มารับหน่อย ไม่มีรถไปทำงาน

2907 Words
-----สตังค์----- (ทำมายยย ฉันโตแล้วนะ ทำมายช้านจะกินไม่ได้) ฉันตะโกนเสียงดังพร้อมกับลุกจากเก้าอี้ ขาก็ดันไปสะดุดและล้มไปทับตัวไอ้พี่อิฐอย่างจัง มีความเมาสมจริงสมจังไปอีก ….. ….. [ย้อนไปเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว] “แกทำอะไร...” นินิวเพื่อนสนิทของฉันจับมือแน่นเมื่อฉันจับขวดเหล้าในร้าน และท่าทางตอนนี้ก็บ่งบอกว่าฉันกำลังจะสาดใส่ตัว “ก็จะไล่อีลูกค้าปากไม่ดีนั่นไง  เรื่องมาก!! ไอ้นี่ก็ไม่เอา!! ไอ้นี่ก็ไม่ดี!! แล้วมันมีสิทธิ์อะไรมาเอาน้ำสาดแก ถ้าอยากได้ดีกว่านี้ทำไมไม่ไปร้านอาหารแพงเล่า ทำเป็นแต่งตัวหรูดูดี ไม่มีเงินจ่ายรึไง มันต้องเจอฉัน!!” “แล้วแกจะทำอะไรเขา.. แล้วจะเอาเหล้าสาดใส่ตัวเองทำไม” “ไม่ใช่แค่สาด แต่จะอาบเลย ปล่อย!!” ฉันแกะมือของนินิวออก มองลอดกระจกใสสีดำที่หลังร้านสามารถมองไปยังหน้าร้านได้  มองเห็นลูกค้าที่ดูจะไฮโซเรื่องมากด่าว่าเพื่อนฉัน ฉันจะจัดการให้ได้รู้เอง เหล้าหนึ่งขวดถูกฉันราดลงบนหัวก่อนที่จะสาดใส่ตามตัว ไม่พอเพื่อความสมจริงฉันจึงกินเข้าไปด้วยหลายอึกใหญ่ “สตังค์ เล่นพิเรนทร์อะไรเนี้ย เหล้าขวดนี้ขายได้ตั้งสามพันนะ” “เดี๋ยวฉันจ่ายเองก็ได้ เดือนนี้ค่าขนมเหลือเยอะ”  ทั้งที่โตขนาดนี้ก็ยังต้องมีค่าขนมจำกัด ค่าขนมนอกเหนือจากเงินเดือนที่เราสามพี่น้องจะได้เท่า ๆ กัน มันเป็นสิ่งที่แม่บีบีปลูกฝังจนพวกเราเองก็รู้สึกว่ามันยุติธรรมดีมาก หลังจากที่รู้สึกว่าตัวเองสมกับความเมาแล้วก็เดินออกไปหาผู้หญิงคนนั้น ฉันจะทำให้อับอายออกไปจากร้านไม่ทันเลยคอยดู “โอ๊ยยยย ผู้สาวบ้านได๋มันคือมาสวยไฮโซแท้ มีเงินหลายอยู่บ่เอามาให้ยืมแหน่....(โอ้ย ผู้หญิงที่ไหนทำไมสวยจัง มีเงินเยอะไหม เอามายืมหน่อย)” ฉันแหกปากสุดเสียงด้วยภาษาอีสานที่พูดได้คล่องคอมาก “โอ๊ย อีบ้า... ออกไปไกล ๆ เลยนะ รู้ไหม!! ฉันเป็นดารานะ” เธอพยายามพูดเสียงเบา ๆ แต่แข็งกัดฟัน พยายามทำทีว่าตัวเองเป็นไฮโซมีมารยาท ไม่คิดถึงก่อนหน้านี้ที่เอาน้ำสาดเพื่อนฉันสักนิด เพื่อนฉันเป็นเจ้าของร้านแต่ก็ทำทุกอย่างในร้านจนดูคล้ายเด็กเสิร์ฟ  ยายนี่ก็เลยคิดที่จะข่ม “ดาราเหร๋อ!! โอ๊ยยย ดาราอิหยังคือมาใส่ของปลอมวะ เพชรก็ปล๊อมปลอม นมแหงปลอม จมูกนี่แหงปลอมคัก(ดาราเหรอ โอ้ย!! ดาราอะไรทำไมใส่ของปลอม เพชรก็ปลอม นมยิ่งปลอม จมูกนี่ปลอมมาก)” “อร๊าย อีบ้า นี่!! พนักงาน ไม่เห็นรึไงว่ามีคนเมาโวยวายเนี้ย เอาออกไปนอกร้านสิ” เด็กในร้านใคร ๆ ก็รู้ว่าฉันเป็นเพื่อนเจ้าของร้าน จะมีใครกล้ามาไล่ฉันออกไปได้ คนที่ต้องออกไปคือยายนี่ต่างหาก “อยู่บ่โดนหรอกผู้สาวคนงาม อุ้ย ๆ ๆ   เฮ็ดน้ำหลุดจากมือ (อยู่ไม่นานหรอก คนสวย อุ้ย ๆ ๆ   ทำน้ำหลุดมือ)” ฉันหยิบแก้วน้ำสาดใส่เธออย่างเต็มแรง ใครเข้าใจว่าหลุดมือก็โง่เต็มที “โอ้..บ่ได้ตั้งใจ เมาอิหลี เมาแฮง ๆ (โอ้ย ไม่ได้ตั้งใจนะ เมาจริง ๆ   เมามาก)” “อร๊ายยย กรี๊ดดด อีบ้า อี๊..ออกไปนะอย่ามากอดฉัน อี๊เหม็นเหล้า อี๊...” “บ่มักบ่ บ่มักกลิ่นเหล้าบ่ ผู้สาวคนงาม  (ไม่ชอบเหรอ  ไม่ชอบกลิ่นเหล้าเหรอ  คนสวย)” ฉันเอาเนื้อตัวที่เปื้อนเหล้าถูไถไปกับผู้หญิงคนนั้นก่อนที่เธอจะวิ่งออกจากโต๊ะอีกด้าน “สิไปไส..มาแหม๋(จะไปไหนมานี่...)” “โอ๊ย ร้านห่วยแตก น่าเกลียดที่สุด อีบ้า ไม่มีมารยาท กรี๊ดดด” และแม่นางไฮโซก็วิ่งแน่บออกไปจากร้าน “โถ่เอ๊ย คิดว่าจะแน่ ยายของปลอม ขนาดฉันแกล้งเมายังสวยกว่าแกอีก” หลังจากที่จัดการยายนั่นฉันก็มานั่งที่โต๊ะของตัวเองซึ่งเป็นมุมด้านใน ด้วยสภาพที่เหม็นมาก  ผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะยากแกล้งคนอย่างเอาแต่ใจ แต่ตอนนี้กลับบ้านไม่ได้เพราะถ้าขับรถกลับเองรถต้องเหม็นแน่  “แกนี่มันเหลือเกิน นั่งรอไปก่อนละกัน ร้านปิดแล้วฉันจะขับรถไปส่ง” นินิวว่าขณะที่ฉันฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยง่วงนอน เมื่อคืนนี้ดูซีรี่เยอะไปหน่อย “หรือแกจะให้พี่อิฐมารับไหม ฉันจะโทรให้” “เออ.. ให้ไอ้พี่อิฐมารับ ให้เหม็นรถไอ้พี่อิฐไปเลย แต่อย่าบอกว่าฉันแกล้งเมานะ บอกว่าฉันเมาจริง” ++++++++++ ฉันแกล้งเมาให้ไอ้พี่อิฐอุ้มออกจากร้านอย่างสบายใจ มองเห็นนินิวเพื่อนสนิทเปิดประตูรถให้พี่อิฐวางฉันอย่างกับเจ้าหญิง มีสายตาของเพื่อนมองมายิ้ม ๆ พร้อมกับส่ายหัว ส่ายหัวทำไม...แค่อยากมีคนอุ้มไม่ต้องเดิน “อื้อ..เพ้อิฐสูดหล่อ จ่ายค่าเหล้าให้โหน่ย สามพันบาท  เร็ว” ฉันดึงชายเสื้อเมื่อเขาคาดเบลท์ให้ฉันเรียบร้อย  “ไม่เป็นไรค่ะพี่อิฐ นิวไม่คิดเงินสตังค์” “ไม่ได้   อื้ออ..จ่ายเส้ จ่าย ไม่มีเงินเหรอ บอกให้จ่ายไง” ฉันล้วงหากระเป๋าสตางค์ของคนที่เอาแต่ยืนเก๊กหล่อ “นี่ไง.. เอาไปเลยไม่ต้องทอนนะคะน้อง ฮ่า ๆ ๆ ” “สตังค์ เงินพี่อิฐนะ อย่าทำแบบนี้” เพราะนินิวรู้ว่าฉันไม่ได้เมา แต่ฉันจะเอาเงินพี่อิฐจ่าย เพราะฉันจะเก็บเงินค่าขนมไปซื้อกระเป๋าใบใหม่ “เอาไปเถอะนิว ถ้านิวไม่รับคุณหนูสตังค์ของนิวก็คงไม่ยอมกลับบ้านแน่” ได้ยินเสียงคนตัวสูงว่า พูดอีกก็ถูกอีกนั่นแหละ   จนในที่สุดนินิวก็ยอมรับและฉันกำลังเดินทางกลับบ้านโดยที่รถตัวเองไม่เหม็นเหล้า แต่รถพี่อิฐคงจะเหม็นมากเลยแหละ นั่งรถได้ไม่นานฉันก็หลับด้วยมีความง่วงสะสมจากการอดนอนดูซีรี่ หลับยาวจนกระทั่งรู้สึกเหมือนมีอะไรเย็น ๆ มาโดนหน้า อะไรเย็น ๆ บางอย่างที่รู้สึกว่ามันเป็นผ้าที่หมาดน้ำ จนเมื่อหรี่ตามองก็เห็นไอ้พี่อิฐกำลังเอาผ้าเช็ดหน้าที่ซับน้ำเช็ดไปตามแขนและคอของฉัน เมื่อเห็นดังนั้นฉันก็หลับตาให้เขาเช็ดตัวแบบสบายที่สุดมีคนเช็ดตัวให้ “ทำไมต้องกินเหล้าขนาดนี้ห๊ะสตังค์  มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ ดูแลตัวเองบ้างสิ” เสียงของไอ้พี่อิฐดังขึ้น นี่เขารู้ว่าฉันตื่นแล้วเหรอ  แล้วทำไมพูดด้วยเสียงละมุนจัง..ปกติมันต้องกวนประสาทไม่ใช่เหรอ “.......” ฉันยังหลับตาและไม่แน่ใจว่าเขาแค่บ่นลอย ๆ หรือเปล่า “อย่ากินเหล้าอีกได้ไหม พี่ไม่อยากให้สตังค์กิน” ตอนนี้ผ้าผืนเย็นเช็ดตามคอและใบหน้าของฉัน  ทั้งที่หลับตาแต่ฉันรู้สึกว่าเขาอยู่ใกล้มาก “พี่รักสตังค์นะ..” “.......” ห๊ะ!! ฉันยังหลับตารู้สึกถึงแรงสัมผัสที่ริมฝีปากด้วยการจูบ  ใช่..มันเป็นจูบ พี่อิฐจูบฉัน!!!!   ฉันพยายามหลับแต่รู้สึกว่าตัวเกร็งไปทั้งตัวเลย  นี่มันอะไรกัน!!! “พี่คงทำได้แค่บอกสตังค์ตอนเมาเท่านั้นสินะ...” “........” พี่อิฐแอบชอบฉันงั้นเหรอ ฉันแกล้งขยับตัวโดยที่หลับตาจนริมฝีปากไปชนกับเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พี่อิฐกดริมฝีปากจูบกลับมาและเขาก็จูบอย่างดูดดื่มมากกว่าครั้งแรก จูบที่ทำเอาฉันขนลุกไปทั้งตัวและเคลิบเคลิ้มไปเลยในตอนนี้ ความรู้สึกที่พยายามจะไม่ตอบสนองเรียวลิ้นที่สอดเข้ามาก็ทำให้ฉันอดใจไม่ได้ ฉันโอบรอบลำคอของเขาและเกาะเกี่ยวเรียวลิ้นกันและกัน พี่อิฐจูบเก่งมาก!! จูบเก่งกว่าแฟนคนแรกที่เราเลิกกันเมื่อตอนเรียนมหาลัยสะอีก  เราจูบกันจนฉันรู้สึกจะขาดใจแล้วพี่อิฐก็ปล่อยฉันเป็นอิสระ พี่อิฐต้องรู้แน่ว่าฉันไม่ได้เมา แต่ความมึนของฉันก็ทำให้ฉันแกล้งหลับตาต่อไป “สตังค์ สตังค์....”  “.......” อย่าลืมตานะสตังค์ หลับไว้ หลับให้เนียนที่สุด ฉันพยายามบอกตัวเองในใจ ไม่นานก็ได้ยินเสียงปิดประตูรถและขับออกไปอีกรอบ ++++++++++ -----สตังค์----- “อาจารย์อิฐ สตังค์เป็นอะไรเหรอ..” ฉันได้ยินเสียงของแม่บีบีร้องถามขณะที่ร่างกายถูกวางลงบนอะไรสักอย่างนุ่มนิ่ม เดาได้ว่ามันน่าจะเป็นโซฟาในห้องรับแขก “ตายแล้วมีแต่กลิ่นเหล้า” “สตังค์เอาใหญ่แล้วนะ พี่ว่าต้องปรามสตังค์บ้างแล้ว...” คราวนี้เป็นเสียงพ่อ เอาไงดี ฉันไม่กล้าลืมตาอธิบาย ฉันไม่กล้ามองหน้าพี่อิฐที่เขาสารภาพรักกับฉัน แถมยังจูบฉันอีก “ใจเย็นค่ะพี่โซ่ บีคิดว่าลูกอาจมีเรื่องกลุ้มใจก็ได้นะคะ เราควรที่จะฟังเขา” “เป็นความผิดของผมเองครับคุณพ่อคุณแม่ พอดีผมชวนสตังค์ไปเป็นเพื่อนที่งานเลี้ยง แล้วก็ไม่ทันได้ดูแลสตังค์ให้ดี  จนปล่อยให้สตังค์เมาขนาดนี้ ต้องขอโทษด้วยนะครับ” ปกป้อง...ทำไมตอนนี้ใจสั่นจัง ทำไมฉันไม่เคยมองเห็นว่าพี่อิฐชอบฉัน  เคยมีเพื่อนหลายคนแซวฉันกับพี่อิฐว่าเหมือนแฟนกัน แม้กระทั่งตอนที่เลิกกับแฟนก็มีเรื่องพี่อิฐเกี่ยวด้วย  แฟนเก่าของฉันมักจะหึงฉันกับพี่อิฐ แม้ว่าฉันจะพยายามอธิบายว่าเราเป็นแค่พี่น้องกันเท่านั้น นี่ฉันตาบอดที่มองไม่เห็นคนที่แอบรักเหรอ แล้วทำไมฉันดีใจจัง “อาจารย์อิฐไม่ผิดหรอกค่ะ สตังค์นะดื้อเองสะมากกว่า ยังไงก็ขอบคุณนะคะอาจารย์อิฐที่เป็นธุระมาส่งน้อง” “ไม่เป็นไรครับ งั้นผมกลับก่อนนะครับ สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่” “สตังค์ลูก...” นานราวอึดใจแม่ก็เข้ามาลูบแก้มฉัน นี่พี่อิฐไปแล้วใช่ไหม “สตังค์ลุกไหวไหมลูก พี่โซ่ลูกเมาหนักมาก...ว๊ายยย” “อุ๊ยแม่บี สตังค์ขอโทษ” แม่ตกใจที่ฉันลืมตาจมล้มไปด้านหลัง ดีที่พ่อรับเอาไว้ได้ทัน “หนูขอโทษค่ะ พี่อิฐไปแล้วใช่ไหมคะแม่ พ่อ..พี่อิฐไปแล้วใช่ไหมคะ” “ไปแล้ว...” พ่อตอบแต่สองวงแขนโอบประคองแม่ ทั้งที่อายุเข้าเลขห้าพ่อก็ยังดูจะรักแม่ไม่แปรเปลี่ยน “แม่บี แม่... แม่บีขา...แม่ ๆ ๆ ” ฉันกระโดดดีใจจนเนื้อเต้น มันเหมือนทำตัวไม่ถูกแต่ความหมายโดยรวมคือฉันดีใจ หลังจากอกหักจนถึงวันนี้ก็หลายปีมากแล้วนะที่ฉันไม่ได้เปิดใจให้ใคร แต่พอรู้ว่าพี่อิฐแอบรักมันดีใจจนเนื้อเต้นเลย “สตังค์ นี่หนูไม่ได้เมา หนูแกล้งอาจารย์อิฐอีกแล้วใช่ไหม ทำไมชอบแกล้งอาจารย์อิฐนักลูก” “..แม่บี แม่บี พี่อิฐเขาบอกรักหนูแม่บี เขาบอกว่าเขารักหนู แต่เขาแอบรักหนู อ๊า!!” แม่บีเงียบและหันไปมองพ่อโซ่ ทั้งสองมองหน้ากันยิ้ม ๆ คล้ายกับว่าพวกเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว “เขาบอกรัก ลูกของพ่อก็เลยฉลองด้วยการกินเหล้าจนเมาเหรอ” “สตังค์ไม่ได้เมาค่ะ แต่สตังค์นะช่วยนินิวจากลูกค้าที่เอาน้ำสาด สตังค์เลยแกล้งเป็นคนเมาเอาน้ำไปสาดคืนแทนนินิว  แล้วตอนที่นั่งรถกลับมาใช่ไหมคะ  สตังค์ก็ง่วงนอนเพราะเมื่อคืนดูซีรี่เยอะไปหน่อย แล้วพี่อิฐเขาก็บอกรักสตังค์อ่า!! แม่พี่อิฐบอกรัก” “บีบี ฉันว่าลูกสาวเราคงกำลังจะมีความรักอีกครั้งแล้ว ฉันขอไปดูเอกสารหน่อยนะ” “ค่ะพี่โซ่...” “.....” พ่อเดินแยกออกไปแต่ฉันยังหุบยิ้มไม่ได้เลย นี่มันอะไรกันเนี้ย!! มีคนบอกรักตอนเมา “แม่ว่าหนูไปอาบน้ำ แล้วลงมากินข้าว แล้วค่อยพูดกันเรื่องนี้ดีไหม ลูกสาวแม่ทำไมแกล้งเป็นคนเมาแบบนี้ อาจารย์อิฐรู้คงจะโกรธแย่ที่ถูกลูกสาวแม่แกล้ง...” “พี่อิฐไม่มีทางโกรธสตังค์หรอกค่ะแม่บี แต่หนูไปอาบน้ำก่อนนะเหม็นตัวเองจะแย่” -----อิฐ----- “เมาจริง ๆ ใช่ไหมน๊ะ!!” ผมพูดกับตัวเองขณะที่เดินเข้าคอนโด  ผมไม่ได้พักอยู่กับพ่อแม่เพราะไม่ชอบการเดินทางไกลที่รถติด คอนโดแห่งนี้ก็ใกล้มหาลัยดีด้วย เดินไปผมก็ยิ้มไปเมื่อผมได้บอกรักสตังค์เป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกผมบอกรักสตังค์ตอนที่เธออกหัก เธอเมาอย่างมากร้องไห้คร่ำครวญตลอดเวลา มันทำให้ผมบอกรักเธอเป็นครั้งแรกจากก้นบึ้งของหัวใจ และตอนนั้นก็กังวลมากว่าเธอจะจำได้ แต่ไม่เลย!! เวลาที่สตังค์เมาเธอจะไม่มีสติจำอะไรทั้งนั้น แม้แต่ขึ้นไปเต้นบนหลังคารถผมเธอก็จำไม่ได้ LINE!!! เสียงข้อความในโทรศัพท์ของผมดังขึ้น มันทำให้ผมหยิบมันขึ้นมาดู แต่ก็ต้องตกใจจนยิ้มที่มีบนใบหน้าหายไป เมื่อมันเป็นข้อความจากแฟนเก่าที่เราไม่ได้ติดต่อกันมาร่วมหกปีแล้ว ผมไม่ได้บล็อกไลน์เธอเพราะส่วนลึกก็ยังมีความทรงจำดี ๆ หลงเหลืออยู่ แพรว : อิฐสบายดีไหม แพรว : เราดีใจจังที่อิฐอ่าน แพรว : ตอนนี้เราเครียดมาก เราเลิกกับเจมส์แล้วแหละ แพรว : เราเดินทางกลับมาไทยแล้วนะ ผมปิดหน้าจอโทรศัพท์โดยที่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป มันก็จริงที่ผมยังรู้สึกว่าเธอมีความทรงจำที่ดีหลงเหลืออยู่  แต่มันไม่ได้หมายความว่าความทรงจำเหล่านั้นคือความรัก  มันมีความเจ็บปวดที่แพรวสร้างไว้กับผม  LINE!!! LINE!!! ผมปล่อยให้ข้อความมันดังอยู่อย่างนั้นก่อนที่จะเข้าห้องของตัวเอง จัดการกับร่างกายที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าที่มาจากสตังค์ ++++++++++ -----สตังค์----- สตังค์ : มารับหน่อย ไม่มีรถไปทำงาน ฉันกดส่งข้อความไปหาไอ้พี่อิฐที่ยังไงเขาก็ต้องมารับตามที่ฉันสั่ง  เมื่อก่อนทำเพราะเอาแต่ใจอยากแกล้ง แต่ตอนนี้รู้สึกทำเพราะอยากจะรู้ว่าเขารักฉันมากแค่ไหน สตังค์ : แวะซื้ออะไรร้อน ๆ มาให้กินด้วย แฮงค์มากเลย “ฮ่า ๆ ๆ ๆ   ไอ้พี่อิฐบ้า...” ฉันพูดกับหน้าจอโทรศัพท์เมื่อส่งข้อความไปสั่งเขา “ยิ้มอะไรครับพี่สตังค์” แบงค์เดินเข้ามาทัก ฉันยืนอยู่หน้าประตูเข้าห้องทานอาหาร มัวแต่สนใจสั่งไอ้พี่อิฐอยู่ “พ่อบอกว่ารถพี่จอดอยู่ร้านพี่นินิว ให้ผมไปส่งพี่ที่ทำงานไหม หรือพี่จะเอารถคันอื่นไป” “ไม่ต้อง.. พี่ให้พี่อิฐมารับแล้ว...” “อาจารย์อิฐเขาไม่ได้ผ่านบ้านเราไม่ใช่เหรอพี่สตังค์ เขาจะขับรถอ้อมโลกมาทำไมคะ” คราร่าเดินตามเข้ามากอดคอแบงค์ สองคนนี้จะต้องไปมหาลัยด้วยกันด้วยรถคันเดียวกัน  “สตังค์ลูก อาจารย์อิฐมารับไปส่งที่ทำงานแหนะ” เสียงแม่ลอยเข้ามาในห้อง มันทำให้ฉันฉีกยิ้มจนแทบจะถึงรูหู “โอ้ว!!” / “ ว้าวว!!” สองพี่น้องแบงค์คราร่าพูดแทบจะพร้อมกัน “สวัสดีครับอาจารย์อิฐ ผมไม่ยักรู้เลยนะครับว่าบ้านอาจารย์ต้องผ่านทางนี้” “ถึงไม่ผ่านพี่สาวนายก็ใช้ให้ฉันมาอยู่ดี  น้ำเต้าหู้ร้อน ๆ ยายตัวแสบ!!” ประโยคแรกนะพูดกับแบงค์ แต่ประโยคหลังนะพูดกับฉัน แต่เดี๋ยวนะ ใครเขาเอาน้ำเต้าหู้มาแก้แฮงค์กัน “บ้านนายเขาใช้น้ำเต้าหู้แก้แฮงค์เหรอ กินน้ำเต้าหู้ก็บ้ากันพอดี” “ก็เธอบอกว่าอะไรร้อน ๆ ไม่ใช่เหรอ และฉันก็ไม่ใช่คนขี้เหล้าที่จะต้องรู้ว่าเขากินอะไรกัน” ทำไมเขาพูดแบบนี้ละ เมื่อคืนเขายังบอกรักเลย “ไอ้พี่อิฐ.... ทำไมแค่นี้ไม่รู้” “สตังค์ พูดกับอาจารย์อิฐดี ๆ หน่อย ไม่งั้นแม่จะให้พ่อหักค่าขนมนะ” เสียงแม่บีขู่ มันทำให้ฉันต้องเงียบในบัดดล “อาจารย์อิฐทานอาหารเช้าก่อนนะ แล้วค่อยไปทำงาน อุตส่าห์ขับรถมาตั้งไกล” “ครับ ขอบคุณนะครับคุณแม่” “......” เรียกคุณแม่ด้วย ความจริงเขาก็เรียกแบบนี้อยู่แล้วแหละ แต่ตอนนี้มันรู้สึกไม่เหมือนเดิมไง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD