ตามติด

1879 Words
รถยนต์คันหรูแล่นเข้าไปในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง สองข้างทางมีบ้านลักษณะเหมือนกันตั้งเรียงรายอยู่ ทั้งตามรายทางยังมีสวนหย่อมน้อยใหญ่และต้นไม้มากมายที่โครงการได้ปลูกเอาไว้ เบื้องหน้าคือบ้านหลังสุดท้ายของซอยที่เงียบสงบไร้ผู้คนเดินผ่าน การจราจรที่ติดขัดทำให้การเดินทางทุกอย่างดูล่าช้าไปหมด แม้จะรีบออกจากผับมาตั้งแต่ยังไม่ถึงบ่ายแต่กว่าจะเดินทางมาถึงบ้านก็เป็นเวลาเย็น “บ้านเราอยู่หลังสุดท้ายของซอยก็ดีเหมือนกันนะคะ เงียบดี” เสียงหวานพูดขึ้นเมื่อมองดูบรรยากาศสองข้างทางยามพลบค่ำ “แต่บ้านหลังอื่นที่อยู่ท้ายซอยไม่เห็นเงียบเหมือนบ้านเราเลยนะน้องไอ ซอยอื่นมีเด็ก ๆ ปั้นจักรยานเล่นเต็มไปหมด” เสียงพี่ชายหันมาคุยกับน้องสาวขณะปลดเข็มขัดนิรภัยออกเมื่อขับรถมาถึงบ้านแล้ว “สงสัยคนอื่นกลัวผีล่ะมั้ง น้องไอจำได้ว่าตอนเป็นเด็กมีคนโดนผีหลอกแถวท้ายซอยบ้านเราหลายคนเลย” เสียงหวานว่าพลางหัวเราะคิกคักเมื่อนึกถึงเรื่องเล่าแปลก ๆ ในวัยเด็ก คงมีแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เคยกลัวผีไม่เชื่อเรื่องผีเพราะไม่เคยเห็นผีจริง ๆ สักครั้ง “ปลุกหนูแคทด้วยนะน้องไอ” เสียงแม่ที่ลงจากรถก่อนแล้วชะโงกหน้ามาบอกลูกสาวเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักของลูกสาวยังคงหลับอยู่ “สงสัยเมื่อคืนนอนดึกแล้วเมื่อเช้ารีบตื่นเลยนอนไม่พอ น้องไอบอกหนูแคทขึ้นไปนอนพักเลยนะ เดี๋ยวแม่เก็บของเสร็จแล้วจะออกไปข้างนอกกับพี่คินต่อ” “ค่ะ” ผู้เป็นลูกสาวรับคำก่อนจะหันมาเขย่าตัวเพื่อนรักที่หลับปุ๋ยอยู่ “ยัยแคทถึงบ้านฉันแล้ว” “อืมม~ ถึงแล้วเหรอไวจัง” คนที่หลับอยู่ปรือตาขึ้นมาก่อนจะบิดขี้เกียจแล้วมองออกไปด้านนอก “ฉันง่วงมากเลยแก สงสัยจะนอนไม่พอ” “รู้แล้วน่า แกรีบไปนอนพักซะนะ” “โอเค ถ้ากินมื้อเย็นแล้วแกปลุกฉันด้วยนะ” “เดี๋ยวฉันไปปลุก ว่าแต่แกเดินเข้าห้องนอนถูกปะเนี่ย ลืมตาเดินด้วยนะเดี๋ยวตกบันได” “อือ” ไออุ่นมองตามแผ่นหลังบางของเพื่อนรักเดินขึ้นบันไดไปก่อนจะส่ายหัวไปมาเมื่อเห็นว่าเพื่อนเดินไปลับตาแล้ว ร่างบางเดินเอาของกินที่ถือติดมือจากผับไปเก็บไว้ในครัวก่อนจะเดินออกมาสูดอากาศด้านนอก แสงแดดอ่อน ๆ ยามเย็นกับลายลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านไปมาทำให้ไรขนอ่อนตามท่อนแขนเรียวลุกชัน คงเพราะใกล้ถึงหน้าหนาวแล้วเลยทำให้อากาศเริ่มเย็นขึ้นทั้งที่ปกติแล้วเมืองหลวงของประเทศไทยแทบจะไม่เคยได้สัมผัสกับคำว่าอากาศหนาวเลยสักครั้ง หากจะมีก็คงไม่กี่วันในรอบหนึ่งปี “เอ๋? บ้านหลังนั้นมีคนอยู่ด้วยเหรอ ทำไมวันก่อนเราไม่เห็นใครเลย” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเป็นปมเมื่อเห็นว่าบนหลังคาบ้านหลังฝั่งตรงข้ามมีคนนั่งอยู่ “จำได้ว่าตอนเป็นเด็กมีแต่คนบอกว่าบ้านหลังนั้นมีผีนี่นา ใครย้ายเข้าไปอยู่ก็ต้องรีบย้ายออกกันทุกราย” เสียงหวานพึมพำต่อก่อนจะละสายตาจากหลังคาบ้านฝั่งตรงข้ามหันมามองดูพื้นที่รอบรั้วบ้านของตัวเองต่อ “ว่าแต่เขาขึ้นไปซ่อมหลังคาเหรอ กลัวจะตกลงมาจัง” เสียงหวานพึมพำต่อเมื่อหันกลับไปมองหลังคาบ้านหลังนั้นอีกครั้งแล้วเห็นว่าใครบางคนยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ก่อนย้ายกลับมาที่นี่ผู้เป็นแม่ให้คนสวนและแม่บ้านมาทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วจึงไม่มีอะไรรกหูรกตา ทว่าดวงตาคู่สวยก็ต้องชะงักกึกเมื่อเหลือบไปเห็นศาลเจ้าที่ที่ตั้งอยู่ข้างประตูเล็กใกล้รั้ว “เอ๋? บ้านเรามีศาลเจ้าที่ด้วยเหรอ ไม่เคยสังเกตเลยแฮะ” คนตัวเล็กเดินตรงเข้าไปใกล้ศาลเจ้าที่หลังน้อยก่อนจะเก็บเศษกิ่งไม่ที่ร่วงลงมาออกจากพื้นศาล “ข้างในสะอาดจังเลย แม่บ้านทำความสะอาดให้เหรอ” เสียงหวานพูดต่อ วูบ ~ ทว่าสองมือเรียวที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบรูปปั้นที่ล้มอยู่ด้านในให้ตั้งขึ้นก็ต้องชะงักเมื่อความรู้สึกเย็นวาบราวกับลมพัดปะทะเข้ากับท้ายทอยเต็ม ๆ คนตัวเล็กหันกลับไปมองด้านหลังพลางลูบแขนเรียวเบา ๆ เมื่อจู่ ๆ ก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา วูบ ~ “ใครน่ะ?” เงาดำที่หายวับไปทางต้นไม้ใหญ่ข้างบ้านทำให้คนที่ยืนลูบแขนตัวเองอยู่รีบหันกลับไปมอง ดวงตาคู่สวยจ้องมองต้นไม้ใหญ่ไม่ยอมละสายตาเมื่อเห็นว่ามีเงามืดดำของใครบางคนยืนแอบอยู่ “มาทำสวนเหรอคะ?” “...” ไร้สัญญาณตอบกลับของเจ้าของเงา ร่างเล็กเดินจ้ำอ้าวเข้าไปใกล้อย่างไม่นึกกลัว มือเล็กคว้ากิ่งไม้แห้งขนาดเท่าท่อนแขนที่วางอยู่ข้างศาลติดมือไปด้วย “ถ้าไม่ออกมาน้องไอจะตีจริง ๆ นะ” วูบ ~ เป็นอีกครั้งที่เงาดำวิ่งผ่านด้านหลังทำเอาคนที่จดจ่ออยู่กับต้นไม้เบื้องหน้าต้องหันกลับไปมอง “ยัยไอ! แกไปทำอะไรตรงนั้น!” หากแต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเสียงคนที่ตะโกนลงมาจากบานหน้าต่างชั้นบนก็ทำให้สาวน้อยรีบเงยหน้าขึ้นไปขานรับ “เดี๋ยวฉันขึ้นไป ว่าแต่แกอยู่ตรงนั้นมองลงมาแล้วเห็นคนอื่นอยู่แถวนี้ไหม” คนที่ตะโกนกลับเอ่ยถามเพื่อนรักที่ชะโงกหน้าลงมา “ไม่นะ ว่าแต่แกทำอะไรของแกน่ะ รีบเข้าบ้านได้แล้ว มืดแล้วยุงเยอะ” “โอเค ๆ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” ร่างเล็กบอกเพื่อนก่อนจะโยนกิ่งไม้ทิ้งข้างรั้วแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน วูบ ~ “เกือบตายแล้วไหมล่ะ” น้ำเสียงเย็นยะเยือกของดวงวิญญาณหนึ่งบ่นอุบขณะปรากฎกายขึ้นข้างต้นไม้ใหญ่ ดวงตาคมกริบของวิญญาณผีบ้านผีเรือนมองขึ้นไปบนบานหน้าต่างชั้นบนก่อนจะมองไปยังศาลเจ้าที่หลังน้อยของตัวเองซึ่งตั้งอยู่เหมาะเจาะกันพอดี “หวังว่าคุณผู้อาศัยคงไม่เปิดหน้าต่างออกมารับลมยามดึกจนเผลอเห็นเราเข้าสักวันหรอกนะ เห็นผีแบบนี้จะระวังตัวยังไงวะเนี่ย” หากไม่ใช่เพราะมีใครบางคนมาหาเขาคงไม่ต้องออกมานอกศาลแล้วเจอกับเหตุการณ์หวาดเสียวเมื่อครู่หรอก “มึงบ่นพอหรือยังไอ้สมชาย ถ้าบ่นพอแล้วก็มาพากูเข้าไปในศาลสักที พวกยุงผีมันกัดกูจนเลือดจะหมดตัวอยู่แล้ว” เสียงทุ้มเย็นยะเยือกของดวงวิญญาณแกร่งเอ่ยขึ้นขณะยืนตบยุงอยู่นอกรั้วบ้าน “ครับ ๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละครับ” ดวงวิญญาณหนุ่มรับคำผู้อาวุโสก่อนจะหายวับออกนอกบ้านไป “พวกคนเป็นก็ขยันฆ่ายุงกันจังเลย ตายมาแล้วก็เป็นยุงผีไล่กัดวิญญาณอย่างพวกกูเนี่ย” เสียงทุ้มบ่นอุบพลางฟาดฝ่ามือหนาลงท่อนแขนแกร่งไปด้วย “เชิญท่านเหมันต์เข้ามาในศาลก่อนครับ ผมจะไปเอาน้ำชามาให้” สมชายบอกผู้อาวุโสหลังจากออกไปรับเหมันต์เข้ามาแล้ว ถึงเหมันต์จะเป็นวิญญาณเจ้าที่ที่มีอำนาจมากกว่าวิญญาณลำดับอื่น แต่ก็ใช่ว่าจะใช้อาคมสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าออกที่ไหนตามอำเภอใจได้ ทุกบ้านทุกสถานที่ล้วนมีผู้ดูแล เขาต้องขออนุญาตเจ้าของสถานที่ทุกครั้งก่อนเข้าไปยังพื้นที่นั้น ๆ “แล้วนี่เจ้านายมึงไปไหน” ดวงวิญญาณแกร่งเอ่ยถามบริวารหนุ่มหลังจากเข้ามาในศาลแล้วสัมผัสถึงพลังของเจ้าที่ประจำศาลซึ่งนับถือกันเป็นปู่หลานไม่ได้ “ท่านเพทายไปอยู่บ้านหลังโน้นครับ เดี๋ยวสักพักผมก็จะไปเหมือนกัน ที่นี่ดูทีวีไม่ได้มันน่าเบื่อ” สมชายตอบผู้อาวุโสขณะรินน้ำชาใส่จอกน้อย ๆ ไปด้วย “พวกมึงไปทำอะไรบ้านโน้น เจ้าที่บ้านนั้นเขาฝากบ้านไว้เหรอ” ดวงวิญญาณแกร่งเอ่ยถามเพราะเขาจำได้ว่าเจ้าที่บ้านนั้นไม่ชอบให้ใครเข้าไปวุ่นวายในพื้นที่ของตนนัก “ท่านเหมันต์เอาแต่ทำสมาธิก็เลยไม่รู้สินะครับว่าตัวเองกำลังจะมีหลานสะใภ้เป็นคนน่ะ” “หา? นี่มึงอย่าบอกนะว่าไอ้เพทายกับผู้อาศัยของบ้านหลังนั้น...” “เขาได้กันแล้วครับ รอแค่แต่งงานในโลกคนเป็นทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว” “นี่มันมีเมียเป็นคนทั้งปู่ทั้งหลานเลยเหรอ” เหมันต์เลิกคิ้วขึ้นราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่สมชายเล่าให้ฟัง เพื่อนรักของเขาก็แต่งงานกับคนเป็น นี่หลานของเพื่อนรักก็ยังจะมาแต่งงานกับคนเป็นอีก “งั้นท่านเหมันต์รอแป๊บนึงนะครับ เดี๋ยวผมไปตามท่านเพทายมาให้” สมชายว่าพลางทำท่าจะหายวับออกจากศาลไปแต่ก็ต้องชะงักไว้เมื่อดวงวิญญาณแกร่งร้องปราม “ไม่ต้อง กูไม่ได้มาหาไอ้เพทาย” “อ้าว? แล้วท่านเหมันต์มาหาใครครับ” “กูแค่ตามมาส่งเจ้าของบ้านมึงเฉย ๆ เขาเป็นเจ้าของผับที่กูดูแลอยู่” “อ๋อ ผมเข้าใจแล้ว” บริวารหนุ่มพยักหน้าหงึกหงักเมื่อได้รับคำตอบ วูบ ~ “อ้าวท่านปู่ สวัสดีครับ” ยังไม่ทันที่สองคนจะได้คุยอะไรกันต่อเสียงทุ้มของคนมาใหม่ก็แทรกขึ้น ร่างใหญ่ของเจ้าที่หนุ่มอายุน้องสุดของภพวิญญาณเดินเข้ามาทักทายเจ้าที่อาวุโสกว่าพร้อมรอยยิ้ม “ทำไมปีนี้ท่านปู่ออกจากสมาธิเร็วล่ะครับ ยังไม่ถึงหน้าหนาวเลยนะ” “ออกมาทำธุระนิดหน่อยน่ะ สักพักจะกลับแล้ว” คนถูกถามตอบกลับ “ท่านเหมันต์มาส่งผู้อาศัยของบ้านเราครับ เห็นว่าเป็นเจ้าของผับที่ท่านเหมันต์ดูแลอยู่” เป็นสมชายที่เอ่ยขึ้น “อ๋อ งั้นต่อไปถ้าท่านปู่จะมาหาหลานหรือมาส่งผู้อาศัยของบ้านนี้ก็เข้ามาได้เลยนะครับ หลานจะลงอาคมไว้ต่างหากท่านปู่จะได้เข้าออกตามสบายไม่ต้องให้ใครอนุญาตก่อน” เจ้าที่หนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม “เอ่อ…” เจ้าที่แกร่งกระแอมไอเบา ๆ เมื่อได้ยินแบบนั้นก่อนจะพูดต่อ “ก็คงไม่ได้มาบ่อยนักหรอก ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้” ถึงปากจะพูดไปแบบนั้นแต่ทำไมหัวใจแกร่งมันเต้นโครมครามราวกับกำลังดีใจล่ะ… “ไม่เป็นไรหรอกครับ ทีผับของท่านปู่ ท่านปู่ยังให้หลานเข้าออกได้ตามสบายเลย เรื่องแค่นี้เล็กน้อย” “อืม งั้นก็ตามใจ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD