เพียงใจแสนรัก 1
เพียงใจแสนรัก 1
4 ปีก่อนหน้า...
บรรยากาศภายในโรงเรียนมัธยมมีเสียงเจื้อยแจ้วของนักเรียนดังอยู่แทบทุกมุมที่มีจุดนั่งพัก ร่างเล็กสวมชุดนักเรียนมัธยมต้น เดินไปตามทางเดินเหมือนดังวันก่อน เพราะนี่เป็นเวลาเลิกเรียน หญิงสาวถึงได้เตรียมกลับบ้านพร้อมกับพี่ชายเพียงคนเดียวดังเช่นทุกวัน เท้าเล็กก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง จวบจนถึงม้านั่งหินอ่อนที่อยู่ไกลจากผู้คนทั้งยังเป็นจุดที่เธอมักจะมานั่งรอพี่ชายเป็นประจำ มือเล็กหยิบการบ้านขึ้นมานั่งทำรอคนเป็นพี่ชายที่ตอนนี้ยังวิ่งวนไปมาในสนามฟุตบอลขนาดใหญ่กับกลุ่มเพื่อนของเจ้าตัว เสียงกรี๊ด เสียงร้องเชียร์ดังขึ้นจากหลายมุมเมื่อมีนักเรียนสาว ๆ นั่งให้กำลังใจหนุ่มนักบอล
ในบางจังหวะเธอเองก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังสนาม และทุกครั้งที่มองสายตาของเธอก็มักจะมองไปยังหนุ่มเสื้อเบอร์เจ็ดที่คุ้นหน้าค่าตากันเป็นอย่างดี แต่นั่นไม่ใช่พี่ชายของเธอ หนุ่มเบอร์เจ็ดคือเพื่อนของพี่ชายและบ้านของพวกเรายังอยู่ใกล้กัน เรียกได้ว่ารั้วไร่ติดกันเลยก็ว่าได้
มองไม่นานก็ก้มหน้าทำการบ้านต่อ เธอตั้งใจว่ากลับถึงบ้านแล้วจะไปเล่นที่สวนกับคุณปู่ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องรีบทำการบ้านที่มีในวันนี้ให้เสร็จก่อนกลับบ้าน
“เด็ก! รอนานไหม?” เสียงพี่ชายอย่าง เพียงคิดคะนึง หรือ เพียง พี่ชายเพียงคนเดียวของเธอดังขึ้นพร้อมกับเสียงเหนื่อยหอบ
“นานมาก นานจนหนูทำการบ้านเสร็จแล้วเนี่ย” เจ้าของเสียงหวานเอ่ยบอกพี่ชายทั้งยังทำหน้างอแงจนคนเป็นพี่หลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ ต่างรู้ดีว่าน้องสาวอย่าง เพียงใจฤดี หรือ ฤดี ไม่ได้โกรธหรือหงุดหงิดอย่างที่คิด
“ขอโทษ เล่นเพลินไปหน่อย เดี๋ยวเลี้ยงน้ำปั่น กลับบ้านกันเถอะ” เพียงคิดคะนึงเอ่ยชวนน้องสาวทั้งยังยื่นมือไปช่วยถือกระเป๋านักเรียนที่บางทีเขาก็สงสัยว่าน้องสาวตัวเล็กนั้นแบกอะไรมาเรียนบ้าง สะพายทีไหล่ก็จะหักที น้องเขาก็ตัวเล็กแค่นั้น ให้สะพายเองไม่ได้หรอกเดี๋ยวเตี้ยกว่าเดิมจะยุ่งเอา
“อยากกินร้านพี่คนสวย” คนขาสั้นรีบจ้ำอ้าวตามคนเป็นพี่ชายทั้งยังร้องขอร้านที่อยากจะกิน
“ได้” คนเป็นพี่ชายเองก็ชอบตามใจน้องสาว
“อ้าวมึง จะกลับแล้วเหรอ?” กระทั่งมีเสียงหนึ่งดังขึ้น เท้าเล็กชะลอให้ช้าลง รวมถึงเพียงคิดคะนึงที่หยุดเท้ายามได้ยินเสียงทักทายจากเพื่อนสนิทตัวเอง
“เออ จะกลับแล้ว มึงล่ะ?”
“จะกลับเหมือนกัน เดี๋ยวไปส่งแก้วก่อน” เจ้าของประโยคพยักพเยิดหน้าให้เห็นผู้หญิงตัวเล็กตาโตที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยท่าทีเหนียมอายยามถูกเอ่ยถึง
“แค่ส่งนะเว้ย” เพียงคิดคะนึงเอ่ยแซว เพราะรู้จักดีว่าเพื่อนตัวเองเป็นยังไง แต่ที่รู้ดีอีกอย่างคือแฟนของเพื่อนที่ยืนอยู่ตรงนั้น วีรกรรมของผู้หญิงคนนั้นเขารู้ดีเลย เพื่อนในกลุ่มคนอื่นรู้ ยกเว้นแฟนผู้หญิงคนนั้นอย่างเพื่อนเขาที่ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง เคยเตือนก็ทะเลาะกันนั่นจึงทำให้เพียงคิดคะนึงไม่คิดที่จะเข้าไปยุ่งกับความสัมพันธ์ของใคร ตราบใดที่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ล้ำเส้นเขาเข้ามา
“อันนี้ก็ไม่รู้นะ แล้วแต่เขา”
“เออ แล้วแต่เถอะ” คนตัวสูงไม่อยากถามมากจึงบอกปัด ก่อนจะเดินนำน้องสาวไปยังรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่เป็นยานพาหนะของตัวเขาและเธอ
“ทำไมพี่ชอบเอาคันนี้มาใช้อะ หนูขาสั้นปีนขึ้นยากเนี่ย” คนตัวเล็กบ่นเสียงงอแง ใช้มือข้างหนึ่งจับไหล่คนเป็นพี่ชายไว้ พลางใช้เท้าเหยียบที่เหยียบข้างรถมอเตอร์ไซค์
“ขาสั้น”
“แหม พ่อหนุ่มขายาว ขายาวเหลือเกิน” หญิงสาวอดที่จะประชดพี่ชายไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะครั้งไหนพี่ชายของเธอก็มักจะช่วยจัดท่านั่งให้ทุกครั้งเวลาต้องขึ้นรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่แบบนี้ ถึงแม้จะอายุครบสิบแปดปีแล้วและมีใบขับขี่รถยนต์แต่พี่ชายของเธอกลับชอบที่จะพานั่งรถมอเตอร์ไซค์แทนรถยนต์ หากไม่ใช่เข้าตัวจังหวัดเขาจะไม่ใช้รถยนต์เลย ลำบากน้องสาวอย่างเธอต้องนั่งตากแดดตัวดำไปพร้อมกับคนเป็นพี่ชาย