หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป
"คุณลุงคะตื่นมาทานอาหารเช้าได้แล้วค่ะ ทำไมวันนี้นอนขี้เซาจังเลยล่ะคะ... คุ คุณลุง! กรี้ด" มีนนารากรีดร้องออกมาลั่นบ้านเมื่อเจ้าสัวยุทธนาไม่ไหวติง จากนั้นทุกคนขึ้นมาดูก็พบว่าท่านเจ้าสัวยุทธนาได้จากโลกนี้ไปแล้ว
"เธอเอาอะไรให้พ่อฉันกิน!" นราวิชญ์จับข้อมือของมีนนาราขึ้นมาบีบเอาไว้แน่นแววตาจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอตรงนั้นเสียให้ได้
"ฉะ ฉันเปล่านะคะ เมื่อเช้ามาเรียกท่านก็ไม่ตอบสนองแล้ว เมื่อคืนแรงท่านยังดีอยู่เลย" มีนนาราเอ่ยขึ้นด้วยความใสซื่อ เพราะเมื่อคืนเธอยังให้เจ้าสัวเตะเท้าดูก็รู้ว่าแรงของท่านยังดีอยู่แต่นราวิชญ์กลับคิดไปเป็นอย่างอื่น
"แรงดี เธอให้พ่อฉันกินยาโดบอย่างนั้นเหรอ ไม่น่าล่ะ พ่อฉันถึงกับหัวใจวายตายอยู่นี่ไง"
"มะ ไม่ใช่นะคะ" แม้จะพยายามปฏิเสธแต่สายตาของคนในบ้านที่จ้องมองเธอก็รับรู้ได้เลยว่าคล้อยตามนราวิชญ์กันไปหมดแล้ว
หญิงสาวจึงทำได้เพียงถอนหายใจออกมาเท่านั้นเพราะรู้ดีว่าอธิบายอะไรไปก็คงไม่มีใครรับฟังอยู่ดี
หลังจากที่เจ้าสัวยุทธนาจากไปอย่างกระทันหัน สามพี่น้องก็อยู่ในอาการซึมและเศร้าอย่างหนัก โดยเฉพาะนราวิชญ์ที่ไม่ยอมพูดคุยกับใครเลยนอกจากน้าพิมพ์แม่บ้านที่เป็นทั้งแม่นมและคนที่คอยดูแลเขามาจนถึงทุกวันนี้
วันเปิดพินัยกรรม
ทุกคนได้รับมรดกอย่างสมเหตุสมผล โดยนรินทิราและน้ำชา ได้บริษัทลูกที่มีสาขาย่อยทั้งสี่ภาคสองคนจึงแบ่งกันอย่างลงตัว
ส่วนนราวิชญ์จะได้เป็นประธานบริษัทแม่ที่เมืองหลวงและ โครงการก่อสร้างของอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดทั่วประเทศแต่มีข้อแม้ว่าเขาจะต้องแต่งงานและจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการกับมีนนาราเท่านั้น
และหากทั้งสองมีทายาทไม่ว่าชายหรือหญิง จะได้หุ้นส่วนในบริษัทลูกที่ต่างประเทศอีกสองเปอร์เซ็นต์ ตามเงื่อนไขที่ทั้งนรินทิราและน้ำชาก็มีสิทธิ์ด้วยเช่นกัน
แต่หากนราวิชญ์ปฏิเสธชายหนุ่มก็ไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินและมรดกของศุภัสสราสวัสดิ์เลยแม้แต่น้อย แต่มีนนารายังคงจะได้รับส่วนแบ่งที่เป็นของชายหนุ่มไปในฐานะภรรยาของท่านเจ้าสัวยุทธนา
"แต่งงาน! นี่คุณพ่อคิดอะไรอยู่ทำไมถึงได้ส่งต่อภรรยามาให้ผมแบบนี้ ไม่เห็นจะยุติธรรมเลย"
"นั่นสิคะ แบบนี้พี่วิชญ์ก็เสียเปรียบยายนี่น่ะสิ" น้ำชาผู้เป็นน้องเป็นเดือดเป็นแค้นแทนพี่ชาย
"แต่พี่เชื่อว่าคุณพ่อต้องมีเหตุผลที่ทำแบบนี้ คุณพ่อเป็นคนฉลาด ท่านต้องคิดก่อนที่จะลงมือทำแน่ๆ วิชญ์ลองคิดดูให้ดีๆ นะ" นรินทิราเอ่ยขึ่้นอย่างใจเย็น
"ผมไม่อยากแม้กระทั่งจะใช้อากาศหายใจเดียวกันกับยายนี่เลยด้วยซ้ำ คุณพ่อตายไปแล้ว แทนที่จะจบๆ กันไปยังจะยัดเยียดผู้หญิงคนนี้มาให้กับผมอีก คุณทนายก็เห็นชอบด้วยเหรอครับ"
"มันเป็นความต้องการของท่านเจ้าสัวครับคุณนราวิชญ์ผมในฐานะทนายหากไม่ขัดกับข้อกฎหมายผมก็ไม่ค้านหรอกครับ"
"ถ้าผมจะออกไปจากตระกูลศุภัสสราสวัสดิ์ ผมต้องเหลือแต่ตัวโดยที่ไม่มีทรัพย์สินติดตัวไปด้วยเลยอย่างนั้นเหรอครับคุณทนาย"
"ครับ"
"ช่างลำเอียงเสียจริงนะ คุณพ่อเนี่ย ปากก็บอกว่ารักผมนักหนา สุดท้ายก็บังคับให้ผมต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่มีราคีคนนี้อยู่ดี"
"คุณนราวิชญ์ช่วยระวังคำพูดด้วยครับ การที่คุณพูดเช่นนี้ออกมามันเหมือนการดูหมิ่นคุณมีนนารานะครับ"
"ก็ใช่ไงล่ะผมดูหมิ่นผู้หญิงคนนี้ รู้ซะด้วย" นราวิชญ์มองไปยังมีนาราสายตาของเขาบ่งบอกถึงความเครียดแค้นเป็นที่สุด
หญิงสาวรู้ดีว่าเธอไม่อาจอธิบายอะไรได้ในเวลานี้ จึงได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น
ชายหนุ่มไม่รู้จะทำยังไงต่อให้โกรธแค่ไหน ก็ไม่สามารถระบายออกมาได้ เขาจึงหลับตาสูดลมหายใจเข้าปอดและเดินออกจากสถานการณ์ตรงนั้นไปก่อน
เวลาผ่านไป เกือบชั่วโมงนราวิชญ์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลับเข้ามา ในห้องรับแขกที่มีคุณทนาย และพยานอยู่หลายคนจนมีนนาราต้องลอบถอนหายใจแล้วลุกขึ้นไปตามชายหนุ่มด้วยตัวเอง
"วิชญ์ จดทะเบียนด้วยกันก่อนเถอะค่ะ เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง สมบัติของวิทย์อยู่ตรงที่ลายเซ็นของวิชญ์นะคะ แค่เซ็นทุกอย่างก็เป็นของวิชญ์อยู่แล้ว มีนสัญญาว่ามีนจะไม่เอาอะไรจากวิชญ์ไปเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียวฉะนั้นไปเซ็นรับมรดกเถอะค่ะ" เป็นครั้งแรกที่มีนนาราเปิดปากคุยกับนราวิชญ์ เพราะตั้งแต่เธอเข้ามาเป็นแม่เลี้ยงของเขาการพบหน้ากันก็แทบจะนับครั้งได้
นอกจากเธอจะไม่คุยกับเขาแล้ววันๆ ก็เอาแต่คลุกอยู่ในห้องกับผู้เป็นพ่อแต่เพียงผู้เดียว
"ก็แน่ล่ะสิ ที่ผ่านมา เธอก็ผลาญสมบัติของพ่อฉันไปตั้งเยอะแล้วนี่ ทั้งเรียน ทั้งใช้ชีวิตที่อยู่ที่โน่นอย่างมีความสุขกับพ่อของฉัน อย่าคิดว่าพ่อฉันตายไป แล้วฉันจะทำอะไรเธอไม่ได้"
"มีนรู้ดีว่ามีนจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ฉะนั้นตอนนี้วิชญ์ช่วยกลับเข้าไปเซ็นใบทะเบียนสมรสให้กับมีนและคุณทนายเดี๋ยวนี้เลยเถอะนะคะ ได้โปรดเถอะค่ะ"
"หึ ถ้าอยากจะเล่นเกมกับฉันก็ได้ ฉันจะกลับเข้าไปเซ็นทะเบียนสมรสเดี๋ยวนี้ และทันทีที่เธอเป็นเมียของฉันตามกฎหาย ก็เตรียมตัว ทำหน้าที่เมียที่ดีไว้ได้เลย มีนนารา" ถึงแม้จะเป็นบทสนทนาครั้งแรกหลังจากที่ทั้งสองจากกัน โดยไม่ได้ร่ำลา แต่การสนทนานี้ก็จบลงด้วยดีที่ชายหนุ่มเชื่อฟังเธอ
เวลาผ่านไป
"ดีใจด้วยนะครับคุณวิชญ์ ดีจังเลยนะครับ ได้ทั้งมรดก ได้ทั้งผู้หญิงของพ่อ แต่ถ้าเป็นผมนะ ถึงจะสวยอยาดเยิ้มแค่ไหน แต่เป็นของพ่อมาก่อนผมก็เอาไม่ลงหรอกครับ" ประวีสามีของนรินทิราเดินเข้ามาแสดงความยินดีพร้อมทั้งเยาะเย้ยถากถางน้องเมียด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์
"หึ ขอบคุณครับ แต่ช่วยเอาเวลา ที่มาเยาะเย้ยถากถางผม ไปดูแลพี่สาวของผมให้ดีเถอะครับ อย่าเอาเวลาอันมีค่านี้ไปดูแลผู้หญิงนอกบ้านเสียทั้งหมดล่ะครับ เห็นแล้วมันทุเรศเพราะเงินนั่นก็มาจากตระกูลศุภัสสราสวัสดิ์ทั้งนั้นนี่" นราวิชญ์เลิกคิ้ว ยกยิ้มส่งกลับไปให้ผู้เป็นพี่เขย จนชายหนุ่มหน้าตึงขึ้นมาทันทีที่น้องเมียจับได้ไล่ทัน
"วีคะ กลับกันเถอะค่ะ นะเหนื่อยแล้วอยากเอนหลังสักหน่อย"
"ครับ... ฝากไว้ก่อนเถอะมึง" ประวีวาดยิ้มหวานให้กับผู้เป็นภรรยาก่อนที่จะหันมากัดฟันพูดไม่ออกเสียงพร้อมกับชี้หน้าผู้เป็นน้องเมียอย่างคาดโทษ
นราวิชญ์ทำท่าทางใช้มือทั้งสี่นิ้วปาดคอตัวเองพร้อมกับทำหน้ายียวนกวนประสาทประวีกลับไป จนอีกฝ่ายรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
"พี่วิชญ์งั้นหนูกลับคอนโดแล้วนะคะ"
"อ้าวจะรีบไปไหนล่ะน้ำชา อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิ"
"ไม่อ่ะ ถึงอยู่ด้วยก็กินข้าวไม่อร่อย ได้ทั้งแม่เลี้ยง ทั้งพี่สะใภ้ในเวลาเดียวกัน เห็นแล้วมันสะอิดสะเอียน" น้ำชาหันไปมองหน้าของมีนาราเบะปากใส่ เพราะรังเกียจหญิงสาวเต็มทน
"เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้นขับรถกลับดีๆ นะ"
"ค่ะ"
"น้าพิมพ์ เดี๋ยวยกอาหารเย็น ไปให้ผมที่ห้องทำงานนะครับ คืนนี้ผมจะอยู่ที่ห้องทำงาน"
"อ้าวคุณวิชญ์จะไม่กินข้าวกับ เอ่อ... คุณผู้หญิงก่อนเหรอคะ"
"ไม่หรอกครับ ใครอยากกินก็กินไปเลย ส่วนผมจะกินที่ห้องทำงาน"
"ค่ะๆ" พิมพ์ผู้เป็นหัวหน้าแม่บ้านรับคำก่อนที่จะหันมามองหน้ามีนนาราด้วยความเห็นใจ
"มีนไม่เป็นไรหรอกค่ะน้าพิมพ์ไปเตรียมกับข้าวให้กับคุณวิชญ์เถอะค่ะ เตรียมเสร็จแล้วเรียกมีนนะคะเดี๋ยวมีนจะยกขึ้นไปเสิร์ฟเขาให้เองค่ะ"
"ค่ะ" แม้จะไม่รู้ว่าภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแฉ่งดวงนั้นจะคิดอะไรอยู่ แต่พิมพ์หัวหน้าแม่บ้าน ก็อดที่จะสงสารหญิงสาวไม่ได้เลย
เธอจำได้ว่าเคยเจอมีนนาราในฐานะแฟนสาวของนราวิชญ์ครั้งหนึ่งตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลาย
แม่บ้านวัยกลางคนจำได้ว่ามีนนารา คือแฟนเก่าของนราวิชญ์ผู้เป็นนายน้อยในตอนนั้น
แต่เธอไม่รู้ว่าสาเหตุอันใดที่ในตอนนี้ที่หญิงสาวต้องมาแต่งงานกับผู้เป็นพ่อ และถูกส่งต่อเหมือนเป็นสิ่งของให้กับผู้เป็นลูก
แม่บ้านวัยกลางคนไม่รู้ว่ามีนนารา จะจำเธอได้หรือไม่เพราะหญิงสาวไม่เคยแสดงท่าทีอะไรให้เธอได้เห็นเลย นอกจากการวางตัวที่ดีสมกับเป็นคุณผู้หญิงของบ้านคนหนึ่ง
..........