..เวลา 06.30 น.
@หน้าโรงอาหารกลางของมหาลัย
ฉันออกมารอรถตู้ตั้งแต่ตีห้าครึ่งกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีแม้แต่เงา แต่พอโทรถามที่ฝ่ายยานพาหนะของมหาลัยอาจารย์ที่ดูแลบอกว่ารายการได้ถูกยกเลิกไปแล้ว
บรืน ๆ
เสียงเบิ้ลเครื่องดังลั่น มอไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่วิ่งเข้ามาจอดข้างๆร่างของคนตัวเล็ก
หมวกกันน็อคสีดำทรงสปอร์ต เสื้อหนังแขนยาวปิดถึงข้อมือ ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าไม่มีผิวส่วนไหนโผล่ออกมานอกเสื้อผ้าเลยสักนิด
“มัวยืนมองอะไร ขึ้นมาสิ!” เสียงพูดใต้หมวกทำให้คนฟังไม่คุ้นเสียง จากที่ควรฟังคำสั่งเธอกลับถอยห่างมองด้วยสายตาไม่วางใจ
หมับ!
แขนเล็กถูกดึงเข้าไปหาชายหนุ่มที่นั่งยังนั่งอยู่บนรถ
“อ้ะ อร้าย!! ปล่อยนะ ช่วยด้วยคะ ช่วยด้วย!!”
เสียงโวยวายกรีดร้อง หลับหูหลับตาตีอกทุบแขนที่กำลังคร่อมโอบร่าง ก่อนที่อีกฝ่ายจะปล่อยมือจากที่จับและเปิดกระจกสีดำขึ้น
“จะแหกปากร้องเสียงดังทำไม? เดี๋ยวคนก็เข้าใจผิดคิดว่าฉันสนใจเด็กอย่างเธอ ร้องอย่างกับควายถูกเชือด”
ทันทีที่มองเห็นดวงตาคมเข้มคู่นั้น ก็ทำให้เธอจำได้ในทันทีว่าคนที่กำลังบ่นเหมือนหมีกินผึ้งอยู่ตอนนี้เป็นใคร
“กะ กัปตันเองเหรอคะ? แต่งตัวปิดหน้าปิดตาอย่างกับโจร ตกใจหมดเลย!”
ชายตัวโตถอนหายใจ สายตาเบื่อหน่ายมองใบหน้าขาวเล็กที่กำลังพูดไม่หยุดปาก
“ขึ้นมา!”
“อืมม กัปตันไปก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวพระพายนั่งแท็กซี่ตามไปที่หลัง พระพายไม่ค่อยถนัดนั่งซ้อนมอไซค์เท่าไหร่”
“ไม่ถนัดตรงไหน แค่นั่งเฉยๆ ขึ้นมาอย่าพูดมาก ไร้สาระ”
“ไร้สาระ! ตรงไหนคะ รถสูงขนาดนี้ใครจะไปนั่งได้คะ”
“ไม่ขึ้น?”
“ไม่ค่ะ”
“หึ ฝันไปเถอะ”
“จะทำอะไรคะ ดะ เดี๋ยวสิ อย่านะ ไม่ ไม่เอา”
กึก!
สิ้นคำ ชายตัวโตก็ลงจารถแล้วอุ้มคนตัวเล็กขึ้นมานั่งคร่อมบนเบาะก่อนที่ตัวเองจะก้าวแทรกตัวขึ้นไปนั่งตำแหน่งคนขับ แล้วบิดคันเร่งพุ่งออกไปด้วยความเร็ว
กรี๊ดดด!!
เสียงกรี๊ดดังลั่น สองแขนเล็กกอดเอวแน่น ยิ่งความเร็วของรถเพิ่มขึ้นคนแรงโอบรัดก็ยิ่งแนบแน่นตามไปด้วย
บรื้นๆ บรื้นๆ
เครื่องยนต์ดับสนิท ทว่าคนตัวเล็กยังหลับตาปรี่กอดคอแน่น
“ถึงแล้ว”
..(เงียบ)..
“นมเบียดหลังฉันอยู่ คิดจะอ่อยเหรอ?”
0.0!!
เสียงกระซิบเบา ดึงสติให้คนตัวเล็กสะดุ้งรีบผละตัวออกจากแผ่นหลังของคนขับ
“หึ จะลงได้หรือยัง”
ร่างเล็กค่อยๆขยับ ตะเกียกตะกายพยายามลงจากรถแต่แล้วกลับนั่งลงที่เดิม
“ละ ลงไม่ได้” เสียงงึมงำในลำคอทำให้ชายตัวโตหันกลับมามองด้วยความสงสัย
“ทำไมลงไม่ได้?”
“มะ มันสูง ขาไม่ถึง”
เสียงอ้ำอึ้งคำตอบแผ่วเบาตอบชายตัวโตด้วยความเขิน ดวงตาใสซื่อไร้เดียงสาเป็นความแปลกใหม่ที่ตัวเขาไม่เคยเจอ
เท้ายาวก้าวลงมายืนข้างรถ ก่อนจะโอบเอวอุ้มร่างเล็กลงมาอย่างง่ายดาย
“หึ ตัวก็เตี้ย ขายังจะสั้นอีก”
“ใครเตี้ย ใครขาสั้น เขาเรียกว่าผู้หญิงตัวเล็กตะหาก ชิ” สาวน้อยทำแก้มป่อง จ้องชายตัวโตด้วยความไม่พอใจ
“แต่.. นมใหญ่เกินตัวนะ นุ่มดีด้วย”
น้ำเสียงนุ่มเรียบ สายตาเจ้าเล่ห์เลื่อนต่ำก่อนจะไปหยุดที่หน้าอกของเธอ
ใบหน้าเล็กร้อนผ่าว รีบเอามือขึ้นมาปิดหน้าอกด้วยความเขิน ก่อนจะรีบเดินหนีเข้าไปในงาน
การแข่งเริ่มต้นขึ้นในช่วงสายของวัน อากาศร้อนแดดแรงตั้งแต่เช้า การแข่งขันดุเดือดและค่อนข้างรุนแรงทำให้นักกีฬาของทั้งสองทีมบาดเจ็บจนต้องเปลี่ยนตัวสำลองจนเกือบหมด
แม้เป็นเพียงการแข่งเพื่อเลือกสาย แต่ในฐานะกัปตันทีม ผมเลยไม่สามารถถอนตัวออกจากการแข่งครั้งนี้ได้ ถึงแม้ตอนนี้ขาซ้ายจะเจ็บจนแทบเดินไม่ไหวแล้วก็ตาม
“ไอ้เพลิง ออกไปพักเถอะเชื่อกู ถ้าฝืนแบบนี้ต่อไปสนามหน้ามึงอาจจะไม่ไหวนะ” ภาคินวิ่งเข้ามาประคองร่างคนเจ็บที่เพิ่งถูกผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามวิ่งชน
“มึงก็เห็นว่าพวกมันเล่นไม่ซื่อ มึงจะให้กูยอมแพ้หนีมันไปง่ายๆหรือไงวะ?”
“เรื่องนั้นเอาไว้จัดการที่หลัง ตอนนี้มึงต้องไปพัก” พูดจบภาคินก็ยกมือเป็นสัญญาณขอเปลี่ยนตัว เพราะจากสถานการณ์ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นใครลงสนามพวกเขาก็เป็นฝ่ายชนะ
ร่างชายตัวโตถูกหามใส่เปลผ้าออกมาจากสนาม โดยมีทีมแพทย์พยาบาลค่อยดีแลอย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกับผู้จัดการทีมตัวเล็กที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างๆด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน
“เจ็บไหมคะ?”
“แค่เห็นหน้าคุณพยาบาลคนสวย ผมก็หายเจ็บแล้วครับ”
“ปากหวานจังเลยนะคะ”
“รู้ได้ยังไงครับว่าหวาน ยังไม่ได้ลองชิมเลย บางทีอาจจะไม่ได้หวานแค่ปากก็ได้”
บทสนทนาหวานจนน้ำตาลเรียกพี่ สายตาที่พวกเขากำลังมองตากันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินที่อยู่อยู่ตรงนี้
“พูดได้ขนาดนี้ กัปตันคงเจ็บไม่ถึงตายหรอกใช่ไหมคะ” คำพูดประชด น้ำเสียงกระแทกเหมือนไม่พอใจ ทำให้คนเจ็บกับพยาบาลสาวเงยหน้ามองด้วยความสงสัย
“แฟนเหรอคะ?”
“ไม่ใช่ครับ เป็นแค่คนดูแลนักกีฬา ส่วนแฟน.. กำลังหา”
พยาบาลสาวยิ้มหน้าแดง พร้อมกับยื่นมือถือคืนให้นักกีฬาหนุ่มหลังกดเบอร์ลงในเครื่อง ก่อนจะเดินไปดูนักกีฬาคนอื่นตามเสียงเรียกของหัวหน้าพยาบาล
“เป็นอะไร?” กัปตันหนุ่มหันไปมองคนตัวเล็ก ที่ยืนกอดอกยืนหันหลังให้กับเขา
“เป็นแค่คนดูแลนักกีฬา” คำตอบห้วน ๆ ทำให้ชายตัวโตขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย ก่อนจะค่อยๆดันตัวลุกขึ้น เดินเข้าไปใกล้ร่างเล็ก
“ไม่พอใจเหรอ? หรือว่าอยากเป็นแฟน?”
พึ่บ!!
0.0!!
ทันทีที่สาวน้อยหันกลับมา ใบหน้าเล็กก็ชนเข้ากับร่างของชายตัวโตเข้าเต็มๆ
มือใหญ่โอบเอวดึงเอาร่างเล็กเข้ามากอด สายตาคมจ้องดวงตาหวานที่กำลังเบิกกว้างมองเขาตาไม่กระพริบ
รอยยิ้มมุมปาก สายตามีเสน่ห์ของชายตัวโตดึงดูดให้สาวน้อยไม่สามารถละสายตาไปจากเขาใด้ในตอนนี้
“ว่าไง? ฉันรอฟังอยู่”
สติถูกดึงกลับมาด้วยคำถาม มือเล็กพยายามดันร่างออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม แต่เหมือนยิ่งเธอพยายามออกแรงผลักมากเท่าไหร่ ท่อนแขนใหญ่ก็ยิ่งกอดเธอแน่นมากขึ้น
“ฟังอะไรคะ ยะ ยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย”
ไม่มีคำตอบจากชายตัวโต มีเพียงสายตาของเขาที่กำลังมองกลับมา
เสียงตุบๆภายในช่องอกดังรัวออกมาจนเธอได้ยิน มันเป็นความรู้สึกบางอย่างที่เธอเองก็ไม่เข้าใจ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะ ทำให้ชายตัวโตยอมปล่อยแขนออกจากเอว ผละร่างออกห่างจากคนตัวเล็กราวกับไม่อยากให้ใครมาเห็น
แกร็ก!
“คุณเพลิง รถมาแล้วครับ”
“อืม เดี๋ยวตามออกไป”
ประตูถูกดึงปิดเข้าเหมือนเดิม ชายหนุ่มหันกลับมามองหญิงสาวตัวเล็กที่ตอนนี้ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
“ไปกันเถอะ”
“ไปไหนคะ?”
“ก็กลับไปที่ห้องนะสิ”
ดวงตากลมโตเบิกกว้างจ้องใบหน้าคมคายตรงหน้าด้วยความตกใจ
“กะ กัปตัน จะ ไปทำไมคะ ไปทำอะไรที่ห้อง 0.0?”
หัวคิ้วขมวดมองหน้าคนตัวเล็กด้วยความสงสัย
“ก็กลับไปพักน่ะสิ ขาเจ็บแบบนี้จะให้ไปที่ไหนได้?”
“นั้นนะสิคะ ไปพักๆ ไปพักกันเถอะค่ะ” คนตัวเล็กวิ่งเข้ามาจับแขนประคองพาร่างชายตัวโตกะเผลกเดินออกไปจากห้อง ทั้งที่ความจริงเธอช่วยอะไรเขาไม่ได้เลยสักนิด
@คอนโด
“ถึงห้องแล้ว งั้นพระพายกลับไปที่พักก่อนนะคะ” เสียงหวานบอกชายตัวโตที่กำลังเปิดประตูเดินเข้าไปในห้อง
“จะกลับไปไหน ฉันเจ็บขาเดินลำบาก เธอเป็นผู้จัดการก็ต้องอยู่ดูแลสิ”
น้ำเสียงเรียบนิ่ง สีหน้าและสายตาเย็นชา ทำให้สาวน้อยฉีกยิ้มกว้างเพราะตอนนี้กัปตันจอมปีศาจที่เธอรู้จักได้กลับมาเป็นปกติแล้ว