bc

ตัวแทน(รัก)มาเฟียร้าย

book_age18+
1.5K
ติดตาม
15.4K
อ่าน
รักต้องห้าม
love-triangle
จบสุข
หนีตอนตั้งครรภ์
มีชู้
รักต่างวัย
ใช้กำลัง
โอกาสครั้งที่สอง
รักเพื่อน
ตั้งครรภ์
มาเฟีย
แม่เลี้ยงเดี่ยว
ผู้สืบทอด
คนใช้แรงงาน
ดราม่า
ชายจีบหญิง
ขี้แพ้
วิทยาลัย
ปิ๊งรักวัยเด็ก
villain
like
intro-logo
คำนิยม

"มีนา" นักศึกษาสาวผู้ยอมทุ่มเททุกอย่าง ทำงานในผับหรูเพื่อหาเงินมารักษามารดาที่ป่วยหนัก ใบหน้าอ่อนหวานที่ฉาบด้วยความเศร้าของเธอกลับเย้ายวนจนตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

แต่แล้วคืนหนึ่ง... การชนเข้ากับร่างสูงของใครบางคนโดยบังเอิญ กลับเปลี่ยนชะตาชีวิตของเธอไปตลอดกาล

เขาคือ เซบาสเตียน โฟรเรนซี่... เจ้าพ่อมาเฟียผู้มีหัวใจตายด้านนับตั้งแต่ "พิมพ์นารา" รักแรกถูกพรากไปเมื่อห้าปีก่อน ทว่าเพียงแค่สบตา... ภาพของหญิงสาวตรงหน้ากลับกระชากเขาสู่อดีตอันเจ็บปวด เพราะเธอ... เหมือนคนรักเก่าของเขาไม่มีผิด!

เขาจะกักขังเธอไว้ให้เป็นเพียง 'เงา' ของความทรงจำ หรือจะยอมเสี่ยงทั้งหัวใจเพื่อ 'รัก' เธออีกครั้ง... แม้ว่าโศกนาฏกรรมอาจจะหวนกลับมาซ้ำรอยอดีตก็ตาม

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
บทนำ
เคร้ง! เคร้ง! เสียงตะหลิวเหล็กกระทบกระทะดังถี่รัว เป็นจังหวะที่มีนาได้ยินจนชินหูทุกวัน คลอเคล้าไปกับเสียงพูดคุยของลูกค้าที่ทยอยเข้าร้านไม่ขาดสาย ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าสู่ “นวลจันทร์ตามสั่ง” กลิ่นหอมฉุนของพริกกระเทียมที่แม่เพิ่งสาดลงไปในน้ำมันเดือดก็ลอยมาแตะจมูก กลิ่นนั้นซึมลึกเข้าสู่ปอดอย่างเต็มแรง บอกชัดว่านี่คือ “บ้าน” ของเธอ “มาแล้วเหรอ” เสียงแม่ตะโกนแข่งกับเสียงกระทะ พลางหันหลังท้วม ๆ ที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อมามองแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปตั้งใจผัดกะเพราจานสุดท้าย “ค่ะแม่” มีนาขานรับเสียงอ่อนโรย ร่างในชุดนักศึกษาปีสี่ที่ยับยู่ยี่โยนกระเป๋าเป้หนักอึ้งลงบนเก้าอี้พลาสติกตัวเก่ง พลางเอ่ยต่อ “เดี๋ยวหนูช่วยป้าเก็บจานก่อน” “เออ ๆ ดี” ป้าพรพรรณที่กำลังตักข้าวใส่จานจนข้อมือแทบจะพลิก เงยหน้ามายิ้มอ่อนโยน “เหนื่อยก็พักก่อนสิ ไปหาน้ำเย็น ๆ ดื่มก่อนก็ได้” “ไหวค่ะ” มีนาส่ายหน้าเบา ๆ มือคว้าสมุดจดออเดอร์กับปากกา ก้าวตรงไปยังโต๊ะมุมร้าน นี่คือครอบครัวเล็ก ๆ ของเธอ มีเพียงแม่ ป้า และตัวเอง แม่เป็นเสาหลักเปิดร้านอาหารตามสั่งที่ลูกค้าติดใจรสมือกันไม่ขาด ป้าก็เป็นแรงแขนอีกแรง คอยเสิร์ฟ คอยเก็บจาน บางทียังช่วยขายของชำไปด้วย กิจวัตรวนเวียนทั้งวันคือแม่ยืนหน้ากระทะตั้งแต่เช้าจรดเย็น ส่วนป้าก็สลับหมุนช่วยทุกอย่าง พวกท่านทั้งสองกัดฟันทำงานหนัก เพื่อส่งเธอเรียนจนปีสี่ อีกเพียงไม่กี่เดือน เธอก็จะได้สวมชุดครุย ถือปริญญาให้พวกท่านภาคภูมิใจ แต่ทว่าชะตากลับชอบเล่นตลกกับคนที่เหนื่อยยาก... จนกระทั่ง... “แค่ก แค่ก!” เสียงไอแหบพร่าของแม่ดังแทรกขึ้น แข่งกับเสียงฉ่าจากน้ำมันที่ล้นควันขาวโพลน มีนาสะดุ้งเฮือก รีบหันขวับไปมองทันที เห็นแม่กำลังไอรุนแรง ตัวงอเกร็งจนสั่น สองมือคว้าขอบเตาไว้แน่นราวกับหาที่พึ่งพิง แต่แรงไอนั้นกลับหนักหน่วงกว่าครั้งใด ๆ “แค่ก! แค่ก ๆ ๆ!” เสียงไอถี่จัด ขณะร่างของแม่โงนเงนเหมือนจะล้ม แคร๊ง! ตะหลิวเหล็กร่วงหล่นกระแทกพื้นดังก้อง “จันทร์!!!” ป้าพรพรรณกรีดร้องลั่น “แค่ก...อึก...” แม่ทรุดฮวบลงไปนอนนิ่งบนพื้น ปล่อยให้ทุกอย่างหยุดชะงักลงในชั่วพริบตา เสียงอื้ออึงของลูกค้าภายในร้านดังระงม ก่อนที่พลเมืองดีบางคนจะรีบคว้าโทรศัพท์โทรเรียกรถพยาบาล “แม่!!!” เสียงของมีนาสั่นสะท้าน เธอวิ่งถลาเข้าไปประคองร่างที่ไร้สติ น้ำตาพรั่งพรู หัวใจเต้นถี่รัวดังกลองศึก ความกลัวถาโถมกลืนกินทุกลมหายใจ ความกลัวที่จะสูญเสียแม่ไป โรงพยาบาล มีนานั่งบีบมือทั้งสองแน่นจนเย็นเฉียบอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ข้างกายคือป้าพรพรรณที่สั่นสะท้านทั้งตัว ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตาบวมแดงไม่หยุด ริมฝีปากพร่ำสวดมนต์อย่างสิ้นหวัง หัวใจของมีนาสั่นไหวไม่ต่างกัน เธอภาวนาขอเพียงให้แม่ปลอดภัย แต่ทุกวินาทีที่ผ่านไปกลับยาวนานดั่งชั่วนิรันดร์ เมื่อประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก หมอในชุดเขียวเดินออกมา ใบหน้านิ่งเรียบหลังกรอบแว่นหนา “ญาติคุณนวลจันทร์นะครับ” “หนูค่ะ! หมอ! แม่หนูเป็นยังไงบ้างคะ!” มีนาถลาเข้าไปถาม น้ำเสียงตื่นตระหนก หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก หมอเพียงสบตาเธอด้วยสายตาหนักอึ้ง... “คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วตอนนี้ แต่ผลเลือดเบื้องต้นพบความผิดปกติรุนแรง เราสงสัยว่าจะเป็น...” “เป็นอะไรคะหมอ!” เสียงเธอสั่นสะท้านแทบควบคุมไม่อยู่ “...มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันครับ” คำวินิจฉัยนั้นดังสนั่นในหัว มีนาราวกับถูกสายฟ้าฟาดกลางใจ โลกทั้งใบแตกสลาย ตาพร่า หูอื้อราวกับไม่อาจเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “ไม่จริง... ไม่จริงใช่ไหมคะ หมอตรวจผิดหรือเปล่า! แม่หนูแข็งแรงดี แค่ทำงานหนักเท่านั้นเอง!” เสียงเถียงนั้นสั่นเครือ น้ำตาไหลพรากไม่หยุด หมอส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “เราจะต้องเจาะไขกระดูกเพื่อยืนยันผล แต่ด้วยอาการที่รุนแรง คนไข้จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาทันที” “รักษาได้ใช่ไหมคะ! ได้ใช่ไหม!” มีนาโผเข้าจับแขนหมอ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง “เท่าไหร่ก็ยอม ขอแค่แม่หนูรอด!” “เราจะพยายามเต็มที่ครับ แต่การรักษาที่ได้ผลเร็วสุด ค่าใช้จ่ายสูงมาก” คำว่าค่าใช้จ่ายแทงลึกเข้าไปในใจมีนา “เท่าไหร่คะ” เธอกลั้นใจถาม “เฉพาะยาเคมีบำบัดรอบแรก ๆ กับค่าห้องปลอดเชื้อ ประเมินเบื้องต้นอยู่ที่... หลักล้านครับ” หลักล้าน!!! ทุกสิ่งรอบกายดับวูบลง ป้าพรพรรณทรุดฮวบ ร้องไห้โฮออกมาอย่างหมดเรี่ยวแรง ร้านอาหารที่ทำกันแทบตาย กำไรที่ได้เพียงเล็กน้อย เงินเก็บทั้งชีวิตยังไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งของตัวเลขนั้น มีนายืนนิ่ง ร่างชาไปทั้งตัว คำว่าหลักล้านตะโกนก้องสะท้อนอยู่ในหัวไม่หยุด ราวกับฝันร้ายที่กรีดหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า อนาคตที่วาดฝันไว้... พังทลายในพริบตา แต่ชีวิตของแม่สำคัญยิ่งกว่าทุกสิ่ง... “มีนา...ฮืออ...เราจะทำยังไงดีลูก แม่แก...” เสียงป้าพรพรรณสั่นเครือ มือเย็นเฉียบคว้าแขนหลานสาวแน่นจนสั่นไปทั้งตัว น้ำตาท่วมสองแก้มที่แดงช้ำ ความมืดมนตลบอบอวลราวกับหมอกหนาทึบเข้ามาโอบรัดหัวใจของมีนา จนแทบหายใจไม่ออก สมองขาวโพลน ไม่มีแม้แสงสว่างให้ไขว่คว้า แล้วในความสับสนเลื่อนลอยนั้นเอง... เสียงหนึ่งก็ดังแว่วชัดขึ้นมาในห้วงความคิด ‘ถ้าเมื่อไหร่ร้อนเงิน หาทางออกไม่ได้... โทรหาพี่ได้นะมีนา พี่ยินดีช่วยเสมอ ในฐานะพี่รหัส’ เสียงหวานใสของ “พี่ฟ้า” รุ่นพี่รหัสคนสวยสะท้อนขึ้นมาพร้อมภาพนามบัตรสีดำสนิทที่สลักตัวอักษรสีทองระยิบวับ Oblivion Club คลับลึกลับ... ที่ขึ้นชื่อว่าจ่ายหนัก หนักจนสามารถซื้อชีวิตใครบางคนได้ ความร่ำรวยของลูกค้าที่นี่อาจพลิกชะตาคนจนตรอกให้ได้พบแสงสว่างใหม่ แม้งานนั้นจะเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยแม้แต่จะคิดจะทำ... นามบัตรที่ครั้งหนึ่งเธอแทบอยากจะขยำทิ้งไปอย่างรังเกียจ แต่ในวันนี้... ‘ศักดิ์ศรี’.กับ ‘ชีวิตแม่’ เธอมีสิทธิ์เลือกงั้นหรือ? ริมฝีปากล่างถูกกัดแน่นจนรสคาวเลือดซึมในปาก ร่างกายที่สั่นเทายืนแทบไม่ไหวถูกพยุงด้วยเพียงแรงใจอันเปราะบาง มือที่สั่นระริกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา... นิ้วกดเบอร์ที่เคยบันทึกไว้ด้วยแรงอันแผ่วเบา สายตาที่พร่าเลือนยังทอดมองผ่านกระจกห้องฉุกเฉิน เห็นร่างของแม่ที่นอนแน่นิ่งอยู่ภายใน... ผู้หญิงที่แลกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้เธอมีวันนี้ หยดน้ำตาร้อนผ่าวร่วงเผาะลงอาบแก้มไม่หยุด “ฮัลโหล... พี่ฟ้าคะ...” เสียงเธอสั่นระริกจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “หนูมีนาเองค่ะ... งานที่พี่เคยชวน... ตอนนี้... ยังรับคนอยู่ไหมคะ” ปลายสายเงียบไปชั่วอึดใจ อึดใจเดียวที่กลับยาวนานราวกับชั่วนิรันดร์ ก่อนจะมีเสียงหวานเยียบที่แฝงแววเย้ยหยันเล็กน้อยดังลอดกลับมา “พี่นึกอยู่แล้ว ว่ายังไงสักวันน้องรหัสของพี่ก็ต้องโทรมา... รีบมาที่ร้านเลยนะมีนา แต่งหน้ามาหน่อยก็ดี... อ้อ อย่าใส่ชุดนักศึกษามาล่ะ” ติ๊ด.... เสียงตัดสายดังขึ้นทันควัน ไม่เปิดโอกาสให้เธอถามอะไรต่อแม้แต่คำเดียว มีนากำโทรศัพท์แน่นจนข้อนิ้วซีดขาว ร่างกายแข็งทื่อราวถูกสาป เสียงร้องไห้ปานขาดใจของป้าพรพรรณที่อยู่ข้าง ๆ กลับฟังคล้ายดังมาจากที่ไกลแสนไกล... “อย่าใส่ชุดนักศึกษามา” เพียงคำสั้น ๆ กลับเสียดแทงหัวใจราวถูกตบหน้าฉาดใหญ่ มันคือเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่างชีวิตเก่าที่เธอเคยยืนอยู่... ชีวิตใหม่ที่เธอกำลังจะก้าวข้ามเข้าไปโดยไร้ทางเลือก “ป้า... ฝากแม่ด้วยนะ” เสียงเธอแหบพร่าหนักอึ้ง “หนู... หนูต้องไปหาเงิน” “จะไปไหนลูก! จะไปหายืมเงินใคร!” ป้าพรพรรณรีบคว้าแขนไว้ด้วยสายตาตื่นตระหนก “เพื่อน... เพื่อนรุ่นพี่ค่ะ” เธอโกหกทั้งน้ำตา “เขาอาจช่วยได้... ป้ารอหนูอยู่ที่นี่นะ!” มีนาสะบัดแขนออกสุดแรง ก่อนวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้น โดยไม่หันกลับมามองสายตาสิ้นหวังเว้าวอนของป้าอีกเลย เธอวิ่งหนีจากกลิ่นอายแห่งความตาย วิ่งจนถึงแท็กซี่คันแรกที่จอดรออยู่หน้าโรงพยาบาล มีนานั่งนิ่งตัวแข็ง แววตาเลื่อนลอย เธอยังคงอยู่ในชุดนักศึกษาที่ขยับยับจากทั้งวัน กลิ่นควันไฟจาง ๆ ติดตัวไม่จางหาย แม้พี่ฟ้าจะสั่งไว้ว่าอย่าใส่มา แต่เธอไม่เหลือเรี่ยวแรงและเวลาพอจะกลับไปเปลี่ยนอีกแล้ว Oblivion Club รถแท็กซี่จอดเทียบหน้าปากซอยเล็ก ๆ ในย่านทองหล่อพลุกพล่าน สถานที่ที่ไม่ปรากฏชื่อเรียงรายเหมือนคลับอื่น มีเพียงประตูเหล็กทมิฬบานใหญ่ไร้ป้ายใด ๆ และร่างการ์ดในชุดสูทดำสองคนที่ยืนตระหง่านดุจเงามืดคุมเชิงเงียบขรึม มีนาก้าวขาลงมา... เรียวขาสั่นระริกจนแทบยืนไม่ไหว “มาหาใครครับ” การ์ดเสียงห้วนถาม ดวงตาคมกริบกวาดมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า สภาพเด็กนักศึกษาหน้าเศร้าซีดเผือดช่างดูผิดแปลกในที่แห่งนี้ “พี่ฟ้าค่ะ... พี่ฟ้านัดไว้” การ์ดทั้งคู่สบตากันแวบหนึ่ง ก่อนหนึ่งในนั้นยกวิทยุวอล์กกี้ขึ้นกระซิบอะไรบางอย่าง ไม่นานนักประตูบานใหญ่ก็ค่อย ๆ แง้มออก... ทันทีที่ก้าวข้ามธรณีบานนั้น ชีวิตของเธอก็จะเปลี่ยนไปทันที เสียงดนตรีบีตหนักกระแทกเข้ากับหัวใจ กลิ่นน้ำหอมหวานจัดจนคลุ้งผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์และควันบุหรี่คลุ้งหนา บรรยากาศชวนคลื่นไส้แต่ก็แฝงไว้ด้วยกลิ่นอันเร่าร้อนของ “เงิน” แสงไฟแดงฉานสลับน้ำเงินจัดกวาดผ่านไปทั่วห้อง เผยให้เห็นเหล่าผู้คนที่พากันมาใช้บริการที่นี่ หนุ่มในสูทเนี้ยบกริบจมอยู่ในเงามืด และผู้หญิงงามราวนางฟ้าที่แต่งกายด้วยเดรสรัดรูปแหวกเว้าเกินกว่าจะปิดบัง เคลื่อนไหวเย้ายวนกลางไฟสลัว หัวใจมีนากำเข้าหากันจนเจ็บแปลบ นี่คือโลกอีกใบ... โลกที่เธอจำต้องก้าวเข้ามา “ทางนี้” เสียงคุ้นหูดังขึ้นตรงหน้า คือ พี่ฟ้า พี่ฟ้า ยืนอยู่ตรงนั้น ด้วยท่าทางสง่างามและเย็นชา ร่างสูงระหงในชุดเดรสสีดำสนิทที่แหวกอกลึกเผยผิวขาวเนียนตัดกับลิปสติกแดงสด ผมยาวสีน้ำตาลไวน์ถูกเซตเป็นลอนคลื่นเงางามดุจสายน้ำ ดวงตาคมเข้มที่กรีดอายไลเนอร์เฉียบกริบมองมาทางมีนาอย่างประเมิน นั่นไม่ใช่พี่ฟ้าในชุดนักศึกษาที่เธอเคยรู้จักอีกแล้ว ผู้หญิงตรงหน้าคือ “ใครอีกคน” ที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง “บอกแล้วไงว่าอย่าใส่ชุดนี้มา” น้ำเสียงเย็นจัดราวกับน้ำแข็งกรอกหูเธออย่างไร้เยื่อใย ดวงตาคู่นั้นกวาดมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่ปิดบังแววผิดหวัง แต่แล้วริมฝีปากแดงสดก็เหยียดยิ้มบาง ๆ คล้ายพึมพำกับตัวเอง “ช่างเถอะ... สภาพนี้ เผลอ ๆ จะยิ่งขายดีเสียด้วยซ้ำ” คำว่า “ขายดี” ราวกับน้ำร้อนสาดใส่หน้า มีนาสะดุ้งวูบ ในอกเหมือนมีอะไรบางอย่างร่วงหล่น “พี่ฟ้า คือ... แม่หนู...” “พี่รู้” พี่ฟ้าตัดบททันควัน ไม่แม้แต่จะเหลียวมองแววตาร้องขอของเธอ “ไม่ต้องเล่า ทุกคนที่มาที่นี่... ก็ล้วนมีเรื่องให้ต้องจำใจมาเหมือนกันทั้งนั้นแหละ ตามมา” เสียงส้นสูงกระทบพื้นหินอ่อนดังแกรก ๆ ขณะที่พี่ฟ้าหันหลังเดินนำเธอผ่านเลานจ์หรูหราที่อบอวลด้วยแสงไฟสลัวและเสียงหัวเราะเจื้อยแจ้วของผู้คน สายตาหลายคู่หันมองมีนาเมื่อเธอก้าวผ่าน สีหน้าพวกเขามีทั้งประหลาดใจ สงสัย และ... หิวกระหาย เธอเหลือบมองผ่านไหล่ เห็นหญิงสาวคนหนึ่งในชุดเดรสสั้นนั่งตักผู้ชายท่าทางมีอายุ มือคลอเคลีย ลูบไล้ไปตามลำคอและแผ่นอก สายตาของฝ่ายชายพร่ามัวด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ขณะที่หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ ทว่า... ดวงตาของเธอกลับว่างเปล่า ว่างเปล่าอย่างน่าหวาดหวั่น ‘หนู... ต้องทำแบบนั้นเหรอ?’ “เข้ามาในออฟฟิศก่อน” เสียงพี่ฟ้าเรียกสติกลับมา ประตูบานหนึ่งที่ซ่อนอยู่หลังบาร์หรูค่อย ๆ เปิดออก ด้านในคือห้องทำงานตกแต่งหรูหราด้วยโทนสีดำทอง เงียบกว่าข้างนอกหลายเท่า ทว่าอึดอัดอย่างประหลาด พี่ฟ้าเดินตรงไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หนังบุนวมหลังโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ หรี่ตามองเธอผ่านกลุ่มผมสีไวน์ที่ปรกลงมาข้างแก้ม “นั่งสิ” มีนานั่งลงอย่างเชื่องช้า ตัวแข็งทื่อราวกับถูกตรึงไว้ด้วยโซ่มองไม่เห็น เธอกลืนก้อนสะอื้นลงคอ สูดลมหายใจเข้าช้า ๆ แล้วเอ่ยเสียงเบาแหบพร่า “หนูต้องการเงิน... ด่วนที่สุดค่ะ” พี่ฟ้าขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมหยิบบุหรี่มวนเรียวจากกล่องทรงหรูขึ้นจุดสูบ ลมหายใจผ่อนควันออกช้า ๆ พร้อมคำถาม “เท่าไหร่?” “หนึ่งล้านค่ะ” พี่ฟ้าพ่นควันบุหรี่เบา ๆ แล้วหัวเราะในลำคอ “หนึ่งล้าน... ไม่มากหรอก แต่ก็ไม่น้อยสำหรับเด็กที่ยังไม่จบ และยังไม่เคยอะไรอย่างน้อง และไม่มีประสบการณ์เลย” มีนาสะดุ้งเฮือกกับถ้อยคำตรงไปตรงมา เธอไม่รู้ว่าพี่ฟ้ารู้ได้ยังไง... หรือบางทีอาจเพราะเราเคยสนิทกัน พี่ฟ้าถึงรู้... “พี่ให้ได้” น้ำเสียงนั้นกลับเปลี่ยนเป็นจริงจัง ดวงตาคมเข้มจ้องตรงมาที่เธอ “แต่ต้องเข้าใจกติกาก่อนนะมีนา ที่นี่คือ Oblivion ที่ที่คนมาเพื่อลืมทุกอย่าง และซื้อความสุขให้ตัวเอง ทุกอย่างภายในคลับนี้จะถูกเก็บเป็นความลับ แขกที่นี่คือคนที่พร้อมจ่ายในราคาที่สูงมาก แต่พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกได้เสมอ” “....” “เธอไม่ต้องกังวลว่าเราจะบังคับ หรือให้ทำในสิ่งที่ฝืนใจ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าอยากได้เงินเร็วแบบทันใจ... เธอก็ต้องหาวิธีทำให้แขกพอใจให้ได้ เพื่อยอมจ่ายในราคาที่สูง” พี่ฟ้าเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย สองนิ้วเรียวคีบบุหรี่ขึ้นจรดริมฝีปากสีแดงสด จ้องมองมีนาเขม็ง “และงานของเธอคือ...” เสียงพ่นควันค่อย ๆ ละลายออกมาเป็นเส้นจาง ๆ “...ดูแลลูกค้า VVIP ของเรา ให้เขาพอใจที่สุด... ให้เขาลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวัน” ริมฝีปากของพี่ฟ้ายกยิ้มมุมปากนิด ๆ “...ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม” “วิธีไหน... ก็ได้เหรอคะ?” เสียงของมีนาแหบพร่า ริมฝีปากสั่นระริก พี่ฟ้าเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มเย็น ๆ อีกครั้ง “น้องฉลาดนะมีนา... ไม่ต้องให้พี่พูดออกมาตรง ๆ หรอกมั้ง” เสี้ยววินาทีนั้น... ความเข้มแข็งที่มีนาพยายามรวบรวมไว้พังทลายลง น้ำตาที่กลั้นไว้หลั่งไหลอย่างไร้เสียง “พี่ฟ้า... หนู... หนูไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริง ๆ” “ไม่มีใครที่นี่มีทางเลือกหรอก” พี่ฟ้าพูดเสียงเรียบ แล้วกดบุหรี่ลงในที่เขี่ยแก้วคริสตัลอย่างใจเย็น ไฟมอดดับ “พี่ให้เงินก้อนแรกได้เลยคืนนี้... ห้าแสน... เบิกล่วงหน้าให้เธอไปจ่ายค่ารักษาแม่ก่อน” ห้าแสน... ตัวเลขนั้นทำให้ดวงตาของมีนาเบิกกว้าง เงินก้อนนี้จะช่วยต่อชีวิตแม่ของเธอได้ทันที “แต่...” พี่ฟ้าพูดต่อโดยไม่ปล่อยให้เธอมีเวลายินดี “เงินห้าแสนนั้นคือ หนี้ที่ติดไว้กับคลับ เธอต้องทำงานใช้หนี้ และระหว่างที่ยังใช้หนี้ไม่หมด... เธอคือ สมบัติของคลับ จนกว่าจะจ่ายคืนหมด” สายตาของพี่ฟ้าจ้องลึกเข้ามาในดวงตาที่สั่นระริกของมีนา ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ อย่างเห็นใจ “พี่ให้ได้แค่นี้ มันขึ้นอยู่กับเราว่าจะทำยังไงเพื่อให้แขกพึงพอใจโดยใช้วิธีของตัวเอง” เสียงนั้นขาดห้วงเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่จำเป็นต้องแลกด้วยสิ่งที่หวงแหนหรอกนะ” มีนานิ่งงัน... ดวงตายังคลอไปด้วยน้ำตา พี่ฟ้าลุกขึ้นเต็มความสูง เสียงรองเท้ากระทบพื้นดังกึกอย่างมั่นคง “พี่รู้ว่าเราไม่มีทางทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองหรอกนะ...” เธอมองสบตาแน่นิ่ง “และพี่ก็ไม่ยอมให้น้องรหัสที่พี่รักเหมือนน้องสาว... ต้องไปเจอกับแขกห่วย ๆ หรอกน่า” เสียงคำพูดนั้นอ่อนโยนจนใจสั่น ภาพของแม่ที่นอนแน่นิ่งซ้อนทับกับคำพูดของหมอในหัวดังชัดเจน “เริ่มคีโมให้เร็วที่สุด” เธอกัดฟันแน่น สูดลมหายใจลึก พยักหน้าช้า ๆ ทั้งน้ำตา “หนู... หนูจะทำทุกอย่าง ขอแค่ได้เงินเพื่อรักษาแม่...” “ดีมาก...” พี่ฟ้ายกยิ้มบาง ๆ ดวงตาเรียวคมทอแววพึงใจ “งั้นไปล้างหน้าล้างตาซะ แล้วเดี๋ยวพี่จะให้เด็กพาไปเปลี่ยนชุด... คืนนี้... น้องต้องเริ่มเรียนรู้งานทั้งหมด คนหัวไวอย่างเรา พี่เชื่อว่าไม่กี่วันก็จับทางได้แล้ว” มีนานั่งนิ่งราวกับร่างไร้แรง แต่ก็จำต้องพยักหน้า เธอยกมือเช็ดน้ำตาที่เกาะแก้มป้อย ๆ ออกอย่างทุลักทุเล ก่อนจะลุกขึ้นยืนตามคำสั่ง บานประตูด้านข้างถูกผลักเปิดออก หญิงสาวรูปร่างบอบบางในชุดเดรสสั้นรัดรูปก้าวเข้ามา เธอก้มศีรษะให้พี่ฟ้าเล็กน้อย ก่อนหันมาส่งยิ้มให้มีนา “ตามพี่มาค่ะ” เสียงใสเอื้อนเอ่ยพร้อมสายตาที่เหมือนพยายามให้กำลังใจ มีนาเดินตามออกจากห้องออฟฟิศ สองขาสั่นระริกทุกย่างก้าวของเธอนั้น....กำลังพาไปสู่ชีวิตใหม่ ที่เดิมพันด้วยความเป็นความตายของแม่เธอ

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

30 Days to Freedom: Abandoned Luna is Secret Shadow King

read
311.3K
bc

Too Late for Regret

read
292.8K
bc

Just One Kiss, before divorcing me

read
1.7M
bc

Alpha's Regret: the Luna is Secret Heiress!

read
1.2M
bc

The Warrior's Broken Mate

read
138.4K
bc

The Lost Pack

read
407.9K
bc

Revenge, served in a black dress

read
148.5K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook