บทที่ 7 แปลกใหม่

1565 คำ
"หญ้าหวานทางนี้ ทางนี้" ฉันกำลังจะเดินตรงไปที่ตึกเรียนคณะนิเทศวันนี้เปิดเรียนวันแรกทุกอย่างดูแปลกใหม่และน่าตื่นเต้นสำหรับฉันมาก เดินไปยังไม่ถึงสามก้าวก็ได้ยินเสียงของกวินท์ร้องเรียกดังมาแต่ไกล ฉันเพ่งสายตามองตามเสียงเห็นกวินท์ยืนโบกไม้โบกมือรออยู่ที่หน้าตึกพร้อมหน้าตาดูสดใสแสดงออกถึงความตื่นเต้นไม่ต่างจากฉัน ฉันยกมือโบกทักกลับแล้วเดินตรงไปยังกวินท์ "ทำไมแกมาถึงเร็วจัง แล้วยัยข้าวปุ้นล่ะยังไม่มาเหรอ" ฉันถามกวินท์ทันทีที่เดินมาถึงตัว เพราะยังไม่เห็นเพื่อนสาวคนสนิทในกลุ่มอีกคน "ฉันก็มาเรียนเช้าเหมือนทุกทีนั่นแหละส่วนรายนั้นไม่ต้องถามถึงสายประจำอยู่แล้ว ฉันยืนรอตั้งนานป่านนี้ยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็นใกล้เวลาจะเข้าเรียนแล้วด้วย ฉันบอกจะแวะไปรับก็ไม่ยอมอยากขับรถมาเอง" ฉันอมยิ้มให้กวินท์สองคนนี้มีเรื่องแขวะกันได้ตลอดเวลากลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากันไปแล้วแต่ก็ดูสนิทตัวติดกันตลอด "เอาไงกวินท์เราจะยืนรอข้าวปุ้นก่อนไหม" ฉันถามความคิดเห็นของกวินท์ก่อนเพราะนี่ก็ใกล้ถึงเวลาเข้าเรียนแล้วยังไม่เห็นหน้าข้าวปุ้นโผล่มาสักที "ฉันคิดว่าเราสองคนไปรอมันบนห้องแล้วจองโต๊ะรอดีกว่าเดี๋ยวเราจะไม่ได้ที่นั่งดีๆแล้วค่อยไลน์บอกข้าวปุ้นก็ได้" เป็นความคิดที่ดียิ่งช้ามากเท่าไหร่ที่นั่งก็จะเหลือน้อยลง ยังไม่อยากนั่งแถวหน้าวันแรก "เอางั้นก็ได้" ฉันพยักหน้าตอบตกลงแล้วฉันกับกวินท์ก็ขึ้นไปหาที่นั่งและไลน์ไปบอกข้าวปุ้นอีกที "ใกล้เวลาอาจารย์จะเริ่มสอนแล้วยัยข้าวปุ้นทำอะไรของมันอยู่วันแรกก็จะสายอีกแล้ว" ฉันนั่งมองนาฬิกาข้อมือแล้วกระซิบกระซาบกับกวินท์สองคนไม่กล้าคุยกันเสียงดัง "แกยังไม่ชินกับเจ้าแม่สายเสมออีกเหรอ วันไหนมันมาเรียนเร็ววันนั้นคงเกิดเหตุวิปโยค" ฉันได้แอบหัวเราะเบาๆกับกวินท์มันช่างสรรหาคำพูดมาแขวะข้าวปุ้นได้ไม่ซ้ำ "ฉันได้ยินพวกแกสองคนกำลังนินทาฉันอยู่นะ แกขี้เมาท์ไปหน่อยไหมกวินท์" เสียงใสดังมาพร้อมกับการปรากฏตัวเจ้าแม่เข้าเรียนสายทุกครั้งที่ปิดเทอมวันแรก ข้าวปุ้นเดินมานั่งข้างฉันแต่ทำตาเขียวใส่กวินท์นั่งทำหน้าไม่รู้ไม่รู้ว่าข้าวปุ้นกำลังว่าตัวเองอยู่ "แล้วที่ฉันเมาท์มันไม่จริงตรงไหนวงมา" กวินท์เคยยอมให้ข้าวปุ้นที่ไหนล่ะขอให้ได้เถียงไว้ก่อนแต่ท้ายที่สุดกวินท์ก็จะยอมลงให้ข้าวปุ้นเป็นฝ่ายชนะไปทุกครั้ง ฉันนั่งมองเพื่อนสองคนจ้องตากันไม่กระพริบเล่นสงครามประสาทใส่กัน "จริงฉันไม่เถียง แล้วแกมายังไงหญ้าหวานขับรถมาเองหรือเปล่า" คราวนี้ข้าวปุ้นไม่โต้ตอบกวินท์ยอมรับความจริงง่ายๆก่อนจะหันมาถามฉันยังไม่ทันได้ตอบคำถามอาจารย์ก็เดินเข้ามาสอนเสียก่อน ทำให้พวกเราสามคนต้องหันกลับไปมองอาจารย์ที่กำลังจะเริ่มสอนและไม่ได้คุยกันอีกเลยจนหมดชั่วโมงเรียน "เที่ยงนี้เราไปกินข้าวที่ไหนกัน ฉันหิวมากๆเมื่อเช้าตื่นสายเลยไม่ได้ทานอะไรรองท้องมา" อาจารย์เดินออกไปจากห้องไม่ถึงสองนาทีข้าวปุ้นก็เปิดประเด็นเรื่องกินขึ้นมา "อ้าวนี้เซนวิสฉันเตรียมมาให้รู้อยู่แล้วว่าแกคงไม่ได้กินอะไรมาดีที่ยังลากร่างกายมาเรียนได้" ถึงปากกวินท์จะบ่นให้ข้าวปุ้นแต่ในมือก็ยังถือแซนวิสยัดใส่มือให้ข้าวปุ้น กวินท์ใส่ใจกับเพื่อนทุกคน "ขอบใจย่ะรู้จักทำหน้าเพื่อนที่ดีเป็นเหมือนกันนี่" ข้าว ปุ้นก็ยังชอบแขวะหาเรื่องให้กวินท์บ่นตัวเองอยู่นั่นแหละ ยังคงเป็นฉันอีกเหมือนเดิมที่ต้องรีบห้ามศึกระหว่างสองคนนี้ด้วยความที่สนิทกันมากตั้งแต่ตอน ม.5 พวกเราต่างรู้จักนิสัยกันดีว่าใครเป็นยังไง ถึงจะชอบว่าชอบแขวะกันเล่นอย่างคนเคยชินแต่เราสามคนก็เป็นเพื่อนที่รักกันมากไม่เคยโกรธกันจริงๆสักครั้ง "เราไปกินข้าวที่โรงอาหารของคณะเรานี่แหละจะได้สำรวจมหาลัยไปในตัว" ฉันเสนอไอเดียเพื่อนๆพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของฉัน แล้วเราสามคนก็รีบเก็บของออกจากห้องเรียนมุ่งตรงไปยังโรงอาหารเพื่อสำรวจความแปลกใหม่ตื่นตาตื่นใจของที่นี่ "อ๊ายแก นั่นพี่มาร์กหรือเปล่าอะแก" "ใช่จริงด้วย หล่อมากอ่ะแก" "พี่เขามากินข้าวไกลไปไหม แต่ก็ดีเหมือนกันได้เจอคนหล่อๆรวยๆกินข้าวมีความสุขมาก" โรงอาหารคณะในตอนเที่ยงๆดูวุ่นวายเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยนักศึกษาวุ่นวายกับการจองโต๊ะและเลือกซื้ออาหารจนบางครั้งฉันก็รู้สึกรำคาญอยู่เหมือนกันได้แต่บอกตัวเองทำใจให้ชินกับสิ่งเหล่านี้เพราะเราต้องอยู่ที่นี่อีกสี่ปี กว่าจะหาโต๊ะว่างได้ต้องใช้ความเร็วแย่งชิงมา พอได้โต๊ะฉันกำลังจะเริ่มลงมือกินข้าวก็มีเสียงพูดคุยดังกระหึ่มตามมาอีกระลอกพูดถึงใครไม่รู้ เป็นเสียงของสาวๆที่ดูตื่นเต้นไม่น้อยกับการมาของใครบางคน ฉันก้มหน้าก้มตากินข้าวโดยไม่สนใจว่าคนที่พวกสาวๆพูดถึงเป็นใคร จนเสียงพูดมันดังและอยู่แถวๆโต๊ะพวกฉันสามคน "พวกแกว่าเสียงคุยดังมันหยุดอยู่แถวโต๊ะเราไหมวะ" ข้าวปุ้นคงทนเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ไหวจนต้องถามออกมา ฉันก็รู้สึกได้ว่าเสียงคุยมัยดังอยู่ใกล้และรอบๆโต๊ะของพวกเรา "สวัสดีครับน้องหญ้าหวานเจอกันจนได้นะครับ" เสียงทุ้มของผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ทักทายชื่อฉันเหมือนรู้จักฉันดี ฉันรีบเงยหน้าจากจานข้าวเพื่อมองเจ้าเสียงปริศนา ฉันมองหน้าผู้ชายคนนั้นนิ่งๆคลับคล้ายคลับคลาแต่ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป "พี่มาร์กยังไงครับเราเจอกันครั้งหนึ่งที่สนามแข่งแล้วพี่ก็บอกหญ้าหวานว่าเจอกันที่มหาลัยพี่มาทำตามสัญญา" จากที่มองหน้าผู้ชายสูงขาวคนนั้นอย่างงงๆตอนนี้ฉันเริ่มนึกอะไรออกบ้างแล้ว นึกว่าใครที่ไหนที่แท้คนอวดเบ่งคนนั้นเอง แล้วจะมาทำตามสัญญาอะไรฉันไม่ได้ไปตกลงอะไรด้วยสักหน่อยแล้วก็ไม่ได้อยากเจอ รู้สึกรำคาญตั้งแต่วันนั้นแล้วด้วย "ใครอะแกรู้จักด้วยเหรอ" เสียงกระซิบถามข้างหูของข้าวปุ้นทำให้ฉันต้องหันไปมองหน้าอย่างเซ็งๆ แล้วส่ายหน้าเดี๋ยวค่อยเล่าให้สองคนนี้ฟังทีหลังแล้วกัน ดูจากสายตาของเพื่อนรักทั้งสองแทบเก็บอาการอยากรู้เอาไว้ไม่ไหวจ้องหน้าฉันตาไม่กระพริบ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญกว่าเล่าเรื่องราวทั้งหมดฉันต้องหาทางไล่ผู้ชายน่ารำคาญคนนี้ออกไป ไม่รู้จะตามมาตอแยทำไมหรือเป็นเพราะแข่งรถแพ้วันนั้นเลยอยากหาเรื่องมาก่อกวนให้ฉันหงุดหงิดรำคาญใจเล่นๆ ฉันทำปากขมุบขมิบบอกเพื่อนๆเดี๋ยวเล่าให้ฟังทีหลัง "ค่ะแล้วยังไงคะ" ฉันหันมาจ้องหน้าผู้ชายคนนั้นใช้ความนิ่งเฉยน้ำสียงเย็นชาตอบกลับอย่างไม่ใส่จัดการไล่คนน่าเบื่อน่ารำคาญออกไปให้พ้นๆทางการกินข้าวเที่ยง "น้องหญ้าหวานไม่ดีใจเหรอครับที่ได้เจอพี่อีก แล้วจะไม่ถามพี่หน่อยเหรอครับว่าพี่มาทำไม" เป็นผู้ชายที่เร้าหรือเอามากๆและไม่เข้าใจอะไรเสียเลย ที่ไม่พูดไม่ถามไม่ตอบเพราะไม่ได้อยากรู้จักและอยากคุยด้วยสักหน่อย เป็นผู้ชายที่เข้าในอะไรยากเย็นเหลือเกิน "ไม่ค่ะเพราะไม่ได้อยู่ในความสนใจจึงไม่ใส่ใจที่จะถาม จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยเจอ" ฉันยังคงนั่งหน้านิ่งมองด้วยสายตาว่างเปล่าตอบคำถามอย่างเชือดเฉือนหวังว่าเขาจะเข้าใจ "ไม่เป็นไรครับเพราะต่อไปพี่จะมาหาหญ้าหวานบ่อยๆและทำให้หญ้าหวานใส่ใจพี่เอง" ฉันเกลียดสายตาแพรวพราวที่ใช้จ้องมองฉันกับคำพูดเห่ยๆที่ดูมีความมั่นใจสูงเหลือเกิน ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนจะทำให้ฉันใส่ใจ แม้แต่หน้าและชื่อฉันยังไม่เก็บมาจำให้รกสมอง เขาช่างเป็นผู้ชายจอมตื้อจนน่ารำคาญ "คงยากเพราะมันจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้หรอกค่ะฝันไปเถอะ"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม