บทที่ 2
หลังจากเหตุการณ์คืนนั้น กำไลก็ติดต่อเพชรไม่ได้อีกเลย เขาหายไปโดยที่ไม่บอกกล่าวเธอสักคำ เธอได้ยินจากอาจารย์ว่าเพชรโอนเกรดย้ายไปเรียนต่างประเทศ
ส่วนคนที่ทำร้ายเธอก็โดนตำรวจจับติดคุกไปเรียบร้อยเพราะมีหลักฐานภาพวงจรปิดอย่างชัดเจน
จนกระทั่งเธอเรียนจบ วันนี้เป็นวันรับประกาศไปรษณียบัตร ที่บัณฑิตทุกคนต่างตั้งตารอคอยเธอก็เช่นกัน กำไลยืนรอพอกับแม่และน้องชายด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ เธอรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ จนในที่สุดมือถือเธอก็ดังขึ้น
“ใช้คุณกำไลหรือเปล่าคะ”
“ชะ..ใช่ค่ะ”
“คือพี่เป็นกู้ภัยนะคะ ครอบครัวน้องประสบอุบัติเหตุพี่อยากให้น้องมาที่โรงพยาบาลตอนนี้เลยค่ะ”
“คะ..ได้ค่ะ” ช่อดอกไม้ในมือเธอร่วงหล่นพื้น ขาเรียว ๆ ค่อยก้าวไปข้างหน้าช้าๆ และเริ่มเร็วขึ้น
“เสียใจด้วยนะคะ ทั้งสองเสียชีวิตแล้ว”
พยาบาลสาวบอกแก่เธอ เหมือนโลกหยุดหมุน ร่างสวยหูอื้อตาลายทรุดลงนั่งกับพื้นด้วยความรู้สึกที่แตกสลาย
“ส่วนน้องชายคุณนอนพักอยู่ในห้องด้านนั้นนะคะ” พยาบาลสาวพยุงร่างเล็กของเธอขึ้นมาด้วยความสงสารแล้วพาเธอไปส่งที่ห้องน้องชายก่อนจะเดินจากไป
“พี่ครับ..พ่อแม่…ผมเห็นพ่อกับแม่..ฮึก ๆ”
“พี่รู้แล้ว ฮือ ๆ” สองพี่น้องกอดกันร้องไห้อย่างน่าเวทนา
“แล้วเราจะอยู่กันยังครับ”
“อยู่ได้สิ พี่เรียนจบแล้วต่อไปพี่จะส่งนายเรียนเอง”
จนเวลาผ่านไปสองปี ปัจจุบันกำไลเข้ามาทำงานที่บริษัทที่เธอฝึกงานตอนนั้น ซึ่งท่านประธานหญิงและประธานชาย ต่างก็เอ็นดูเธอ เพราะทั้งสองจำได้ว่าเธอเคยเป็นคนรักของเพทายลูกชายคนเดียวของไพลิน ซึ่งแม่ของเพทายแต่งงานใหม่กับประธานชายคนปัจจุบันตั้งแต่ชายหนุ่มยังเด็ก
แต่ชายหนุ่มกลับให้พวกเขาปกปิดเรื่องที่เป็นลูกเอาไว้ด้วย
“นี้ก็ตั้งสองปีแล้วตาเพชรบอกว่าจะกลับอาทิตย์หน้าใช่ไหมคุณ” ภรรยาเอ่ยถามสามี
“อืม..ใช่บอกว่าจะกลับมารับตำแหน่งรองประธาน”
“ดีเลยงั้นให้หนูกำไลมาเป็นเลขาให้ตาเพชรแล้วกัน เธอทำงานที่นี่มาสองปีแล้วมีประสบการณ์อยู่บ้าง” หญิงวัยกลางคนเอ่ยบอกสามี
“ได้..แล้วแต่คุณเลย แต่ทั้งสองไม่ได้มีปัญหาอะไรกันใช่ไหม ที่ตอนนั้นตาเพชรรีบร้อนจะไปเรียนต่อเมืองนอกทันที”
“ไม่นะคะ ถ้ามีตาเพชรก็ต้องพูดออกมาแล้วสิคะ”
“กำไลท่านประธานหญิงเรียกพบนะ” พี่ปัทมาเลขาของคุณไพลินประธานหญิงของบริษัทแห่งนี้
“ได้ค่ะกำไลจะไปเดี๋ยวนี่ค่ะ” พูดจบเธอก็ลุกออกจากโต๊ะเดินขึ้นลิฟต์ไปอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งชั้นนั้นจะเป็นส่วนของห้องผู้บริหาร มีห้องประธานหญิงและประธานชายและอีกห้องที่ยังว่างอยู่ เธอเคยได้ยินมาว่าน่าจะเป็นห้องที่เตรียมเอาไว้สำหรับลูกชายพวกท่านที่เรียนอยู่ต่างประเทศ
กำไลรู้สึกว่าท่านประธานทั้งสองใจดีและเอ็นดูเธอเป็นพิเศษแต่เธอก็ไม่รู้เหตุผลว่าทำไม
“สวัสดีค่ะคุณไพรินทร์ มีอะไรให้กำไลรับใช้คะ” เธอโน้นตัวกล่าวอย่างนอบน้อม
“สวัสดีจ้ะหนูกำไล ได้ยินมาว่าหนูทำงานเก่งฉันเลยอยากจะให้หนูช่วยงานอะไรสักหน่อย”
หญิงสาวรู้สึกดีใจที่เขาเป็นถึงประธานบริษัท แต่เวลาพูดอะไรมักจะให้เกียรติ ลูกน้องเสมอ
“ได้เลยค่ะ กำไลยินดีช่วยงานทุกอย่างที่คุณไพลินสั่งค่ะ”
“อืม…ดีมาก” ไพลินลุกขึ้นมาจากโต๊ะหญิงวัยกลางคนเอื้อมมือมาลูบหัวเธออย่างเอ็นดู
กำไลมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็รู้สึกอบอุ่น เพราะไพลินน่าจะอายุรุ่นเดียวกับแม่ของเธอ
“ลูกชายฉันพึ่งกลับมาจากต่างประเทศ และจะรับตำแหน่งรองประธาน ฉันก็เลยอยากให้เธอมาเป็นเลขาให้เขานะ”
“ได้สิคะ กำไลจะตั้งใจช่วยงานเต็มที่เลยค่ะ” หญิงสาวยิ้มรับและกล่าวอย่างหนักแน่น
เมื่อพูดคุยกันเสร็จแล้วเธอจะต้องมารายงานตัวกับรองประธานคนใหม่ที่อยู่อีกห้องหนึ่ง
ร่างบางยืนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเรียกความมั่นใจ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปภายในห้องสุดหรูโทนสีเข้ม เธอเห็นร่างใหญ่ของชายคนหนึ่งยืนหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง
“สวัสดีค่ะ ดิฉันกำไล กวีนิติ จะมาเป็นเลขาให้คุณค่ะ” เธอพูดออกไปตายังคงจ้องมองที่แผ่นหลังของชายคนนั้น
“แม่ฉันส่งเธอมาเหรอ” เสียงที่คุ้นหูถูกเปล่งออกมาจากชายคนนั้นที่ยังไม่หันหน้ามา
“ชะ..ใช่ค่ะ” เธอเริ่มประหม่าเล็กน้อย
“ฉันรู้แล้ว..ออกไป” ร่างใหญ่หันหน้ากลับมา ทำให้เธอมองเห็นใบหน้าของเขาได้ถนัดและชัดเจน
“เพชร…เพชรจริง ๆ ด้วย” กำไลเอ่ยอย่างดีใจเธอวิ่งไปกอดเขาอย่างลืมตัว
“เอามือสกปรกของเธอออกไป แล้วอย่ามาเรียกฉันว่าเพชรอีก เราไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้น” ฝ่ามือใหญ่ดันร่างสวยให้ออกห่าง
“ทำไม..ทำไม” หญิงสาวงงกับคำพูดของเขา
“ออกไปได้แล้วฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ”
กำไลยังคงมองเขาอย่างครุ่นคิด ทำไมเขาถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้
“ค่ะ” เธอรับคำแล้วออกมาจากห้องนั่งที่โต๊ะทำงานหน้าห้องเขาอีกที
“ยังจะมาแกล้งทำเป็นใสซื่อ ฉันรู้ธาตุของเธอหมดแล้ว” ชายหนุ่มพึมพำคนเดียวหลังเธอเดินออกไป
‘นั้นเพชรจริง ๆ ทำไมฉันจะจำเขาไม่ได้ ทำไมเพชรถึงกลายมาเป็นลูกชายของท่านประธาน ไม่ซิเขาคงเป็นลูกชายอยู่แล้ว แต่ฉันแค่ไม่รู้เอง ฐานะตอนนี้ก็ต่างกันลิบลับ ที่เขาหายไปตอนนั้นคงจะอยากเลิกคบกับฉัน' หญิงสาวคิดคนเดียวในใจ
“.....” เธอนั่งถอนลมหายใจอย่างคิดไม่ตก
'ตอนนี้เขาก็เป็นเจ้านายฉันแล้ว ฉันก็จะสนใจเฉพาะเรื่องงานเท่านั้น'
ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลิน จู่ ๆ ชายหนุ่มก็เปิดประตูออกมา วางแฟ้มเอกสารลงตรงเบื้องหน้าเธอ
“ช่วยสรุปแผนงานย้อนหลังของปีที่แล้วให้ผมด้วย ผมอยากศึกษาก่อน”
“ได้ค่ะ” เธอรับเอกสารมาก้มหน้ารับคำ ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเขา
“แล้วก็พรุ่งนี้ ไปโรงงานผลิตกับผม ผมอย่างเรียนรู้งานตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต”
“ได้ค่ะ”
ปัง! พูดจบชายหนุ่มก็ปิดประตูกลับเข้าห้องไป
กำไลรีบทำงานตามที่เข้าสั่งจนเสร็จแล้วนำไปส่งให้แก่เขาก่อนเวลาเลิกงาน
“เรียบร้อยค่ะ กำไลสรุปออกมาสั้น ๆ ทำเป็นกราฟให้ดูง่าย ๆ แล้ว”
ชายหนุ่มหยิบแฟ้มมาปิดดูอย่างละเอียดที่ละแผ่น และสังเกตได้ว่าหญิงสาวค่อยเอาแต่มองนาฬิกา
“เธอจะรีบไปไหน” เขาเอ่ยถามเสียงดุ
“คือ..ทำงานพาร์ทไทม์อีกที่ค่ะ”
“งานพาร์ทไทม์” เขาทวนซ้ำไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องทำงานพาร์ทไทม์ด้วย
“ใช่ค่ะงานพาร์ทไทม์” เธอเอ่ยบอกเขาเสียงเรียบ
“แล้วทำไมถึงต้องทำ” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“คือ…เหตุผลส่วนตัวค่ะ” เธอไม่อยากบอกเขา เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องรับรู้
“ขอตัวก่อนนะคะเลิกงานพอดี” พูดจบเธอก็เดินจากไป
เพทายรู้สึกสงสัยอย่างมากจึงได้เรียกปัทมา เลขาของแม่เขามาถาม
“คนที่คุณแม่ส่งมา ทำไมเธอถึงต้องทำงานพาร์ทไทม์”
“อ๋อ กำไลต้องเลี้ยงดูน้องชายด้วยนะ น้องชายเธอพึงจะเข้ามหาวิทยาลัย พี่สาวคนเดียวอย่างเธอเลยเหนื่อยหน่อย”
“แล้วพ่อแม่ของเธอล่ะครับ”
“เสียหมดแล้วค่ะ เกิดอุบัติเหตุวันที่เธอรับใบปริญญา ชีวิตน่าสงสารมากเลยนะคะ และตอนที่เธอฝึกงานที่นี่ก็เคยถูก..”
“พอแล้วครับผมอย่างรู้แค่นี้”
“ค่ะ”
เพทายกลับออกมาจากบริษัทก็ดึกมาแล้ว ระหว่างทางเขาเห็นเลขาสาวนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมย์คนเดียว
“ห้าทุ่มกว่าทำไมยังไม่กลับบ้านอีก” ชายหนุ่มขับเลยมานิดหน่อยและชะลอรถแล้วจอดเทียบท่าแอบมองเธอผ่านกระจกข้าง
เขามองเธอได้เพียงแต่แว๊บเดี๋ยว เหมือนเธอจะมีสายเข้า กำไลรับโทรศัพท์และท่าทางเธอเหมือนตกใจ ชายหนุ่มแอบมองจนเธอว่างสายแล้วลุกขึ้นยืนกระวนกระวาย ทำให้ร่างใหญ่ในรถถึงกับขยับตัวแล้วเพ่งมองเธอ
หญิงสาวพยายามมองหาแท็กซี่ที่เผื่อจะมีวิ่งผ่านแต่ตอนนี้ดึกมากแล้วคงจะยากสักหน่อย เธอเลยตัดสินใจวิ่งเอา
เพทายเห็นเธอวิ่งหน้าตาตื่นจึงได้ขับรถตามก่อนจะเปิดกระจกถาม
“กำไลเธอจะรีบไปไหน”
“เพชร..คุณเพทาย” หญิงสาวหายใจหอบแต่ก็ดีใจที่ยังเจอเขาเวลานี้
“โรงพยาบาล เธอจะไปทำอะไร”
“คือ..คือน้องชายกำไลอยู่ที่นั่นค่ะ มีเจ้าหน้าที่โทรมาบอก” เธอตอบน้ำเสียงสั่น
“ใจเย็น ๆ ใกล้แค่นี้เดี๋ยวฉันขับรถไปส่ง”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหญิงสาวขอบคุณเขา แล้ววิ่งเข้าไปทันทีแต่เพทายก็ยังคงเดินตามเธอเข้าไป
หน้าห้องฉุกเฉินกำไลยืนเกาะประตูอยู่ และยังมีตำรวจมีสองนายยืนอยู่ด้วย
“คุณเป็นพี่สาวนายชานนท์ใช่ไหมครับ” ตำรวจนายหนึ่งเอ่ยถามเธอ
“ใช่ค่ะ ชานนท์เป็นน้องชายฉันเอง”
“คือผู้ต้องหา”
“ผู้..ผู้ต้องหา” เธอตกใจจนน้ำเสียงสั่น ซึ่งเพทายก็มาถึงพอดี
“ใช่ครับผู้ต้องหา ได้เสพยาจนประสาทหลอนและทำร้ายร่างกายเพื่อนจนบาดเจ็บส่วนตัวผู้ต้องหาก็บาดเจ็บด้วยเหมือนกัน
“อะ..อะไรนะเสพยา..ทำร้ายร่างกายทำไม ทำไมนนท์กลายเป็นแบบนี้ไปได้” หลายเรื่องราวเข้ามากระทบจนเธอตั้งรับไม่ทัน ร่างเล็กทรุดลงไปกองอยู่กับพื้นอยากหมดแรง
“คุณ..คุณครับ คือทางตำรวจต้องเอาตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีทางกฎหมาย แต่ตอนนี้เขาจะเป็นผู้ป่วยทางเราอย่างให้คุณทำเครื่องประกันตัว และส่งผู้ป่วยเข้ารับการบำบัดรักษาให้หายดีก่อนแล้วค่อยรับโทษจากนั่นยังมีโอกาสได้เริ่มชีวิตใหม่ได้”
“ประกันตัว..เท่าไรค่ะ”
“หนึ่งแสนครับ และยังมีค่าทำขวัญคู่กรณีอีกสามแสน”
พอได้ฟังจำนวนเงินร่างบางก็ใจสลายเข้าไปอีก เงินจำนวนเยอะขนาดนี้เธอจะไปหามาจากไหน
“ได้ครับเงินไม่ใช้ปัญหา จัดการตามที่คุณตำรวจบอกเลย” จู่ ๆ เพทายก็พูดแทรกขึ้นมา และก้มไปจับต้นแขนของเธอดึงให้ยืนขึ้น
“คุณ..เงินตั้งสี่แสน”
“ผมไม่ได้ให้คุณฟรี ๆ คุณต้องมาทำงานแลก”
'เงินตั้งสี่แสน ฉันจะต้องทำงานชดใช้กี่ปีถึงจะหมด' เธอคิดในใจและมองชายหนุ่มผ่านม่านน้ำตา ถึงเขาจะดูเปลี่ยนไปแต่เขาก็ยังคงมีน้ำใจกับเธอ
“ได้ค่ะ กำไลจะทำงานชดใช้ให้คุณนะคะ”
ชายหนุ่มใบหน้าเรียบเฉยเขากำลังมีแผนบางอย่างในใจ มองดูร่างบางที่เดินไปมาด้วยความกระสับกระส่าย
โดยที่เธอไม่รู้เลยสักสักนิดว่าเพชรเด็กหนุ่มคนนั้น ได้หายจากเธอไปตั้งแต่วันนี้วันที่เธอหักหลังเขา วันที่เธอบอกว่าไม่ได้ชอบเขา เหลือเพียงแต่ซาตานร้ายในร่างเขาเท่านั้น
“หึ..เธอเลือกจะลงนรกเองนะเตรียมตัวไว้ให้ดี”