ลิขิตแห่งฟ้า...#1
เสียงลมพัดพาคลื่นให้ซัดสาดเข้ากระทบกับโขดหินก้อนใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างริมชายฝั่งทะเล เสียงนกร้อง พร้อมท้องฟ้าอันแจ่มใส่ ฉันสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้ามาเต็มปอด ใบหน้าเงยหงายขึ้นไปบนท้องฟ้า ที่มีพระอาทิตย์ส่องประกายจ้าจนแสบตา ชุดสีขาวสายเดี่ยวยาวถึงตาตุ่มปลิวสะบัดไปตามแรงลมไม่ต่างจากผมยาวถึงเอวคอด แผ่สยายลงมาตามแผ่นหลัง
“เฮ้ยย” ฉันถอนหายใจออกมา พร้อมยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องที่กำลังคิดในหัว นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้มาผ่อนคลายแบบนี้ แม้จะเป็นเพียงเสี้ยววินาที ที่หลบหนีออกจากกรงได้ ชีวิตของฉัน ที่เหมือนลูกนก นับวันฉันยิ่งเหมือนสัตว์เลี้ยงเข้าไปทุกที เส้นทางชีวิตถูกปูไว้ให้ตั้งแต่เกิด แต่อย่างน้อยในชีวิตฉันก็สามารถเลือกชีวิตแต่งงานของตัวเองได้
“เป้ย” เสียงเรียกของใครบางคนดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ฉันรู้ว่าเป็นเสียงของใคร จึงทำเมินเฉยไม่หันไปมอง “อะไรของแก ฉันตามหาซะทั่ว มาอยู่นี่เอง มายืนทำอะไรตรงนี้”
“มารับลม”
“รับลมบ้าอะไรตอนนี้ เร็วเข้างานจะเริ่มแล้ว ทุกคนวุ่นวายเพราะหาแกไม่เจอ เร็วๆ ”
ฉันถอนหายใจอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ว่ามันเป็นความลำบากใจนะ แต่มันเป็นการถอนหายใจคลายความตื่นเต้น เพราะอะไรนะหรอ เพราะวันนี้เป็นวันที่พิเศษและเป็นวันที่ฉันมีความสุขสุดๆ เท่าที่เกิดมาเลย
น้ำหยกเดินเข้ามาคว้าแขนฉันแล้วดึงให้เดินตามไป เธอรีบเร่งฝีเท้า ไม่กลัวเลยว่าฉันจะตามทันหรือไม่ มือหนึ่งจับชายกระโปรงที่รุ่มร่าม ยกขึ้นให้เดินสะดวก ไม่สิ!! ไม่เรียกว่าเดินธรรมดา เขาเรียกว่าเดินเร็ว ชนิดเกือบวิ่ง ดีหน่อยที่ฉันสวมรองเท้าหูหนีบออกมา ไม่งั้นคงไม่เดินแกมวิ่งแบบนี้ได้หรอก >_<
“เร็วหน่อย เดินช้าอยู่นั่นแหละ ยัยเจสรออยู่นะ”
“นี่ก็เร็วแล้วแก ดูขายาวๆ ของแกก่อน ไม่ดูขาอันสั้นของฉันเลย” ใช่ฉันขาสั้นเพราะตัวเล็ก สูงแค่ร้องหกสิบกว่าๆเอง จะสู้น้ำหยกได้ไง เธอสูงตั้งร้อยเจ็ดสิบ ไม่ดูสภาพฉันเลยจริงๆ ตอนนี้ฉันเริ่มรู้สึกเหนื่อยก่อนหายใจเร็วเมื่อมาถึงภายในลิฟต์
“เผลอเป็นไม่ได้นะ หายตลอด ต่อไปพวกฉันคงหมดเวรหมดกรรมกับแกแล้วละ”
ฉันหอบหายใจเหนื่อยพร้อมมองหน้าน้ำหยกไปพร้อมกัน เหมือนเป็นการตั้งคำถามเพื่อรอคำตอบกับคำพูดของเธอ
“ไม่ต้องมองหรอก ต่อไปแกก็คงไม่ว่าง มีเวลาให้พวกฉันน้อยลง”
“อันนี้น้อยใจใช่ไหม พูด!!” ฉันพูดพร้อมยิ้มออกมา ใครจะไม่ยิ้ม ก็ยัยเพื่อนตัวดีกำลังทำท่างอนใส่ฉัน อยู่ตอนนี้ “นี่ฉันมีสามีนะ ไม่ใช่จะลาไปบวช ยังไงพวกแกก็สำคัญกับฉันเสมอแหละ” ฉันส่งยิ้มตาหยีไปให้น้ำหยก แต่เธอกลับไม่สนใจ ทำเป็นเมินใส่ฉัน ก่อนที่ประตูลิฟต์จะดังขึ้น เป็นสัญญาณเตือนว่ามาถึงชั้นเป้าหมายของคุณแล้ว
ประตูห้องพักวีไอพีถูกผลักให้เปิดออก ภายในห้องมีเจสซี่ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทอีกคนของฉัน มีพี่ตรี ซึ่งเป็นสามีป้ายแดงของฉัน และอีกคนคือ ลินดา น้องสาวของฉัน ทั้งสามกำลังรอฉันอยู่ภายในห้อง
รอยยิ้มของสามีป้ายแดง เหมือนดีใจมากที่เจอฉัน เขารีบเดินเข้ามาจับมือ พร้อมถามว่าไปไหนมา ด้วยความเป็นห่วง
“เป้ยแค่ไปรับลมเองค่ะ ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้”
“ก็พี่กลัวเป้ยจะเป็นอะไร ไปไหนไม่เคยบอก พี่เป็นห่วงนะรู้ไหม” ตรีภพ คือผู้ชายที่ฉันรัก ชายหนุ่มใบหน้าหล่อ ผู้ชายที่แสนอบอุ่นและเป็นห่วงเป็นใยฉันอยู่ตลอดเวลา เขากำลังปัดผมที่ระแก้มของฉันออกขึ้นไปทัดใบหู เราสองคนสบสายตากัน เหมือนโลกทั้งใบและในห้องนี้มีเพียงเราสองคน
“อะฮึม ขอคั่นเวลาสวีทสักแป๊บนะคะ” เจสซี่เอ่ยขึ้น แค่นั้นเราก็ผละออกจากกันทันที
พี่ตรีมองสำรวจฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วกลั้นหัวเราะ คงเป็นเพราะฉันใส่รองเท้าหูหนีบแล้วตอนนี้เท้าฉันเต็มไปด้วยทราย ก่อนที่เขาจะนั่งลงคุกเข่าที่พื้น จับเท้าของฉันถอดรองเท้าออกมาวางไว้บนหัวเข่าอีกข้างที่ตั้งชั้น
แม่เจ้า!! เขามันเทพบุตรในฝันของสาวๆ ชัดๆ โอ้ย หัวใจของฉัน มันเต้นแรงได้อีก เอาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเท้าที่เปื้อนไปด้วยทรายออกอย่างนุ่มนวล พี่จ๋า น้องเข่าอ่อนไปหมดแล้วจ้า
“ครั้งหน้าจะไปไหนให้บอกก่อน พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” เขาพูดพร้อมเช็ดเท้าของฉันไป
“พะ พอแล้วค่ะ ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ เดี๋ยวเป้ยก็จะไปอาบน้ำอยู่แล้วนะคะ” ฉันรีบยกเท้าลงมา แต่ก็โดนมือของเขารั้งเอาไว้ ใบหน้าหล่อๆ นั้น ก็แหงนมองขึ้นมาที่ฉัน พร้อมรอยยิ้มที่มัน โอ้ยยย คนบ้าจะหล่ออะไรได้ขนาดนี้ ความหล่อบินเข้าตาไม่พอ มันยังบินเข้าไปในหัวใจ ที่กำลังเต้นแรง จนแทบกระเด็นออกมาจากอกข้างซ้าย
“อยู่นิ่งๆ จะเสร็จแล้ว” เสียงนุ่มทุ่มต่ำของเขาเอ็ดฉันเล็กน้อย แต่มันกลับทำให้ฉันยิ้มไม่ยอมหุบ
“พี่เป้ยดาขอลงไปข้างล่างหาพ่อก่อนนะคะ แล้วเจอกันที่งานเลยนะคะ”
“จ๊ะ” ฉันหันหน้าไปมองน้องสาวเล็กน้อย พร้อมกับพี่ตรีวางเท้าของฉันลงบนพื้น ก่อนหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงจนฉันต้องแหงนหน้ามองใบหน้าหล่อๆ ของเขา
“เป้ยแต่งตัวเถอะ พี่จะลงไปดูความเรียบร้อยในงาน เจอกันข้างล่างนะ” ปลายนิ้วของเขาสัมผัสเข้ากับพวงแก้มของฉัน มันเป็นสัมผัสที่นุ่มนวล ชวนให้เคลิบเคลิ้ม ฉันอยากจับมือของเขาเอาไว้แล้วแนบแก้มลงไปบนฝ่ามืออุ่นๆ นั้นสักที มันคงรู้สึกดีไม่น้อย
ไม่ได้!! ตั้งสติหน่อยเป่าเป้ย แกเป็นผู้หญิงนะ วางท่าหน่อยก็ดี แต่ดูเหมือนพี่ตรีจะอ่านความคิดของฉันออก เขาโน้มใบหน้าลงมาข้างใบหูก่อนกระซิบ
“พี่อดทนรอ คืนนี้ของเราแทบไม่ไหวแล้วสิ”
อ๊ากกกกกกกกก หัวใจของฉัน ตอนนี้เลยไหมพี่ น้องพร้อมมาก
พี่ตรีพูดแค่นั้น แล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้หัวใจดวงน้อยๆ เต้นแรงจนแทบบ้า ฉันจิกเล็บลงบนกระโปรงสีขาว แล้วก้มหน้าเขินอาย เสียงของเขายังดังก้องในหัว ความรู้สึกตื่นเต้นมันเริ่มเกิดขึ้นมาอีกครั้ง
*******
ฝากติดตามนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะคะ