บทที่ 2 เปิดตัว

1536 Words
บทที่ 2 เปิดตัว 08.00 น. มนิตากำลังนั่งทานอาหารเช้าพร้อมกับทุกคนในบ้าน ไม่นานทุกคนก็พร้อมและขึ้นรถเพื่อเดินทางไปบริษัท MP ทันที นพนิตและมนธิชา บิดาและมารดาของเธอ นั่งอยู่ที่รถคันหน้า ส่วนเธอและมธุสรนั่งรถคันหลัง สองคันขับตามกันมาจนมาจอดหน้าประตูบริษัท เหล่าพนักงานต่างก็วิ่งมาต้อนรับเจ้านายของพวกเขาเป็นอย่างดี ลูกสาวทั้งสองก็ต่างเป็นที่รักของพนักงานทุกคน เวลาที่เธอสองคนตามผู้เป็นบิดามาที่ทำงานทีไร เธอมักจะชอบทักทายและเรียนรู้การทำงานจากพนักงานในทุกๆ ตำแหน่ง พนักงานจึงมองว่าพวกเธอสองคนนั้นช่างไม่เหมือนเด็กทั่วไปที่ไม่ต้องมาสนใจงานที่แม้แต่ผู้ใหญ่ยังทำกันยาก แต่เด็กสาวสองคนที่หน้าตาเหมือนกันนี้ไม่ใช่เลย เธอกลับเข้าใจมันเป็นอย่างดี และสามารถทำมันได้ตั้งแต่ยังเล็กเลยด้วยซ้ำ ทุกคนเดินเข้ามาในห้องประชุมและนั่งที่เก้าอี้ในตำแหน่งของตัวเอง มนิตาและมธุสร นั่งถัดจาก นพนิตทางด้านขวา โดยที่มนิตานั่งติดกับบิดา และตามด้วย มธุสร ส่วนมนธิชาก็นั่งอยู่ด้านซ้ายถัดจากนพนิตอีกที “เอาล่ะที่ผมนัดทุกท่านมาประชุมกันในวันนี้ เพื่อที่จะแนะนำลูกสาวของผมทั้งสองให้ได้รู้จัก” เมื่อเห็นทุกคนพร้อม นพนิตไม่รอช้ากล่าวประเด็นที่ตั้งใจเอาไว้ทันที “ต้องแนะนำด้วยหรือครับพี่นพ ทุกคนที่นี่ต่างก็รู้จักหลานทั้งสองกันดีอยู่แล้ว” นรากร น้องชายที่มีศักดิ์เป็นอาของสองสาวพูดขึ้น พลางหัวเราะไปด้วย “ทุกคนรู้จักมนิตากับมธุสรกันดีอยู่แล้วก็จริง แต่วันนี้ผมจะขอประกาศตำแหน่งของลูกสาวผมอย่างเป็นทางการ” ทุกคนในห้องประชุมต่างตั้งใจรอฟังสิ่งที่ประธานกรรมการต้องการจะพูดเป็นอย่างดี “ผมขอประกาศให้มธุสรลูกสาวคนโต ดำรงตำแหน่ง หัวหน้าผู้จัดการทั่วไปของบริษัท และ มนิตาลูกสาวคนเล็กดำรงตำแหน่ง…รองประธานกรรมการ มีสิทธิ์ในการตัดสินใจแทนผมได้ทุกเรื่องโดยไม่ต้องมีลายเซ็นผมอยู่ในเอกสาร” “....//” ทุกคนในที่ประชุมต่างก็อึ้งกันเป็นตาเดียว รวมไปถึงมนิตาเองด้วย เธอยังเรียนไม่จบทำไมบิดาของเธอถึงได้มอบตำแหน่งที่สูงและสำคัญให้กับเธอได้ขนาดนี้ และหนึ่งในที่ประชุมที่เธอเรียกว่าคุณอาก็ได้กล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ เพราะตำแหน่งนั้นมันควรจะเป็นของเขาไม่ใช่หลานที่ยังไม่มีแม้แต่ใบปริญญาอย่างเธอ “นี่พี่นพจะให้ยายนิตามารับตำแหน่งที่สำคัญขนาดนี้ได้ยังไง ยายนิตายังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ แล้วถ้าเกิดว่าการตัดสินใจของยายนิผิดพลาด บริษัทอาจจะเสียหายได้นะ พี่ไม่คิดบ้างหรอ” ไม่เพียงแต่นรากรที่คิดแบบนี้ ตัวมนิตาเองก็ต้องการคำตอบจากบิดาของเธอเช่นเดียวกัน เดิมทีแล้วตำแหน่งนี้เป็นของมนธิชาแม่ของเธอ แต่ตอนนี้จะให้เธอมาทำหน้าที่นี้แทนอย่างงั้นหรอ แล้วทำไมต้องเป็นเธอไม่ใช่มธุสร “ทุกคนต่างก็รู้จักมนิตากันอย่างดีทุกคน นิตาสามารถทำงานในบริษัทและแก้ปัญหาเรื่องราวในบริษัทได้เกือบทุกเรื่อง ตั้งแต่เธอยังเรียนแค่ม.ปลายเท่านั้น ทุกท่านคงได้เห็นกันแล้ว ว่ามนิตามีศักยภาพมากพอที่จะดูแลบริษัทและทำงานในตำแหน่งนี้ได้ดีไม่ต่างจากผม” ทุกคนต่างไม่มีใครกล้าค้านคำของนพนิตสักคน เพราะมนิตาเก่งจริง พวกเขาเองก็เคยเห็นมาแล้ว เธอแก้ปัญหาทุกอย่างได้ดีและรวดเร็ว มีไหวพริบมากกว่าพนักงานหัวกะทิ ที่เขารับเข้ามาทำงานกันเสียด้วยซ้ำ ถึงขั้นต้องอายเด็กกันเลย “ถ้าหากทุกคนเข้าใจในคำพูดของผมเป็นอย่างดี และไม่มีใครคัดค้านอีก มนิตาและมธุสรจะเริ่มงานเดือนหน้าทันที สำหรับช่วงนี้คุณมนภรรยาของผม จะรักษาการแทนไปก่อน แต่ไม่ต้องห่วงมนิตาจะเข้ามาเรียนรู้งานที่บริษัทเรื่อยๆ วันนี้ขอจบการประชุมเท่านี้ ขอบคุณทุกคนที่มาวันนี้” นพนิตพูดเพียงเท่านี้ก็ลุกออกจากห้องประชุมทันที มีมนิตาและมธุสรเดินตามออกมาไม่ห่าง เมื่อเข้าไปห้องทำงานของเขาเรียบร้อย มนิตาก็เปิดประเด็นขึ้นมาอีกครั้งทันที “คุณพ่อทำแบบนี้ทำไมคะ นิไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้หรอกนะคะ” “พ่อเชื่อว่าแกทำได้ และเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแก ทุกคนเคยเห็นแกทำงานมาแล้วจะไม่มีใครมีปัญหากับแกแน่นอน” “แล้วสรล่ะคะ คุณพ่อให้สรไปทำตำแหน่งเล็กๆ แบบนั้น สรเองก็เก่งไม่ต่างจากนิเลยนะคะ อีกอย่างสรเป็นพี่นิ สรควรจะได้ตำแหน่งนี้มากกว่า” มนิตาพูดพลางมองหน้าสรสลับกับพ่อของเธอไปด้วย “ไม่ใช่ว่าพ่อไม่เชื่อใจสรนะ พ่อรู้ว่าลูกสาวทั้งสองของพ่อเก่ง แต่ถ้าให้สรขึ้นเป็นรองประธาน คนที่คิดจะหวังแต่ผลประโยชน์เข้าตัวเองที่มีอยู่ในบริษัทจะทำร้ายสรเอาได้ พ่อไม่อยากให้ลูกสาวของพ่อมีอันตราย ตัวนิเองพ่อรู้ว่าเราสามารถเอาตัวรอดได้ ถ้าเราเจอใครคิดร้ายกับเรา หรือบริษัทนิต้องจัดการมันแบบมีสติและสืบหาหลักฐานมัดตัวให้ได้เสียก่อน” นพนิตและเลขาส่วนตัวของเขากำลังตามสืบและอาจจะรู้ตัวแล้วหากแต่ว่ายังไม่มีหลักฐานชัดเจน เขาเองเริ่มระแคะระคายว่าอาจจะมีคนคิดทำลายครอบครัวเขาหลังจากเกิดเรื่องเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่บริษัทเกิดเรื่องจนเป็นข่าวใหญ่โต แย่ขนาดที่ตัวเขาเองเกือบรถคว่ำ และบริษัทเองเกือบจะต้องโดนปิด ถ้าหากว่าไม่ได้มนิตาในตอนนั้น ที่เป็นคนเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาได้ก่อน คงไม่เหลือทั้งบริษัทและชีวิตของเขาเองให้มายืนอยู่ตรงนี้แน่ๆ “ดีแล้วค่ะคุณพ่อ ถ้าคุณพ่อให้ตำแหน่งสำคัญขนาดนั้นกับสร สรเองก็คงทำไม่ได้ ตำแหน่งนี้เหมาะกับนิที่สุดแล้วค่ะ” “คุณพ่อพูดเหมือนว่าทุกๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นในบริษัท มีคนตั้งใจทำให้มันเกิดเหรอคะ ใครคะแล้วทำไปเพื่ออะไร” มนิตายังคงสงสัยในคำพูดของผู้เป็นพ่อ หากพ่อเขารู้ตัวคนร้ายอยู่แล้ว ทำไมเขาถึงไม่จัดการเองเสียเลย “พ่อเองก็ยังไม่มีหลักฐาน แต่เรื่องนี้นิต้องจัดการแบบเงียบๆ ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด” “นิจะทำอะไรนิต้องระวังตัวด้วยนะ ถ้ามีอะไรที่พี่ช่วยนิได้นิต้องบอกพี่ทันทีนะ” “เรื่องนี้ให้ยายนิจัดการจะดีเหรอคะคุณนพ มนว่ามันค่อนข้างจะอันตรายนะคะ ยายนิเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ถึงลูกเราจะเก่งขนาดไหนแต่ถ้าต้องทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายแบบนี้ ฉันกลัวว่าลูกจะไม่ปลอดภัย” มนธิชาที่เงียบมานานนึกเป็นห่วงลูกสาว ยายนิจะทำตัวห้าวขนาดไหนแต่ก็ถือว่าเป็นแค่เด็กผู้หญิง หากเกิดอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไง ถ้าหากเป็นผู้ชายอาจจะไม่ต้องห่วงขนาดนี้ “ไม่ต้องห่วงค่ะคุณแม่ ยายนิเป็นคนเก่งยายนิต้องทำเรื่องนี้ได้แน่ๆ และถ้าน้องมีอันตราย สรจะเป็นคนลุกขึ้นมาปกป้องน้องสาวของสรเองค่ะ” ทุกคนต่างมองหน้ามธุสรด้วยใบหน้าที่ยิ้มอย่างมีความสุข และภูมิใจที่พวกเขาเลี้ยงลูกมาได้ดีขนาดนี้ ได้ยินแต่ว่าพี่น้องบ้านอื่นชอบทะเลาะกันบ่อย แม้แต่พี่น้องในบ้านของนพนิตเองก็ตาม ต่างก็ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่นัก แต่ลูกสาวฝาแฝดสองคนนี้รักกันมาก ไม่เคยคิดน้อยใจกันเลยเมื่ออีกคนได้รับอะไรที่ดีกว่า มีแต่จะยินดีให้กันและกัน มีเพียงใบหน้าของมนิตาเท่านั้นที่ยังคงกังวลอยู่ เธอแค่คิดว่าเธอจะทำงานในตำแหน่งนี้ให้ดีได้ยังไง และใครที่พ่อของเธอพูดถึง มีคนเลวอยู่ในบริษัทอย่างนั้นหรอ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในบริษัท เป็นฝีมือของคนคนนั้นสินะ คุณพ่อคงอยากให้เธอเข้ามาในตำแหน่งนี้เพราะอยากให้เธอหาคนร้ายให้เจอ และจัดการไปซะ ฉันมองหน้าทุกคนพร้อมกับความคิดในใจมากมาย เอาไว้เธอเข้ามาทำงานแบบเต็มตัวเมื่อไหร่ เธอจะเริ่มสืบหาคนคนนั้นทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD