๆ
“ก็พี่คิดว่าเราจะบอกพ่อเราเอง โดยไม่อยากให้พี่เข้าไปก้าวก่าย แต่เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน พี่จะได้ไปคุยกับท่านให้รู้เรื่องว่ากำลังปลูกต้นรักกับลูกสาวสุดน่ารักคนนี้อยู่” พี่อชิปากหวาน
ฉันนั่งอมยิ้มกับความน่ารักและความเอาใจใส่ของผู้ชายตรงหน้า ยิ่งได้รู้จัก ยิ่งได้ผูกพันธ์ ก็ยิ่งรู้สึกว่าฉันเลือกคบคนไม่ผิดจริงๆ พี่อชิเป็นผู้ชายที่เพรียบพร้อมไปด้วยหน้าตาและฐานะ แต่เขาเลือกที่จะชอบฉัน ดูแลฉันมาโดยตลอด เขาไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกเดียวดายเลยสักครั้ง ฉันมีความสุขที่ได้เป็นแฟนกับเขา