พระพักตร์ของพระมเหสีลู่เสียนบึ้งตึงราวกับพญาผู้กำลังจะลงทัณฑ์ พระนางเสด็จมาพร้อมนางกำนัลคู่ใจทั้งซ้ายขวา นามว่าเหมยลี่และซินอี๋ สายพระเนตรที่แข็งกร้าวดุดันดุจนางพญาหิมะ จับจ้องไปที่แม่นางน้อยในชุดนางกำนัลผู้กำลังนั่งเมามายซึ่งอยู่คนละฝั่งกับพระโอรส ดัชนีเรียวของพระอัครมเหสีชี้ไปยังร่างที่อ่อนปวกเปียกพลางตวาดลั่นว่า
“นางชั้นต่ำผู้นี้! เจ้าอยู่สังกัดผู้ใดกัน ไฉนช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ บังอาจตีตัวเสมอองค์รัชทายาทลูกชายของข้า!” นางหันไปทางซินอี๋และเหมยลี่ “พวกเจ้า! ไปจับตัวมันไว้เดี๋ยวนี้!”
“เพคะ”
“เพคะ”
สองนางกำนัลมุ่งเข้าหาฉีอันฉีตามพระบัญชา ทว่าพวกนางกลับถูกขวางไว้เสียก่อน
องค์รัชทายาทโจวเจี้ยนกั๋วกางแขนปิดกั้นสหายของตนไว้อย่างแน่นหนา “ห้ามพวกเจ้าแตะต้องสหายของข้านะ!” เขาผินหน้าไปทางผู้เป็นมารดาผู้มีอำนาจสั่งการ “เสด็จแม่ ท่านห้ามสั่งบ่าวของท่านทำร้ายสหายของลูกนะพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าบอกเป็นสหายของเจ้างั้นรึ! แต่ที่แม่เห็นตอนนี้ มีเพียงนังชั้นต่ำอยู่ข้างหลังเจ้ามิใช่หรือไง”
เขาหันมองร่างเล็กคราหนึ่ง ฝ่ายนั้นก็เอาแต่คอตกเมามายไม่ได้สติ ไม่รับรู้เลยว่าภัยร้ายมาถึงตัวแล้ว องค์รัชทายาทหันกลับมาเผชิญหน้ามารดา
“ไม่ผิดพ่ะย่ะค่ะ แต่นางเป็นแค่นางกำนัลมาใหม่ ลูกเห็นว่านางประหลาดดี เลยนึกสนุกชวนนางมาดื่มสุราเป็นเพื่อน แล้วก็... เป็นอย่างที่ท่านเห็นนี่แหละพ่ะย่ะค่ะ”
“เหลวไหลทั้งเพ! เจ้ามีฐานะสูงส่งเป็นถึงองค์รัชทายาทอยู่เหนือผู้คนนับพันนับหมื่น ไฉนเลือกคนประเภทนี้มาเป็นสหายร่วมดื่ม... มิใช่ว่าเจ้าคิดอยากพานางขึ้นเตียงกับเจ้าหรอกหรือ?” พระมารดากล่าวอย่างรู้ทัน เพราะที่แล้วมาไม่เคยเห็นเจี้ยนกั๋วออกหน้าปกป้องผู้ใดมาก่อน
“เสด็จแม่! ทรงเข้าพระทัยผิดไปใหญ่แล้ว! ในหัวของลูก ไม่เคยคิดเรื่องพรรค์นั้นกับนางเลยนะพ่ะย่ะค่ะ!”
“เจ้าแน่ใจหรือ?”
“ยิ่งกว่าแน่อีกพ่ะย่ะค่ะ”
พระอัครมเหสีมีท่าทีครุ่นคิดชั่วครู่ ถ้อยคำบุตรชายนั้นเชื่อถือได้หรือไม่
องค์รัชทายาทถือโอกาสนี้ลนลานรีบกราบทูลต่อ “เสด็จแม่โปรดฟังคำขอของลูกสักครั้ง ได้โปรดอย่าเอาผิดกับแม่นางน้อยผู้นี้เลยพ่ะย่ะค่ะ.. นางไม่ประสา นางยังเด็กนัก อีกทั้งเป็นเพียงนางกำนัลมาใหม่ บังเอิญเป่าเป้ยของลูกกลั่นแกล้งนางไว้ ลูกแค่อยากชดใช้ให้นางด้วยการให้เกียรติ เชิญนางร่วมดื่มสุราเป็นเพื่อนเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
พระนางได้ฟังดังนั้นก็คลายความกริ้วลงได้บ้างส่วนหนึ่ง อีกทั้งทรงทราบดีถึงนิสัยขี้เล่นของบุตรชาย เมื่อเจี้ยนกั๋วไม่ได้คิดอะไรกับนางชั้นต่ำไปมากกว่าเพื่อนเล่น โทษของมันจึงลดลงกึ่งหนึ่ง
“อื้ม..เฮ๋ย!..” คนที่เอาแต่เมามายครางอย่างรำคาญ โดยไม่รู้เลยว่าภัยกำลังจะมาถึงตัว ทั้งอาการคันคะเยอเพราะพิษสุราก็กำเริบหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ฉีอันฉีเกาตรงโน้นที เกาตรงนี้ทีไม่หยุดหย่อน ทั้งพยายามเลิกชายกระโปรงขึ้นสูงๆ เพื่อเปิดทางให้เล็บมือทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น
ต่อหน้าพระพักตร์อัครมเหสีลู่เสียน นางกำนัลทั้งสอง และองครักษ์ต้าเหนิง ทุกคนล้วนมีสีหน้าสื่อความหมายแตกต่างกันไป
องค์รัชทายาทเห็นดังนั้น ก็หันมารีบตะครุบแย่งชิงชายกระโปรงที่เปิดขึ้นมาแล้วกึ่งกลางต้นขาอ่อนของเจ้าตัวเล็ก ห้ามมิให้เปิดเผยเนื้อขาลึกไปกว่านี้โดยเด็ดขาด หาไม่แล้วมิเพียงถูกมารดาลงโทษสถานเบา อาจทำให้เปลี่ยนเป็นโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิตได้ ความผิดฐานหลอกลวงเบื้องสูงนั้น มิใช่เรื่องล้อเล่น โดยเฉพาะเจ้าตัวเล็กแท้เป็นชายในคราบนางกำนัลฝ่ายใน มิอาจหนีพ้นโทษตายเป็นแน่
“อย่าห้ามข้า! ร่างกายของข้าคันไปหมดแล้ว! องค์รัชทายาท ท่านตาบอดเรอะ!” ฉีอันฉีหลับตากล่าว ทั้งออกแรงสลัดมือของคนยื้อแย่งชายกระโปรงเขาออกไปให้พ้นทาง
เจี้ยนกั๋ว “พอแล้วน่า! เจ้าค่อยเกาทีหลังเถอะ เจ้ารีบลืมตาดูสิ ตอนนี้มีผู้ใดบ้างกำลังจ้องมองเจ้าอยู่”
“มารดามันเถอะ! ใครมองข้าก็ช่างหัว... อื้อ ๆ”
เจ้าตัวเล็กตั้งใจจะพูดว่า 'ใครอยากมองข้า ก็ช่างหัวมันเป็นไร ข้ากำลังคันตัวของข้า มันไม่เกี่ยวกับผู้อื่น' หากแต่ไม่สามารถพูดเช่นนั้นออกมาได้ เมื่อฝ่ามือใหญ่ของเจี้ยนกั๋วปิดปากไว้แน่น เพื่อสะกัดกั้นคำพูดไม่น่าฟังได้ทันเวลา
พระอัครมเหสีลู่เสียนริมพระโอษฐ์กระตุกยิกๆ ยิ่งมองบ่าวชั้นต่ำทำกิริยาเลวทรามต่ำช้าถึงเพียงนี้ ก็เริ่มทนรับไม่ไหวแล้ว เดิมทีเห็นแก่บุตรชายผู้สร้างผลงานเอาไว้ พระนางจะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น ฝืนปล่อยนางชั้นต่ำไปก่อน ทว่าบัดนี้กลับเปลี่ยนใจแล้ว หากมิได้ลงโทษนางชั้นต่ำจนเลือดตกยางออก เห็นทีคนโมโหตายนั้น จะเป็นพระนางแทน
“ซินอี๋!”
“เพคะ”
“เจ้ารีบไปตามคนมา ข้าจะลงโทษนังชั้นต่ำเดี๋ยวนี้ ให้มันรู้สำนึกเสียบ้าง ต่อหน้าข้ามันยังบังอาจถึงเพียงนี้!”
“เพคะ”
องค์รัชทายาทหันมาเผชิญมารดาอีกครั้ง “เสด็จแม่! ทรงถอนคำรับสั่งเถอะพ่ะย่ะค่ะ สหายของลูก นางอยู่ในอาการเมามาย อีกทั้งนางแพ้สุรารุนแรง ท่านก็เห็นแล้ว ตัวนางมีผื่นแดงเต็มไปหมด อย่าถือสานางเลยพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่!”
“อากั๋ว.. เจ้าขออะไรจากแม่ แม่ล้วนให้เจ้าได้ทั้งนั้น ยกเว้นเอาผิดกับนาง! ขืนเจ้าปล่อยให้นางคนนี้กำเริบเสิบสาน ไม่ถูกลงโทษเสียบ้าง ไฉนคนชั่วช้าอย่างมัน จะรู้จักสำนึก”
แม้องค์รัชทายาทจะอ้อนวอนขอเพียงใด กลับไม่มีผลอีกแล้ว ยิ่งไม่มีทางที่อัครมเหสีลู่เสียนจะยอมใจอ่อน คราวนี้หมายมั่นปั้นมือจะเอาโทษแม่นางน้อยให้จงได้ ยิ่งบุตรชายออกโรงปกป้องมากเท่าไร พระมารดาที่หวงลูกชายดุจไข่ในหิน ยิ่งโมโหมากขึ้นเท่านั้น
ซินอี๋กลับมาอีกครั้งในเวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ นางพานางกำนัลรูปร่างแข็งแรงเทียบเท่าบุรุษมาถึงสามคน ในมือนางผู้หนึ่งมีแส้ติดมือมาด้วย ดูก็รู้ได้ สิ่งนั้นคืออาวุธสำหรับเฆี่ยนตีเจ้าตัวเล็กนั่นเอง
“พวกเจ้า! จับมันไว้!” พระนางหันไปออกคำสั่งนางกำนัลที่มีแส้ในมือ ลั่นวาจาว่า “ห้ามเจ้าออมแรงให้มันเด็ดขาด!”
“เพคะ”
สองนางร่างยักษ์เข้ามาจับล็อกตัวฉีอันฉีไว้ทั้งซ้ายขวาอย่างแน่นหนา หนุ่มน้อยพอถูกจับก็แหกปากร้องโวยวาย ทั้งดิ้นรนขัดขืนเป็นพัลวัน แต่มีหรือที่แรงคนอยู่ในอาการเมาสุราจะสู้แรงนางกำนัลร่างกายบึกบึนถึงสองคนได้
พอล็อกตัวฉีอันฉีสำเร็จแล้ว พวกนางก็ออกแรงกดเขาลงกับพื้นในท่าคว่ำหน้า
คนถูกล็อกตัวแน่นหนา พยายามฝืนแต่ไม่เป็นผล ทำได้เพียงร้องถามพวกนางว่า “พวกเจ้าเป็นใครกัน! มาจับข้าด้วยเรื่องใด! ปล่อยข้านะ ปล่อยข้าสิ!”
อัครมเหสีลู่เสียนออกคำสั่งอีกครั้งเสียงดังลั่น “เฆี่ยนมันเดี๋ยวนี้!”
“เพคะ”
“โอ้ย! เจ็บ! เจ็บจัง! เจ็บนะ!!”
“ท่านแม่! อย่าพ่ะย่ะค่ะ... พวกเจ้าห้ามทำร้ายสหายของข้านะ! หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้!”
สายไปเสียแล้ว แม้เจี้ยนกั๋วจะร้องห้ามเพียงใด แต่ไม่มีใครฟังเขาเลย พวกนางมองฉีอันฉีดุจเหยื่ออันโอชะ รอให้พวกนางใช้แส้เฆี่ยนตีอย่างเมามันส์
เพี๊ยะ!
ครั้งแรกลงบนแผ่นหลังของตัวเล็กไปแล้ว ขณะถูกกดให้นอนคว่ำหน้ากับพื้น เขาร้องไห้โวยวาย อีกทั้งร่ำไห้หาท่านแม่ของเขาอย่างน่าเวทนา แม้ตอนอยู่บ้านสกุลฉี นายน้อยอันฉีเคยมีประสบการณ์ถูกทาสเฆี่ยนตีมาครั้งหนึ่ง ทว่าพวกมันก็ออมแรงให้กึ่งหนึ่ง ผิดกับสตรีแรงเทียบได้กับโคถึกสองคนนี้ แส้ลงหลังนายน้อยอันฉีเพียงครั้งเดียว เขารู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวแสบเนื้อเข้าไปถึงกระดูก อาการเมามายหายไปหมดสิ้น
เพี๊ยะ!
“โอ้ย! ท่านแม่! ช่วยข้าด้วยยย คนเหล่านี้กำลังจะฆ่าลูกแล้ววว!”
นอกจากเรียกหาท่านแม่ที่ไม่ได้อยู่ในที่แห่งนี้ เด็กหนุ่มวัยสิบหกร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ ส่วนองค์รัชทายาทโจวเจี้ยนกั๋วผู้เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด กลับจนปัญญาช่วยเหลือ เขาได้แต่ยืนมองสหายน้อยด้วยความรู้สึกผิด ทั้งสงสารจับใจ
หากย้อนเวลาไปได้ เขาจะไม่คิดแผนบ้าบอนี้ขึ้นมาเด็ดขาด
ฝ่ายเด็กหนุ่มทนความเจ็บปวดไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ฉีอันฉีถึงกับสลบเหมือดคาแส้ในมือสตรีมีรูปร่างคล้ายบุรุษนางนั้น
อัครมเหสีออกคำสั่งอีกครั้ง “หยุดตีมันได้แล้ว! ข้าไม่อยากเห็นศพผู้ใดมานอนตายในตำหนักตงหยางของลูกข้าหรอกนะ ลากมันออกไป!”
“เพคะ”
“พอเถอะท่านแม่! อย่าแตะต้องสหายของลูกอีกเลย ท่านก็เห็นแล้วนี่ นางหมดสติไปแล้ว ไฉนท่านไม่ยอมลามือพ่ะย่ะค่ะ”
เขาไม่ได้พูดเปล่า ยังเข้ามาประคองร่างฉีอันฉีที่อ่อนปวกเปียก เลือดโทรมกายไว้ในอ้อมแขนตัวเอง จากนั้นช้อนร่างบุรุษน้อยเอาไว้ ก่อนออกแรงยกร่างระทวยนั้นแล้วยืนขึ้นด้วยกัน
“อากั๋ว! นั่นเจ้ากำลังจะทำอะไร!”
“ลูกจะพานางไปพ่ะย่ะค่ะ”
นับเป็นครั้งแรกที่เขากล้าต่อต้านมารดาตัวเอง ทั้งมีสีหน้าแน่วแน่ ต้องปกป้องหนุ่มน้อยผู้นี้ให้จงได้
“พาไปที่ใดกัน!”
“ที่ใดก็ได้... หากที่แห่งนั้นไม่มีคนใจร้ายเฉกเช่นตรงนี้อยู่ พ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทอุ้มฉีอันฉีเดินจากไปต่อหน้าพระพักตร์ โดยไม่ฟังเสียงทัดทานใดๆ อีกเลย ท่ามกลางสายตาขององครักษ์ต้าเหนิง ผู้เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น เขาก็มีความรู้สึกเวทนาแม่นางน้อยไม่ยิ่งหย่อนกว่าองค์รัชทายาท ทว่าถือเป็นคำสั่งเด็ดขาดจากผู้มีอำนาจสั่งเป็นสั่งตาย เขาไยจะมีปัญญาคิดยื่นมือช่วยเหลือใครได้
"เจี้ยนกั๋ว! เจ้า... เจ้า..."
กลับเป็นพระมเหสีเองนั่นแหละ ที่กำลังจะเป็นลมเพราะความกริ้วโกรธ เดือดร้อนนางกำนัลข้างกายอย่างซินอี๋และคู่หู รีบเข้ามาประคองเจ้านายเอาไว้อย่างทันท่วงที
"พระมเหสีเพคะ"
"พวกเจ้าดู บุตรชายของข้า ช่างดื้อด้านนัก เช่นนี้ ข้าจะจัดการเยี่ยงไรดี!"