07 บทที่ 7 - 1

1709 Words
สถานที่ที่รามพูดถึงคือ วัดขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสวนส้ม หลังจากที่อุ่นไอฟ้าเล่าเรื่องราวระหว่างเธอและอินทัชให้รามฟัง เจ้านายของเธอก็ดูดุดันขึ้นมา และยังคิดหาทางช่วยไม่ให้เธอกับอาทิตย์ต้องไปกรุงเทพฯ พร้อมกับเขา ทางออกเดียวที่คิดถึงคือเธอต้องหาทางทำให้อาทิตย์กับตะวันกลับสู่ร่างเดิมของแต่ละคนให้ได้ อุ่นไอฟ้ากับรามคิดหาหนทางอยู่พักใหญ่ ก่อนที่อุ่นไอฟ้าจะนึกถึงใครบางคนขึ้นมา ‘อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดนะโยม’ คำพูดปริศนาของหลวงพ่อที่เป็นเจ้าอาวาสของวัด ดังขึ้นมาในความคิดของอุ่นไอฟ้า ‘ขอแค่โยมมีสติ ทุกอย่างจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นเอง’ อุ่นไอฟ้าคิดถึงประโยคที่เธอเคยนึกสงสัยว่าเหตุใดอยู่ๆ หลวงพ่อถึงได้พูดกับเธอแบบนี้ในวันเกิดของอาทิตย์ ตอนนี้เธอเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้าง บางทีท่านอาจจะรู้ล่วงหน้าถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ อุ่นไอฟ้าบอกเรื่องนี้กับราม ทั้งสองจึงกลับไปที่ห้องพักฟื้นของร่างตะวันที่คนอื่นๆ รวมตัวกันอยู่ในนั้นและยื่นเงื่อนไข เมื่อทุกคนตกลง อุ่นไอฟ้าก็ได้แต่หวังว่าเรื่องราวยุ่งเหยิงจะจบสิ้นโดยเร็วเสียที “หมอบอกว่าพรุ่งนี้ทั้งอาทิตย์กับตะวันสามารถออกจากโรงพยาบาลได้เลยเพราะความจริงบาดแผลบนร่างกายไม่ได้มีอะไรน่าห่วง แผลที่หัวของอาทิตย์ก็ตัดไหมแล้วด้วย” รามที่ยังคงเป็นคนช่วยจัดการเรื่องทุกอย่างบอกกับทุกคนในห้อง “ตอนแรกที่ยังต้องอยู่ต่อเป็นเพราะทั้งสองคนยังไม่ได้สติ แต่ในเมื่อตอนนี้ทั้งสองคนก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว หมอก็เลยอนุญาตให้กลับได้” ตะวันพยักหน้าอย่างรับรู้ ส่วนอาทิตย์ที่อยู่ในร่างของตะวันทำตาแป๋ว อาทิตย์ยังคงมีอาการมึนงงและหวาดกลัวกับความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของตัวเองอยู่ ทั้งยังแตกตื่นกับคนแปลกหน้า แต่เมื่อมีอุ่นไอฟ้าคอยอยู่ใกล้ๆ เด็กชายในร่างผู้ใหญ่ก็สงบลงบ้าง ในมือของอาทิตย์ยังมีรถบังคับของรามกับตุ๊กตาของลดาที่อุ่นไอฟ้านำมาใช้เบี่ยงเบนความสนใจของบุตรชายด้วย “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้สายๆ เราไปที่วัดกัน” อินทัชพูดขึ้นมา มองทางอุ่นไอฟ้าที่เป็นคนยื่นข้อเสนอนี้ แต่อุ่นไอฟ้ายังคงเมินสายตาจากเขา อินทัชหน้าเสียลงไป แต่ก็ไม่วายพูดต่อ “เอาเป็นว่าผมจะจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้แล้วกัน ผมขอจ่ายทั้งหมดเอง” “ไม่ต้องหรอกครับ คนของผม ผมดูแลเอง” รามสวนกลับอย่างไม่คิดไว้หน้าคนพูด “มีแค่เรื่องคดีความเท่านั้นที่เรายังตกลงกันไม่เรียบร้อย ออกไปคุยกันสักหน่อยไหมครับ จะได้จบสักที” อินทัชมองคนพูดตาขวาง “ได้สิ เชิญ” อินทัชลุกขึ้นยืน ก้าวออกจากห้อง รามหันมาสบตากับอุ่นไอฟ้าก่อนจะเดินตามไป “สองคนนั้นเขาจะต่อยกันไหมครับ” ชญช์เปรยขึ้นมาเพราะรับรู้ได้ถึงรังสีฟาดฟันระหว่างชายสองคนที่เพิ่งจากไป ตะวันปรายตามาทางอุ่นไอฟ้าแล้วยักไหล่ “ช่างพวกเขาเถอะ มาคิดกันดีกว่าว่าถ้าพรุ่งนี้ไม่สำเร็จและเราต้องกลับกรุงเทพฯ จากนั้นเราจะทำยังไงกันต่อไป” ตะวันมองหน้าอุ่นไอฟ้าที่ทำได้แค่ถอนหายใจ เพราะเธอเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้เช่นกัน กว่าจะจัดการเรื่องคดีความและประสานงานกับประกันรถยนต์ของตะวันเสร็จก็เป็นเวลาเย็นย่ำ อินทัชกลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้งก็พบว่าตะวันในร่างเด็กน้อยได้นอนหลับพักผ่อนโดยมีชญช์คอยเฝ้าอย่างใกล้ชิด ส่วนร่างของตะวันมีอุ่นไอฟ้าคอยดูแล อุ่นไอฟ้ายังคงหมางเมินเขาและเอาแต่พูดคุยกับคนรักของเธอ เขาไม่อาจทนมองภาพความใกล้ชิดของคนทั้งสองจึงเดินทางกลับที่พักของตะวันกับชญช์ เพื่อกลับมานอนพักและเก็บข้าวของๆ คนทั้งคู่เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ อินทัชเอนตัวลงบนโซฟาตัวยาวด้วยความเหนื่อยล้าจากเรื่องที่พบเจอในตลอดทั้งวัน เรื่องราวของตะวันทำให้เขายิ่งต้องเก็บเงียบเรื่องอุบัติเหตุไม่ให้ปทุมวดีและคนอื่นๆ รู้ ทางด้านชญช์ก็รู้ดีเพราะชายหนุ่มเองก็ยังไม่ได้บอกเล่าเรื่องนี้แก่ชื่น อินทัชเริ่มมองเห็นข้อดีของการที่ตะวันชอบทำอะไรตามใจตนเองจนขาดการติดต่อกับทางบ้านอยู่บ่อยๆ ขึ้นมา เพราะหากเรื่องของตะวันยังแก้ไขไม่ได้จนอีกฝ่ายจำเป็นต้องเก็บตัวเงียบอยู่กับเขา ก็คงไม่มีใครสงสัยอะไร โชคดีอีกเรื่องที่ตอนนี้ปทุมวดียังอยู่ต่างประเทศ ตะวันจึงยังหลีกเลี่ยงการพบปะอีกฝ่ายได้ อินทัชพอจะหาทางประคับประคองสถานการณ์เพื่อหาทางแก้ไขเรื่องของตะวันได้บ้าง หากแต่ยังมีอีกเรื่องที่เขายังหนักใจ ท่าทางต่อต้านของอุ่นไอฟ้าที่มีต่อตัวเขาทำให้เขารู้สึกเจ็บลึก แม้จะเข้าใจดีว่าเป็นเพราะครั้งหนึ่งเขาเคยทำร้ายจิตใจหญิงสาวอย่างมากมาย ขนาดเขาเองก็ยังลืมเหตุการณ์นั้นไม่ได้ แต่เขาก็ยังเจ็บช้ำกับท่าทีของเธออยู่ดี อินทัชรู้ตัวว่าเขาคือต้นเหตุสำคัญที่ทำให้อุ่นไอฟ้าไม่อยากเดินทางไปกรุงเทพฯ หญิงสาวคงจะเกลียดเขา และไม่อยากเข้าใกล้เขาอีก ผิดกับตัวเขาที่รู้สึกในทางตรงกันข้าม การได้พบกันอีกครั้งยังทำให้ความทรงจำครั้งเก่าทุกๆ เหตุการณ์ที่เขาพยายามกลบทับฟื้นคืนขึ้นมา ความทรงจำอันหอมหวานระหว่างเขาและเธอนับตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกัน... ‘บ้าหรือไง อยู่ๆ ถึงได้วิ่งมาขวางรถแบบนี้’ อินทัชลงจากรถ ตรงเข้าไปต่อว่าหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าอยู่กลางถนน ‘ฉันถามทำไมไม่ตอบ เงยหน้าขึ้นมาสิ’ อินทัชพูดเสียงดังกว่าเดิม แข่งกับเสียงฝนที่ตกลงมาหนักขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าของหญิงสาวค่อยๆ เงยขึ้นมา ดวงตากลมสวยที่ช้อนขึ้นมามองทำเอาเขาตะลึงงัน ‘ขอโทษนะคะ แต่มันบาดเจ็บ พี่ช่วยมันหน่อยได้ไหมคะ’ ผู้หญิงที่อยู่ในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกับเขาพูดขึ้น เธอก้มลงมองลูกสุนัขที่อยู่ในมือของตัวเอง อินทัชยอมละสายตาจากใบหน้าสวย ก้มมองตามจึงเห็นว่าขาของลูกสุนัขมีรอยแผลเหวอะหว่ะอยู่ และนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้มันมานั่งอยู่กลางถนนท่ามกลางสายฝนแบบนี้ ‘หนูพามันไปโรงพยาบาลเองดีกว่า ขอโทษอีกครั้งนะคะ’ หญิงสาวก้มศีรษะให้อินทัช และทำท่าจะเดินฝ่าฝนไปอีกทาง มือหนาจึงคว้าแขนของเธอไว้ ‘เดี๋ยวก่อน’ หญิงสาวหันกลับมามองอย่างแปลกใจ ‘ขึ้นรถสิ เดี๋ยวพาไปส่งโรงพยาบาล’ อินทัชเอ่ยอย่างใจกว้าง นอกจากจะได้ช่วยเจ้าลูกหมา เขายังคิดว่าจะได้สานสัมพันธ์กับสาวสวยตรงหน้าด้วย และเขาก็ได้รู้ว่าเขาคิดถูก เมื่อเธอมอบรอยยิ้มหวานให้เขาทันทีที่เขาพูดจบ ‘ขอบคุณนะคะ’ ร่างบอบบางประคองเจ้าตัวเล็กเดินตามอินทัชไปที่รถของเขา อินทัชเปิดประตูให้เธอนั่งลงที่นั่งด้านข้างคนขับ ก่อนที่เขาจะกลับไปนั่งประจำที่ที่หลังพวงมาลัย อินทัชหันไปมองคนที่เอาแต่สนใจลูกหมาจนลืมใส่ใจตัวเอง เอี้ยวตัวไปหยิบเสื้อคลุมที่วางอยู่หลังรถมายื่นให้อีกฝ่าย ‘ใส่ซะ’ หญิงสาวเงยหน้ามองเขาอย่างแปลกใจ แต่เมื่อเขากวาดสายตามองเสื้อนักศึกษาของเธอที่เปียกปอนจนมองเห็นข้างใน เธอก็รีบขอบคุณ เอาเสื้อของเขามาใส่ทันที อินทัชขับรถไปโรงพยาบาลสัตว์ที่ใกล้ที่สุด และอยู่เป็นเพื่อนหญิงสาวจนกระทั่งเจ้าหมาน้อยทำแผลเสร็จ เขายังใจป้ำยินยอมให้สัตวแพทย์ฉีดยาป้องกันโรคอื่นๆ ตามที่ได้รับคำแนะนำและยังเป็นคนออกค่าใช้จ่ายการรักษาทั้งหมดด้วย ‘ขอบคุณพี่มากนะคะที่ช่วย’ อินทัชได้รับรอยยิ้มหวานเป็นการตอบแทนอีกครั้ง ก่อนที่เจ้าของรอยยิ้มจะก้มลงเล่นกับเจ้าตัวน้อยในอ้อมแขนอย่างอารมณ์ดี ‘แล้วจะเอายังไงกับมันต่อ’ อินทัชถามหญิงสาว ‘ดูก็รู้ว่าเป็นหมาไม่มีเจ้าของ’ คนฟังนิ่งงันไปราวกับเพิ่งคิดได้ถึงปัญหานี้ ‘ชอบก็เอากลับไปเลี้ยงสิ’ อินทัชแนะนำ แต่หญิงสาวกลับถอนหายใจออกมาแล้วส่ายหน้า ‘หนูเลี้ยงไม่ได้หรอกค่ะ พอดีหนูอยู่หอ เขาไม่ให้เลี้ยงสัตว์’ ดวงตากลมสวยหลุบลงอย่างเศร้าสร้อย ต่างจากสายตาของคนมองที่วามวับขึ้นมา ‘คอนโดของพี่เลี้ยงสัตว์ได้’ อินทัชพูดราวกับเสนอตัวจนทำให้คนที่กำลังทำท่าหงอยเหงากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หากแต่อีกฝ่ายคงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเขามีจุดประสงค์อื่นแฝงอยู่ ‘แต่...พี่ไม่มีเวลาคอยดูแลให้อาหารมันนี่สิ จะทำยังไงดีนะ...’ อินทัชทำท่าหนักใจ รอให้คนฟังตอบรับ แต่หญิงสาวกลับทำหน้าเครียดอีกครั้ง ไม่ยอมพูดอะไรออกมาจนเขาต้องออกปากเสียเอง ‘เราเป็นคนมาให้อาหารมันทุกวันได้ไหมล่ะ ที่คอนโดของพี่ ตกลงไหม’ หญิงสาวอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำพูดของเขา ทำท่าคิดหนักยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ‘เฮ้อ...ถ้าอย่างนั้นสงสัยคงต้องเอาไปปล่อยวัด’ ‘อย่านะคะ’ หญิงสาวร้องเสียงหลง ก่อนที่เธอจะกัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ ‘คอนโดพี่อยู่ที่ไหนหรือคะ’ อินทัชลอบยิ้มมุมปาก เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดหวังเอาไว้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD