มารับนะพี่...นิวขอร้อง
-----สตังค์-----
“ไปก่อนนะคะแม่...วันนี้หนูมีธุระสำคัญ...”
“ไม่กินข้าวเช้าก่อนเหรอลูก...”
ฉันวิ่งเร็วออกจากบ้านด้วยความรีบร้อน ได้ยินเสียงแม่บีบีคนสวยตะโกนตามหลังเรื่องอาหารเช้า แต่เวลานี้ฉันต้องรีบ เพราะเมื่อคืนนี้ฉันแอบได้ยินคราร่าและแบงค์คุยกันว่าจะไปค่ายอาสาต่างจังหวัด ฉันอยากไปมากและฉันก็จะต้องได้ไปเท่านั้น
ฉันชื่อสตังค์ ตอนนี้อายุยี่สิบห้าปี ฉันเรียนจบและได้เข้าทำงานในบริษัทของพ่อที่มีรากฐานมาแล้ว แต่ก็ทำทุกอย่างเป็นหมดด้วยแม่บอกว่าอยากจะเป็นนายเขาต้องทำให้เป็นทุกอย่าง ไม่ใช่ใช้ปากสั่งอย่างเดียวแต่ทำไม่ได้
ตอนนี้ฉันกำลังมุ่งตรงไปยังมหาลัยของแบงค์และคราร่า แต่ไม่ได้ไปหาน้องทั้งสองหรือใครทั้งนั้นแต่ฉันจะไปหาไอ้พี่อิฐ รุ่นพี่ของฉันที่ตอนนี้เป็นหนุ่ม ป.โท นักเรียนนอกที่เป็นอาจารย์ในมหาลัยนี้ ทันทีที่เข้ามาในรั้วมหาลัยก็กวาดสายตามองหา ฉันรู้ว่าเขาจะต้องมาเร็วกว่าเวลาเสมอ
และสายตาฉันก็มองเห็นว่าเขากำลังจะเข้าไปในโรงอาหาร ฉันจะต้องได้ไปออกค่ายกับน้อง ๆ โดยที่ไอ้พี่อิฐจะต้องพาฉันไป
“อยากไปออกค่ายอาสา พาไปหน่อย” ฉันวิ่งเข้าไปแทรกระหว่างคนทั้งสอง นั่นก็ไอ้พี่อิฐกับอาจารย์สาวสวยชื่อ น้ำหวาน “แล้วฉันก็รู้ด้วยว่าพี่เป็นคนพาไปออกค่าย พี่ต้องพาฉันไปได้ และฉันก็ต้องได้ไป เข้าใจไหม”
“สวัสดีค่ะคุณหนูสตังค์ มาหาคุณอิฐแต่เช้าเลยนะคะ ทานอาหารก่อนไหมน้ำหวานจะไปซื้อให้” อาจารย์น้ำหวานผู้อ่อนหวานเรียบร้อยน่ารักสมชื่อเอ่ยพูด ผิดกับคนตัวสูงที่ทำเก๊กหล่อไม่พูดอะไร
“ดีค่ะ สตังค์ขอเป็นคาปูชิโน่นะคะอาจารย์น้ำหวาน”
“ไม่ต้องครับอาจารย์น้ำหวาน...” ไอ้พี่อิฐรีบพูด ใช้แฟนนิดหน่อยเป็นไม่ได้ “อยากกินก็ไปซื้อเองสตังค์ แล้วเรื่องออกค่ายก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคนนอกด้วย มันเป็นกิจกรรมภายใน”
“ฉันไม่ใช่คนนอก และฉันต้องได้ไป ฉันเป็นผู้ปกครองของคราร่าและแบงค์ไง ดังนั้นฉันต้องได้ไป”
“ไม่มีผู้ปกครองคนไหนได้ไป แล้วทำไมเธอต้องได้ไปสตังค์”
“ก็สตังค์จะไป จะให้ไปดี ๆ หรือจะให้สตังค์บังคับจะให้ไปไหมมมมมม”
“ไม่ให้ไป....” ไอ้พี่อิฐยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับพูดเบา ๆ ให้ตั้งใจฟัง เจ็บใจตรงที่ตั้งใจฟังนี่แหละ
(((((ไอ้พี่อิฐฐฐฐฐฐฐฐฐ)))))
ฉันตะโกนเสียงดังลั่นโรงอาหาร ดูสิว่าอาจารย์หนุ่มรูปหล่อขวัญใจคนทั้งมหาลัยจะอายไหม
“บอกว่าจะไป บอกว่าจะปายยยยยยย เข้าใจหม้ายยยยยยย อื้มม” มือหนาของไอ้พี่อิฐปิดปากของฉันก่อนที่เขาจะลากฉันออกไปจากโรงอาหาร
วงแขนข้างหนึ่งโอบกอดรอบเอวอีกข้างก็ใช้มือปิดปากฉันไว้ สองเท้าของฉันลอยขึ้นในอากาศแล้วถูกเขาหิ้วออกไปจากผู้คนที่กำลังจับจ้อง แต่มีเหรอที่ฉันจะยอม!! ถ้าไม่ได้ไปออกค่ายอาสากับน้อง ๆ ฉันไม่ยอมเด็ดขาด
“อ่า...โอ๊ยยยสตังค์” ฉันกัดมือของไอ้พี่อิฐอย่างเต็มแรง เอาให้นิ้วขาดกันไปข้างหนึ่งเลย
++++++++++
“อ่า...โอ๊ยยยสตังค์ เป็นหมาเหรอ ปล่อย ๆ ”
“สมน้ำหน้า!!..” ฉันยอมปล่อยก่อนที่จะจัดผมเผ้าที่มันยุ่งเหยิงให้เข้าที่ ไอ้พี่อิฐกำลังสะบัดข้อมือที่โดนกัด สงสัยจะเจ็บมากเลยแหละ “ตกลงจะให้ไปไหม ถ้าไม่ให้ไปจะกัดอีก”
“ก็พี่บอกว่าไปไม่ได้ แล้วที่นี่มหาลัย ทำอะไรเกรงใจพี่บ้าง ไม่ใช่สนามเด็กเล่นที่จะมาร้องปาว ๆ นะ”
“ทำไม อายสาว ๆ เหรอ จะร้องให้ดังกว่านี้อีกถ้าพี่ไม่ให้ไป”
“ก็มันไปไม่ได้...”
“แต่สตังค์อยากไป อยากไปกับน้อง ๆ ทำงานเครียดมากอยากพักผ่อน ขอไปเถอะนะ..นะ ๆ พี่อิฐขา รับรองว่าน้องจะไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่งอแงค่ะ” เปลี่ยนแผนเป็นออดอ้อน มันต้องได้สักแผนสิน่า ยังไงฉันก็จะไป
“นี่เป็นกิจกรรมภายใน ถ้าพี่ให้คนนอกไปพี่ก็ต้องมีความผิด” พี่อิฐพูดโดยที่เขายังสนใจรอยกัดที่ฉันฝังรอยฟันเอาไว้
“พี่อิฐค่ะ สตังค์สัญญา..ว่าสตังค์จะไม่ก่อความวุ่นวายกับพี่ สตังค์จะไม่สร้างปัญหา สตังค์ไม่เคยขออะไรพี่เลยนะ นะคะพี่อิฐ...” เสียงหวานที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้ฉันเคยพูดมาเลย และพี่อิฐก็เหมือนตกใจกับการกระทำของฉัน “พี่อิฐ สตังค์ขอร้อง... นะคะ สตังค์อยากไปจริง ๆ ”
“ก็ได้ แต่รับปากพี่แล้วนะว่าจะไม่ก่อความวุ่นวาย”
“เย้ ๆ ๆ ” ฉันกระโดดกอดพี่อิฐจนเราแทบจะล้มไปด้วยกัน ฉันดีใจมาก ฉันจะได้หนีงานไปเที่ยวเล่นแล้ว ถึงจะเป็นการออกค่ายอาสาที่รู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเหนื่อย แต่มันต้องเป็นความเหนื่อยที่สนุกแน่ ๆ “สตังค์สัญญาว่าจะไม่ดื้อ เย้ ๆ รักพี่อิฐสุดหล่อที่สู๊ดดดดด”
“......” พี่อิฐก็ยืนให้ฉันกอดแบบนั้นจนฉันรู้ตัวว่ามีนักศึกษาหลายคนที่กำลังมองมาทางเรา ฉันจึงได้ปล่อยออกจากร่างกายที่โอบกอด “พูดแล้วห้ามคืนคำนะ ผิดคำพูดอาจารย์นะบอกไว้ก่อน”
“.......” พี่อิฐไม่พูดอะไรแต่ยกข้อมือข้างที่ฉันกัดสูงระดับหน้า เหมือนจะถามว่าควรจะรับผิดชอบไหม
“หู้ย!! พี่อิฐไปโดนอะไรมา แดงหมดเลย ใครทำพี่อิฐของน้องได้นะ”
“หรา... ใครทำพี่อิฐของน้อง” พี่อิฐเอาวงแขนที่แข็งแรงรวบตัวของฉันโดยกอดรอบลำคอ หลังของฉันพิงกับพี่อิฐอย่างแรง
“อู้ยพี่.. เห็นไหมนักศึกษามองเต็มเลย ปล่อย เดี๋ยวก็มีคนเข้าใจผิดว่าเราเป็นอะไรกันพอดี” ฉันผละออกจากตัวพี่อิฐแต่จับมือของเขาข้างที่ฉันกัดก่อนที่จะเป่าเบา ๆ ให้หายเจ็บ “เพี้ยง..หาย”
“.......”
“กลับแล้วนะต้องไปทำงาน ขอบคุณนะที่จะพาไป”
แล้วฉันก็เดินแยกออกไปอีกด้านเพื่อไปยังรถของตัวเอง ตอนนี้ฉันมีความสุขมากที่ฉันจะได้ไปออกค่ายกับน้องทั้งสองคน และมันจะต้องสนุกอย่างที่ฉันคาดหวังเอาไว้
++++++++++
-----อิฐ-----
“อ้าว..คุณหนูสตังค์ไปแล้วเหรอคะอาจารย์อิฐ”
“อ๋อ..ครับ ผมว่าเราไปทานอาหารเช้ากันดีกว่า”
ผมตกใจเล็กน้อยกับเสียงของอาจารย์น้ำหวาน เมื่อผมกำลังจ้องมองสตังค์ขับรถออกไป เธอเป็นผู้หญิงที่อยู่ในชีวิตของผมมาหลายปีแล้ว เธอเป็นรุ่นน้องของผมที่เราเจอกันโดยบังเอิญ ครั้งแรกที่ผมเจอกับเธอก็โดนเธอด่าไปหลายยก เพราะผมทำสายน้ำหลุดและฉีดใส่เธอจนเปียกทั้งตัว ยังจำได้ว่าเจอหน้าเธอสามวันก็ยังด่าผมไม่เลิก หลังจากนั้นเราก็รู้จักกันโดยที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรมากไปกว่านี้
แต่ที่พีคสุด ๆ ก็ตอนที่เธออกหัก เธอเมาอย่างหนักและผมรับอาสาที่จะไปส่งเธอที่บ้าน และวันนั้นก็ทำให้ผมเกือบตายเมื่อคุณโซ่พ่อของเธอเล่นงานอย่างหนัก กว่าจะเข้าใจว่าผมเป็นเพื่อนของลูกสาว
นอกจากงานสอนนักศึกษาในมหาลัย ผมก็มีงานของครอบครัวในธุรกิจส่งออก ชีวิตของผมจึงมีสตังค์ที่เป็นเรื่องวุ่นวายในชีวิตเท่านั้น แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมผมถึงให้สตังค์อยู่วุ่นวายในชีวิตต่อไป เพราะผม... ‘รักเธอ’
วันนี้ผมมีสอนแค่ภาคเช้าซึ่งบ่ายนี้ก็เดินทางเข้าบริษัทช่วยพ่อในเรื่องงานต่าง ๆ ชีวิตผมก็ราบเรียบนะถ้าไม่นับการหาเรื่องโต้เถียงกับสตังค์ เถียงแบบรัก ๆ ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
กริ๊ง!!!! กริ๊ง!!!!!!!
เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นระหว่างที่กำลังอ่านเอกสาร สายตาเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าสองทุ่มแล้ว มองหน้าจอโทรศัพท์ก็พบว่าเป็นนินิวเพื่อนสนิทของสตังค์ที่โทรเข้ามา นินิวโทรมาหากี่ครั้งก็มีแค่เรื่องเดียว.....นั่นก็คือเรื่องของสตังค์
“ว่าไงนินิว” ผมกรอกเสียงเมื่อกดรับสาย
(“พี่อิฐ ไอ้สตังค์เมาอีกแล้ว ไม่มีใครกล้าไปส่งมันที่บ้านกลัวพ่อโซ่กระทืบ พี่อิฐมารับมันหน่อย”)
“.......เห้อออ” ผมถอนหายใจพร้อมกับมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง นี่มันเพิ่งจะสองทุ่มเองนะ คุณโซ่พ่อของสตังค์หวงลูกทั้งสามคนมาก แต่ก็ให้อิสระมากพอที่จะมีโลกเป็นของตัวเอง
(“พี่อิฐมารับนะ ช้ากว่านี้มันรื้อร้านของนิวพังแน่ มารับนะพี่...นิวขอร้อง”)
“โอเค อีกสามสิบนาทีพี่ไป”
ผมวางสายและเก็บเอกสารที่ตัวเองกำลังอ่าน ไม่ต้องเดาว่าอะไรสำคัญกับผมมากกว่ากัน มันต้องเป็นสตังค์จอมหาเรื่องปวดหัวนั่นอยู่แล้ว แม้กระทั่งตอนที่ผมเรียนจบที่อเมริกาก็มีคนมาทาบทามเพื่อให้เข้าทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่ผมเลือกที่จะเดินทางกลับประเทศไทยมาเป็นอาจารย์มหาลัยกระจอก ๆ เพราะผมชอบสตังค์
ขับรถไม่นานก็มาถึงที่ร้านอาหารของนินิวที่เปิดเป็นแบบกึ่งผับ ที่นี่เป็นที่เดียวที่สตังค์จะมานั่งดื่มกับเพื่อน ๆ และเพียงแค่เดินเข้าไปในร้านก็เห็นคนเมาที่กำลังนั่งฟุบหน้ากับโต๊ะ ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง
“อื้ออออสตังค์ กินหนักขนาดนี้เลยเหรอ” เพราะเมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็ได้กลิ่นเหล้าจากสตังค์ที่แรงมาก “นินิว ทำไมปล่อยให้สตังค์เมาขนาดนี้ มีอะไรรึเปล่า”
“เออ... คือ..”
(ทำมายยย ฉันโตแล้วนะ ทำมายช้านจะกินไม่ได้) คนเมาพยายามลุกยืนก่อนจะเซเข้ามาหาผมอย่างจัง