หลายวันต่อมา
ฉันคือ ‘เกรซ’ ผู้หญิงที่ทั้งสวย รวย แซ่บ และมั่นใจในตัวเองสูงปรี๊ด
ฉันไม่เคยแคร์สายตาของคนอื่นที่มองมาที่ตัวเอง เพราะฉันถือว่าการที่พวกเขามองมาที่ฉันนั้นเป็นเพราะว่าฉันดูสวยเด่นจนสะดุดตา จึงทำให้พวกเขามองมาที่ฉัน
“อีเกรซ ผู้บ่าวโต๊ะนู้นมองมึงว่ะ” วินนี่ขยับเข้ามากระซิบบอกฉัน ฉันจึงชายตาไปมองตามสายตาของวินนี่ และเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังมองมาที่ฉันอย่างไม่วางตาอยู่
มุมปากของฉันจึงกระตุกเบา ๆ มันเป็นธรรมดาค่ะที่คนจะมองฉัน ฉันชินแล้ว
ตอนนี้ฉันมานั่งดื่มกาแฟชิลล์ ๆ อยู่ที่คาเฟ่แถวมหา’ ลัยกับเดอะแก๊งของฉันค่ะ และฉันก็เห็นอยู่เหมือนกันว่าผู้ชายคนนั้นแอบมองฉันมาตั้งนานแล้ว รู้สึกจะมองตั้งแต่ฉันเดินเข้ามาในร้านเลยมั้ง แต่ฉันแค่ทำเป็นไม่สนใจเท่านั้น
“ขอโทษนะครับ ผมขอไลน์คุณได้ไหม?”
วินนี่ที่กำลังกระซิบบอกฉันไม่ทันขาดคำ จู่ ๆ ผู้ชายคนนั้นก็ลุกพรวดและเดินเข้ามาขอไลน์ฉันแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ฉันจึงยิ้มแหยให้เขาก่อนจะตอบไปว่า “ขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่าฉันมีแฟนแล้ว”
“อ้อ งั้นไม่เป็นไรครับ” เขาทำหน้าจ๋อยคล้ายเสียดายมาก ก่อนจะเดินคอตกกลับไปที่โต๊ะของเขา
“ซื่อสัตย์จังเลยนะคะชะนี!” วินนี่หันมาพูดแซะให้ฉันคล้ายหมั่นไส้ให้กัน
“คนไม่มีใครเอา มีสิทธิ์แซะคนอื่นด้วยเหรอคะ!?” ฉันจีบปากจีบคอพูดเสียงน่าหมั่นไส้สวนกลับนังกะเทยนนี่ไป
“อ๊ายยยยอีเกรซ!!” วินนี่ถลึงตาและกรีดร้องออกมาแบบไม่ได้ดังมาก
“ผีเข้าเหรอคะ!?” ฉันแสยะยิ้มมุมปากอย่างสะใจ การเห็นนังวินนี่ดีดดิ้นเหมือนหมาโดนน้ำร้อนคือความสุขของฉันอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ หึ ๆ
“มึงจำไว้เลยนะ กูมีผัวเมื่อไหร่จะควงมาขิงมึงเช้าเย็นเลย!” วินนี่ทำหน้างอง้ำใส่ฉัน
“จะมีวันนั้นไหมน้าาา”
“ชิ!” วินนี่สะบัดหน้าพรืดใส่ฉันแล้วหันไปทางอื่นอย่างแรง จนฉันล่ะกลัวคอของมันจะเคล็ดแทน
“อ๊ายยยย!! ว่าที่ผัวกูกำลังเดินมาทางนี้ว่ะพวกมึง!!” อยู่ ๆ อีกะเทยวินนี่ที่สงครามประสาทสงบกับฉันไปได้หลายนาทีก็กรี๊ดกร๊าดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น จนทำให้คนในร้านถึงกับแตกตื่นตามมันและต่างมองตามสายตาของมันไปที่ผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเปิดประตูและเดินเข้ามาในร้าน
“อ๊ายยยยย โคตรหล่อ!”
“ตาย ๆๆ เก็บศพกูที!”
“ติณของช้านนนน!”
เสียงกรี๊ดกร๊าดของทั้งหญิงแท้และหญิงเทียมในร้านดังระงมขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้ชายที่เดินเข้ามาในร้านคือ ‘ติณ’ ผู้ชายหน้าหล่อร้ายที่ฉันเผลอไปมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนด้วย และก็เป็นคนเดียวกับที่พรากความบริสุทธิ์ของฉันไปโดยที่ฉันไม่ได้เต็มใจ
หลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาเกือบราวหนึ่งสัปดาห์ได้แล้วค่ะ แต่ฉันก็ยังจำเรื่องที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนั้นได้แบบไม่ลืม หรือจะเรียกว่ามันฝังใจฉันเลยก็ได้ ฉันไม่สามารถลบมันออกไปจากสมองได้จริง ๆ เพราะมันเอาแต่วนเวียนไปมาในโสตประสาทของฉันไม่หยุด
พอมองเขาในตอนกลางวันแบบนี้ฉันยอมรับเลยว่าเขาเป็นผู้ชายที่ออร่าความหล่อพุ่งทะลุทะลวงมาแต่ไกลเลย แต่ทว่าออร่าความเลวและความโหดที่แผ่ออกมาก็ไม่น้อยหน้าความหล่อด้วยเช่นกัน
“ผู้ชายคนนี้ชื่อติณเหรอวินนี่?” มะนาวเอ่ยถามวินนี่ขึ้นด้วยสีหน้าสนอกสนใจ
“เออสิยะ นี่แกไม่รู้จักเหรอฮะยัยมะนาว?” วินนี่ถามมะนาวกลับอย่างแปลกใจ
“ไม่รู้จักอ่ะ แต่เหมือนเคยได้ยินคนพูดถึงชื่อเขากันเยอะเลย” มะนาวยิ้มอย่างเขินอาย สร้างความประหลาดใจให้ฉันไม่น้อย เพราะปกติมะนาวเป็นคนที่ดูไม่ค่อยให้ความสนใจผู้ชายคนไหนเลยสักคน แต่ทำไมจู่ ๆ มันถึงได้ดูสนใจนายนี่ขึ้นมาได้นะ
“มึงชอบนายนั่นเหรอมะนาว?” ฉันถามออกไปตรง ๆ เพราะเป็นคนประเภทที่อยากรู้อะไรก็จะถามไปเลย ไม่เก็บเอาไว้ให้ค้างคาในใจ
“บะ..บ้าน่า ฉันจะไปชอบเขาได้ไงกัน” มะนาวโบกมือปัดปฏิเสธไปมา แต่พวงแก้มนี่ขึ้นสีแดงระเรื่อแบบชัดเจน
“ไม่ได้ค่ะ ๆ มึงจะชอบติณว่าที่ผัวของกูไม่ได้อีมะนาว!!” วินนี่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแล้วจ้องมะนาวตาเขม็ง
“มึงถามเขาหรือยังว่าอยากเอามึงเป็นเมียหรือเปล่า!?” ปลาวาฬพูดขัดขึ้นด้วยใบหน้าเอือมระอาปนหมั่นไส้
“เขาอาจจะอยากได้กูก็ได้นะใครจะไปรู้!” วินนี่เชิดหน้าขึ้นอย่างมั่นหน้ามั่นโหนก ทำเอาฉันถึงกับเบ้ปากกลอกตามองบนอย่างอัตโนมัติ
“มโนมั่นหน้ามั่นโหนกเกินไปป่ะคะ!” ปลาวาฬที่ได้ยินและเห็นท่าทางของอีวินนี่อย่างนั้นก็ส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอาขั้นสุด
“อีปลาวาฬ!” วินนี่มองแรงใส่ปลาวาฬที่ก่อนหน้านี้ไม่มีท่าทีสนใจพวกฉันเลย เอาแต่ก้มหน้าก้มตาร่างแบบชุดเพื่อส่งอาจารย์
“ทำไมคะอีกะเทยเผือก!” ปลาวาฬเหล่ตามองแรงใส่อีวินนี่
แต่จะว่าไปคำที่มันด่าวินนี่ก็แรงอยู่น้าา แอบถูกใจเบา ๆ
“อ๊ายยยยขุ่นแม่ขา อีปลาวาฬมันว่าหนูค่ะ!” วินนี่กรีดร้องพลางเต้นเร่า ๆ ก่อนจะหันมาเกาะแขนฟ้องฉัน
“ใครแม่มึงคะ?” ฉันถามย้อนกลับไปแบบกวน ๆ ทำเอาวินนี่ถึงกับเบะปากและทำหน้างอใส่
“เออออ รุมกูจังเลยอีพวกชะนีหน้าวอก!” ด่าพวกฉันเสร็จก็หันไปมองติณที่กำลังยืนสั่งน้ำอยู่ตรงเคาน์เตอร์ด้วยสายตาเคลิบเคลิ้มและหวานหยาดเยิ้ม
ฉันปรายตามองไปที่นายนั่นตามอีกะเทยวินนี่ด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก แต่จู่ ๆ เขาก็ดันหันมามองทางฉันพอดี และฉันก็เผลอสบตาเขาไปอย่างจังแบบที่ไม่ทันตั้งตัว
เราสองคนสบตากันอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่ฉันจะเป็นฝ่ายเบือนหน้าหลบตาเขาก่อน
ฉันควรที่จะลืมเหตุการณ์ในวันนั้นไปให้หมดแต่กลับจำมันได้ฝังใจซะงั้น มันน่าหงุดหงิดจริง ๆ ฉันคิดว่าเรื่องวันนั้นจะต้องจบ ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป โดยที่ฉันไม่คิดว่าเราสองคนจะมีโอกาสได้กลับมาเจอกันอีกครั้งเลยด้วยซ้ำ
“ติณมองมาทางนี้ว่ะ ๆ” วินนี่ตีแขนฉันรัว ๆ อย่างเขินอาย โดยที่เรี่ยวแรงของเพศสภาพเป็นผู้ชายมันไม่ใช่น้อย ๆ เลย ความเจ็บทำให้ฉันอดกลั้นไม่ไหว
“อีวินกูเจ็บ!!” ฉันหันไปตวาดใส่วินนี่เสียงดัง จนมันสะดุ้งจนตัวโยน และมันก็หันมามองฉันอย่างอึ้ง ๆ ด้วยสีหน้าเหลอหลา
“กะ..กูขอโทษ” วินนี่ทำหน้ารู้สึกผิดพลางประนมมือไหว้ขอโทษขอโพยฉันแบบยกใหญ่ แต่ฉันไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรมันหรอก แค่รู้สึกไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่
“เออ ช่างมันเถอะ กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ฉันพูดบอกเพื่อน ๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินตรงมาทางเข้าห้องน้ำ
ฉันเดินเข้ามาในห้องน้ำของคาเฟ่ ซึ่งห้องน้ำที่นี่เป็นห้องน้ำกว้างแบบรวมที่มีการแบ่งเป็นโซนชายหญิงชัดเจนอีกทีค่ะ
ฉันกำลังจะเปิดประตูเข้าไปในโซนห้องน้ำหญิง แต่ทว่าจู่ ๆ ก็มีมือปริศนามาดึงฉันให้หันไปเผชิญหน้ากับเจ้าของมือ
หมับ!
“ไง” เขาทักทายฉันด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น พาให้หัวใจของฉันกระตุกวูบ และพอฉันได้เห็นใบหน้าของเขาก็ถึงกับรู้สึกหงุดหงิดใจและโมโหอย่างทันที
เขากระชากประตูห้องน้ำโซนผู้หญิงเปิดออก แล้วดันตัวฉันให้เข้ามาในห้องน้ำห้องหนึ่ง ก่อนจะปิดประตูและกดล็อกกลอนทันที
“ทำอะไร!? ปล่อยนะ!”
ฉันพยายามดึงมือออกจากการจับกุมของเขา หากแต่เขากลับดึงฉันเข้าไปกอดเอวไว้แน่น จากนั้นก็มองจ้องฉันแบบตาเขม็ง
พื้นที่ในห้องน้ำก็ว่าน้อยจนน่าอึดอัดแล้ว เขาจะดึงฉันเข้าไปกอดอีกทำไมฮะ!? รู้ไหมว่าฉันขี้ร้อนและขี้หงุดหงิดมากแค่ไหน!
ว่าแต่นี่เขาตามฉันมาใช่ไหมเนี่ย เป็นบ้าไปแล้วเหรอ!?
“ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“ไม่เจอกันนานอะไร เราไม่จำเป็นต้องเจอกันอีกเลยด้วยซ้ำ!”
“ทำไม...ไม่ชอบ? หรือ รังเกียจ?”
“ทั้งสองอย่าง!!” ฉันพยายามผลักเขาออก แต่กลับไม่เป็นผลเพราะเขากอดรัดเอวฉันให้แน่นมากขึ้น
“ปล่อยสิ เดี๋ยวก็มีคนมาได้ยินหรอก!”
เราคุยกันด้วยเสียงที่ไม่ดังมากนัก เพราะกลัวว่าคนอื่นจะเข้ามาได้ยิน
“หึ ๆ กลัว?” เขาหัวเราะในลำคอเบา ๆ คล้ายชอบใจ ก่อนจะเอียงคอถามเสียงหยอกเย้า ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดใจให้ฉันมากขึ้นไปอีก
“ใช่ ฉันกลัว!” ฉันกัดฟันกรอดและมองจ้องเขาไปอย่างไม่พอใจ แล้วก็ดีดดิ้นไปมาขยุกขยิกอยู่ในอ้อมกอดของเขาเพื่อให้เขายอมปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ
“ไม่เห็นต้องกลัว ไม่มีใครได้ยินหรอก”
“จิ๊! นายจะมายุ่งกับฉันทำไมฮะ จบกันแล้วก็จบกันไปสิ!” ฉันจ้องหน้าเขาเขม็งพลางชักสีหน้าไม่พอใจใส่
“ตอนแรกฉันก็กะว่าจะลืมเธอ แต่พอเห็นหน้าเธออีกครั้งในวันนี้ ก็นึกถึง...เลือดบริสุทธิ์ในวันนั้นขึ้นมา” เขาพูดพลางแสยะยิ้มอย่างร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ใส่
“เพ้อเจ้อ!” ฉันกดเสียงต่ำพร้อมแยกเขี้ยวใส่เขา แต่เขากลับยกยิ้มมุมปากและขำในลำคอเบา ๆ ไม่ได้ดูสะทกสะท้านอะไรเลย
“หึ”
“ปล่อยสิ ฉันร้อน!”
“ฉันจะปล่อยเธอ ถ้าเธอตอบตกลงว่าเย็นนี้เธอจะไปหาฉัน”
“ไปหานาย ไปหาทำไมไม่ทราบ!?”
เป็นบ้าอะไรมาบอกให้ฉันไปหา!
“อย่าถาม!”
“อะไรของนาย!”
ให้ไปหาแต่ไม่บอกว่าให้ไปหาทำไมเนี่ยนะ!
เขามันบ้าที่สุด!
“ถ้าเธอไม่ตอบตกลง...” เขาทำสีหน้ากรุ้มกริ่มและเจ้าเล่ห์มีเลศนัยใส่ “ฉันก็จะไม่ปล่อยให้เธอออกไป และฉันก็จะจับเธอกระแทกในห้องน้ำนี่”
“นายเป็นประสาทไปแล้วเหรอฮะ!”
“ใช่ ฉันเป็นประสาทเพราะเธอ!”
“จะเป็นเพราะฉันได้ไง!”
เหตุผลควาย ๆ มาก ฉันเกี่ยวอะไรด้วยก็ไม่รู้
“เพราะตั้งแต่วันนั้น...ฉันก็เอาแต่คิดถึงตอนที่เอากับเธอ”
“......”
What!!!!!!?