bc

ทวงแค้น แสนรัก

book_age18+
40
FOLLOW
1K
READ
billionaire
family
HE
opposites attract
mafia
heir/heiress
blue collar
drama
sweet
bxg
brilliant
campus
office/work place
childhood crush
like
intro-logo
Blurb

โซโล่ผู้ชายที่สุดแสนจะร้ายกาจเขากักขังหัวใจของฉันไว้ด้วยความแค้นทั้งหมดที่เขามี ความรักที่เกิดขึ้นพร้อมกับความแค้น สุดท้ายแล้วเขาและเธอจะจัดการกับความรู้สึกนี้อย่างไร

'ใครมันทำให้คนที่ผมรักต้องเจ็บ พวกมันต้องเจ็บยิ่งกว่า'

"แค่นี้เธอก็เจ็บซะกล้วหรอ"

"ฮึ่ย ฉะ…ฉันขอโทษ"

"กลับมาหาฉัน…ได้โปรด"

chap-preview
Free preview
ตอนที่ 1 : เริ่มต้น
-SOLO PART- ~ครืนนนนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนนนน~ (โซ หยุดเถอะนะ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว) เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปลายสายพูดขึ้นทันทีที่ผมกดรับสาย “โซไม่มีทางปล่อยให้มันผ่านไป จีก็รู้” จะว่าผมเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นก็ได้ แต่คนที่มันทำให้คนที่ผมรักเจ็บมันจะต้องเจ็บมากกว่า ต่อให้ใครจะต่อว่าผมยังไง ‘ผมก็ไม่สน’ (แต่ว่า...) เธอเอ่ยเสียงอ่อน “ไม่มีแต่ แค่นี้โซมีงานต้องทำ” ผมตัดสายทันทีไม่รอให้เธอพูดต่อ ตึ๊ดดดด!…. “งานที่ให้ไปทำเรียบร้อยรึยัง” ผมเอ่ยถามทิมมันเป็นทั้งเพื่อน บอดี้การ์ดและมือขวาของผม เรียกได้ว่ามันเป็นแทบทุกอย่างของผมเลยก็ว่าได้ “เรียบร้อยแล้วครับนาย” “ดี...” ผมรอเวลานี้มาสามปีเต็ม ถึงเวลาแล้วที่ผมจะได้เริ่มมันสักที อะไรก็ตามที่ผลเลือกแล้วผมไม่มีวันเปลี่ยนใจ ผมจะทำจนกว่ามันสำเร็จ มันก็เป็นแค่เกม เกมหนึ่งเท่านั้น เป็นเกมที่ผมจะไม่มีวันแพ้ เพราะผมไม่ใช่ผู้เล่น แต่ผมเป็นผู้ควบคุมเกมต่างหาก -KAOTU PART- @ มหาวิทยาลัย AA สายลมเย็นที่พัดผ่านร่างบางของฉันไปไม่ได้ช่วยทำให้ใจดวงน้อยๆ ของฉันเย็นลงได้เลยสักนิด มันกลับยิ่งทำงานหนักขึ้นทุกครั้งที่สายตาของฉันเลื่อนผ่านชื่อแต่ละชื่อไป แต่ไร้วี่แววชื่อของตัวเอง จนมันใกล้จะหมดอยู่แล้ว เหมือนฟ้าจะเห็นอกเห็นใจสาวน้อยตาดำๆ อย่างฉัน “เย้ๆๆๆๆ.........” “เบาๆ หน่อยสิข้าว คนอื่นเค้ามองกันหมดแล้ว” เสียงวีนัสเพื่อนสนิทของฉันเอ็ดฉันขึ้นเบาๆ อย่างเอือมระอากับท่าทางเด็กน้อยของฉัน “ก็คนมันดีใจนิวี” ฉันพูดเสียงอ่อน พร้อมกับยิ้มจนปากแทบจะฉีกถึงหูด้วยความดีใจที่มันท่วมท้นอย่างปิดไม่มิด อุ๊ยยยย! ลืมแนะนำตัว สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ ‘ปัทมา วรโชติ’ หรือเรียกว่า ‘ข้าวตู’ ก็ได้นะคะ ฉันอายุ 22 ปีแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่ปี 4 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัย AA ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังอันดับต้นๆ ของประเทศเลยนะ และที่สำคัญอยู่ใกล้บ้านฉันด้วย ฉันก็เลยเลือกเรียนที่นี่ ฉันมีพี่ชายอีกหนึ่งคนด้วยนะ ชื่อ‘พี่ข้าวปั้น’ ตอนนี้พี่ปั้นทำงานอยู่ที่แท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลโน่นแน่ะนานๆ ทีจะได้กลับบ้านสักที ฉันเลยต้องอยู่บ้านกับแม่สองคน เป็นบ้านที่คุณพ่อซื้อไว้ก่อนที่ท่านจะเสีย “ทำอย่างกับถูกลอตเตอรี่” วีนัสเอ่ยพร้อมกับทำหน้าเอือมฉันแบบสุดๆ วีนัสเป็นเพื่อนของฉันเพียงคนเดียวในมหาวิทยาลัย ฉันรู้จักกับเธอตั้งแต่วันแรกของการรับน้อง วีนัสภายนอกเธออาจจะดูเป็นคนแรงๆ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยค่ะ เธอเป็นคนที่ใจดี แถมเธอยังเรียนเก่งมากๆ ด้วย เธอได้เกรด 4.00 แทบจะทุกวิชาเลยนะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเกียรตินิยมอันดับ 1 วีนัสต้องได้มาครอบครองอย่างแน่นอน ส่วนฉันน่ะหรอถ้าไม่ได้เธอที่คอยช่วยติวหนังสือให้ ฉันจึงทำข้อสอบผ่านไปได้ฉลุยตลอด 4 ปีในรั้วมหาลัยแห่งนี้ หลังจากฝึกงานเสร็จพวกเราก็คงจบการศึกษากันอย่างเป็นทางการแล้วล่ะ “ข้าวกลับบ้านเลยไหม…เดี๋ยวเราไปส่ง” วีนัสเอ่ยถามฉัน “เดี๋ยวข้าวกลับเองดีกว่า ไม่อยากไปเป็น ก ข ค” ฉันตอบกลับเธอพร้อมกับเบะปากใส่วีนัสด้วยความหมั่นไส้ หลังจากที่สายตาของฉันมองเห็นผู้ชายที่กำลังเดินเข้ามาใหม่ จากทางด้านหลังของเธอ “วีนัส........” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยเรียกวีนัส ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้เขาคนนี้ก็คือ วินเทอร์แฟนหนุ่มของเธอนั่นเองทั้งคู่คบกันมาตั้งแต่ฉันกับวีนัสอยู่ปี 1 แล้วแหละ จริงๆ แล้ววินเทอร์เข้ามาเรียนพร้อมกันกับพวกเรา แต่เขาไม่ได้เรียนคณะเดียวกันกับพวกเราหลอกนะ วินเทอร์เรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ฉันรู้จักกับวินเทอร์ก็ตอนที่เขาเข้ามาจีบยัยวีนัสเพื่อนสาวคนสวยของฉันนี่แหละ “ถ้างั้นเราไปก่อนนะวินเทอร์มารับแล้ว” “จ้ะ บัยบายยยย” ฉันเอ่ยก่อนที่จะโบกมือให้กับทั้งสองคน หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็พากันเดินออกไปยังรถของวินเทอร์ที่จอดอยู่ไม่ไกล ทีนี้ก็เหลือเพียงฉันคนเดียวสินะ เฮ้ยชีวิตคนโสดอย่างฉัน ก็ต้องกลับคนเดียวตามระเบียบ อันที่จริงฉันก็มีคนเข้ามาขายขนมจีบเยอะนะก็เพราะหน้าตาของฉันออกจะสะสวยขนาดนี้ แต่ทุกครั้งที่มีคนเข้ามาฉันก็ปฏิเสธเขาไปซะหมด บอกตามตรงเลยว่าฉันกลัวความรัก ฉันกลัวที่จะอกหัก ฉันไม่ชอบความรู้สึกที่ตัวเองควบคุมไม่ได้ เดี๋ยวค่ะ! อย่างพึ่งเข้าใจผิดว่าฉันช่ำชองเรื่องความรักนะ จริงๆแล้วฉันยังไม่เคยมีความรักหรอก แต่พี่ปั้นพี่ชายแท้ๆของฉันน่ะเคยอกหัก จนแทบไม่เป็นผู้เป็นคนเลย กว่าแม่จะพูดให้พี่ปั้นได้สติก็ปาเข้าไปหลายเดือน ฉันได้ยินแม่พูดกอกหูพี่ชายของฉันทุกวันจนฉันเองคนที่ไม่เคยมีความรักยังหลอนแทนเลย และนี่ก็คงเป็นเหตุผลที่ทำให้พี่ปั้นตัดสินใจไปทำงานในที่ที่ไกลๆ แบบนั้น…ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันหนีแม่หรือหนีจากอาการปวดใจกันแน่ ถึงฉันกับพี่ปั้นจะสนิทกันมากแค่ไหนก็ตาม จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าผู้หญิงที่ทำให้พี่ชายของฉันเสียทรงได้มากขนาดนี้เป็นใครกันแน่ และที่สำคัญฉันก็คงไม่กล้าถามพี่ปั้นด้วยสิ แต่จะเป็นใครก็ช่างเถอะเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ตอนนี้พี่ชายฉันก็ดูมีความสุขกับงานของเขาดี ปานี้พี่ปั้นคงจะลืมเขาได้แล้วมั้ง @ บ้านข้าวตู เนื่องจากบ้านของฉันอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น เดินตรงไปจากประตูด้านหลังมหาลัยประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้ว บ้านของฉันเป็นบ้านสองชั้นหลังเล็กๆ ขนาดอยู่ที่ 170 ตารางวาเห็นจะได้ อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ซึ่งภายในบ้านของฉันจะมีสวนสวยๆ เล็กๆ อยู่หน้าบ้าน ซึ่งมันถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ของฉันกับพ่อค่ะ มันอาจจะเป็นสวนเล็กๆ แต่มันก็เป็นมุมโปรดของฉันเลยแหละ เวลาฉันคิดอะไรไม่ออก หรือเวลาฉันคิดถึงพ่อ ฉันก็มักจะมานั่งเล่นที่สวนนี้นี่แหละ การทำสวนจึงกลายเป็นงานอดิเรกของฉันซะแล้ว จะว่าไปก็เหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะคะเดินกลับบ้านเนี่ย ประตูรั้ว หน้าบ้านถูกเปิดออกโดยระบบมือเลื่อนสไลด์ของฉันเอง “โอ้ย!” ฉันเผลอสะดุดเตะขอบประตูรั้วอีกแล้ว ‘เจ็บตัวได้ทุกวี่ทุกวันจริงๆ’ ฉันบอกกับตัวเอง ก่อนที่ฉันจะรีบปิดประตูรั่วแล้วก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าบ้านไป “แม่ขา....” ฉันตะโกนเรียกแม่ทันทีที่เข้ามาในบ้าน พร้อมกับสายตาของฉันที่สอดส่องไปทั่วบ้าน แต่ก็ไม่พบใครจนกระทั่ง “ว่าไงคะลูกสาวคนสวยของแม่” เสียงแม่ตะโกนตอบฉันมาจากทางหลังบ้าน ก่อนที่ท่านจะชะเง้อหน้าหวานของท่านออกมามองฉันพร้อมกับรอยยิ้มหวานๆ แม่ฉันท่านเป็นหญิงแกร่งที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย เพราะตั้งแต่ที่คุณพ่อเสียไปท่านก็เลี้ยงดูฉันกับพี่ปั้นอย่างดี บางครั้งฉันแค่มองเข้าไปในดวงตาของแม่ก็รู้แล้วว่าท่านเหนื่อยแค่ไหนที่ต้องทำงานไปเลี้ยงพวกฉันทั้งสองคนไปด้วย แต่ทุกครั้งที่ท่านเห็นหน้าเราสองคนพี่น้องก็มีแต่รอยยิ้มมอบให้พวกเรามาตลอด ไม่เคยบ่นว่าเหนื่อยให้ฉันกับพี่ปั้นได้ยินเลยสักครั้ง “ข้าวมีอะไรจะบอกแม่ด้วยค่ะ” ฉันเอ่ยพร้อมกับเดินเข้าไปกอดท่านอย่างอ้อนๆ จากทางด้านหลัง “ข้าวได้ที่ฝึกงานแล้วนะคะ” ฉันเอ่ยบอกกับท่าน “แม่ดีใจด้วยจ้ะ...หนูต้องตั้งใจทำงานนะลูก” แม่ตอบกลับมาด้วยความดีใจก่อนที่มือของท่านจะลูบลงที่หัวของฉันอย่างรักใคร่เอ็นดู พร้อมกับรอยยิ้มของท่านที่ส่งมาให้ฉันด้วยความอ่อนโยน และรอยยิ้มนี้นี่แหละที่ใครๆก็บอกฉันได้มาจากแม่ ฟอดดดดดด! “ค่ะแม่...” ฉันพยักหน้าพร้อมกับรับคำของท่าน ก่อนจะริมฝีปากบางของตัวเองลงที่แก้มของท่านอย่างทะนุถนอม ฉันจะทำให้เต็มที่เลยให้สมกับที่บริษัทเลือกฉัน ก่อนหน้านี้ฉันสมัครไปหลายบริษัท แต่ก็ถูกปฏิเสธหมดเลย จนอาจารย์เรียกฉันไปพบแล้วก็แนะนำ บริษัท ทรี ทรู ทรานสอร์ต ให้ฉันไปลองสมัครดู ตอนแรกฉันก็กลัวว่าจะถูกปฏิเสธกลับมาอีก เพราะว่าเป็นบริษัทขนส่งสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเชียวนะ แต่ว่าตอนนั้นฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้วไง จะได้หรือไม่ และบริษัทจะเล็กหรือใหญ่ฉันก็ต้องลองส่งไปให้หมดอยู่ดี เพราะเวลามันเหลือไม่มากแล้วด้วยสิ ฉันก็เลยยื่นเรื่องไป และผลปรากฏว่าฉันได้จ้าบริษัทรับฉันเข้าฝึกงานเป็นที่เรียบร้อย 19.00 น. หลังจากที่ฉันทานข้าว และก็อาบน้ำเสร็จ ฉันก็มานั่งอ่านหนังสือเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนไปฝึกงานสักหน่อย ฉันต้องพยายามสรุปเนื้อหาที่คิดว่าจะต้องใช้ให้ได้เยอะที่สุด เพราะมีเวลาเพียง 1 อาทิตย์เท่านั้นที่ฉันจะได้เตรียมตัว ~ครืนนนนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนนน~ เสียงโทรศัพท์ของฉันที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงสั่น มันทำให้ฉันละความสนใจจากหนังสือตรงหน้า ไปสนใจปลายสายที่โทรเข้ามาแทน “ฮายยยยย คนที่โทรมาหาฉันจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากพี่ปั้นพี่ชายสุดหล่อของฉันนั้นเอง (สบายดีรึป่าวยัยตัวแสบของพี่...แม่ล่ะเป็นไงบ้าง) เสียงทุ้มจากปลายสายเอ่ยถามฉันเหมือนทุกครั้งที่โทรมา “สบายดีค่ะ...หนูมีไรจะบอกพี่ปั้นด้วยแหละ” (ไปทำอะไรพังมาอีกหละ) “โห่...พี่ปั้นหนูไม่ใช่เด็กซุ่มซามแล้วนะ” ฉันเอ่ยบอกกับปลายสายไปอย่างงอลๆ (พี่ไม่อยากจะเชื่อ 555) พี่ปั้นขำอย่างไม่ไว้หน้าฉันเลย ขำแบบไม่เชื่อฉันจริงๆ อย่างที่เขาพูด นี่ฉันเป็นน้องของเขานะเนี่ย จะบอกว่าจริงๆ แล้วฉันไม่ได้ซุ่มซ่ามนะ แค่ของมันว่างไม่เป็นที่เป็นทางต่างหาก แล้วมันดันเป็นจังหวะที่ฉันเดินไปพอดีต่างหาก “อย่าขำน้อง นิสัยไม่ดี” ฉันตอบกลับพี่ปั้นไปแบบงอลๆ “น้องจะบอกว่าน้องมีที่ฝึกงานแล้วนะ” (จริงหรือหลอก...บริษัทที่โชคร้ายนั้นชื่ออะไรน้อ...?) พี่ชายสุดที่รักของฉันเอ่ยออกมาเสียงใส ฉันรู้นะว่าเขาแอบขำฉันแต่ไม่สนหรอก ฉันจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่แล้วสุดท้ายผลจะเป็นอย่างไรก็ค่อยว่ากันเนอะ “พี่ปั้นอะ…บริษัท ทรี ทรู ทรานสปอร์ต ค่ะ” ฉันเอ่ยตอบพี่ปั้นไป (.........) “พี่ปั้น พี่ปั้นมีอะไรรึป่าว...เงียบไปเลย” ฉันเห็นพี่ปั้นเงียบไปนาน ฉันจึงเอ่ยถามพี่ปั้นออกไป (ป่าวๆ ไม่มีๆ) (…ไอ้ปั้นมาดูนี่หน่อย) เสียงผู้ชายอีกคนดังมาจากปลายสายเอ่ยเรียกพี่ปั้น น้ำเสียงของเขาดูร้อนใจนะสงสัยวันนี้พี่ชายของฉันน่าจะมีงานเข้า เนื่องจากพี่ปั้นทำงานเป็นวิศวกรปิโตรเลียม ซึ่งประจำการอยู่บนแท่นขุดเจาะกลางทะเลอ่าวไทย และวันนี้คงเป็นวันที่พี่ชายฉันรับผิดชอบสแตนบาย 24 ชั่วโมง หมายความว่าพี่ปั้นต้องพร้อมสำหรับเหตุฉุกเฉินที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ ถ้าถูกตามตัวต้องมาทันทีนั่นเอง (ตั้งใจฝึกละ มีอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอดเลยนะ พี่ต้องวางก่อนแค่นี้นะ) พี่ปั้นเอ่ยบอกฉันก่อนที่จะตัดสายไป “ค่ะ” ตึ๊ดดดดด!

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

บำเรอรักขัดดอก

read
2.8K
bc

Secret Love ซ่อนรักคุณหมอมาเฟีย

read
1.4K
bc

เมียแต่งที่คุณไม่เคยต้องการ

read
20.8K
bc

ยั่วรัก หม้ายสาวสายแซ่บ

read
22.6K
bc

พลาดรักนายคาสโนว่า

read
23.2K
bc

พี่สามีอย่ารังแกข้า

read
5.4K
bc

แอบเสียวจนได้ผัว (NC20+)

read
60.2K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook