bc

บำเรอมาร

book_age16+
754
ติดตาม
15.0K
อ่าน
แนวดาร์ก
ดราม่า
หวาน
like
intro-logo
คำนิยม

อวตารของเหมราชคือเทพบุตรที่คอยเกื้อหนุนเธอเสมอ ปรนเปรอเอาใจมอบความสุขให้จนล้นสำลัก หากแต่ ตัวตนที่แท้จริงเขาคือปีศาจจากขุมอเวจี ผู้พรากเอาความดีงามทั้งชีวิตไปอย่างไม่มีวันทวงคืนกลับได้

-------------

เวรกรรมแท้ๆ บาปหนาเหลือเกินแล้ว พรากผัวพรากเมียเขาไม่พอ ยังสร้างความกระทบกระเทือนให้กระทั่งเด็กตัวน้อยๆ ที่ยังบริสุทธิ์ไร้เดียงสาคนหนึ่งด้วย หากยังเห็นแก่ตัว เห็นแก่ความอยู่รอดของตัวเอง อาจมีเรื่องเลวร้ายตามต่อกันมาอีกก็เป็นได้

ใช่ว่าอยากดำรงตำแหน่ง 'เมียเก็บ' อยู่อย่างนี้ มันไม่หลงเหลือความภาคภูมิใดๆ ให้กับชีวิตเลยแม้แต่น้อย นับว่ายิ่งตกต่ำย่ำแย่ และมีแต่ปัญหาร้ายๆ ประเดประดังเข้ามา

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
บทที่ 1 ตอนที่ 1
“อ๊ะ...พอค่ะ...เจ็บ...” เสียงหวานสั่นพร่าเอ่ยวอนขอยามถูกรุกรานอย่างหนักจากคนเบื้องหลัง แต่มันก็ไม่สามารถหยุดยั้งการกระทำนั้นได้... มือเรียวเล็กทั้งสองข้างจับขอบโต๊ะทำงานไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยว ขณะที่ร่างกายกึ่งเปลือยช่วงบนแนบกับพื้นโต๊ะ ทรวงอกสล้างถูกทับแบนบี้จนเนื้ออวบทะลักออกมาให้เห็นข้างๆ เอวคอดกิ่วที่มีมือหนาคอยบงการจับตรึงดึงเข้าหาตัวและดันออกเป็นจังหวะ หนักหน่วงบ้าง เร็วบ้างตามกระแสอารมณ์ “อีกนิดเดียว...เจ้าขา...อาร์...” คนเบื้องหลังที่กำลังเมามันในกิเลสเพศตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นระโหย สายตาคมปลาบจับจ้องตรงส่วนเชื่อมประสานระหว่างชายหญิง โดยมีแก่นกายของเขากำลังรุกล้ำเข้าออกแทรกกลีบบุปผชาติเข้าหาความหฤหรรษ์ในโพรงรักของสาวเจ้า หยาดน้ำหวานจากร่องบุปผาเกาะพราวทั่วความแข็งขึงและกลุ่มปอยไหมของทั้งคู่ ชายหนุ่มละมือจากสะเอวกิ่วมาจับแก้มสะโพกแบะออกจากกันกระหน่ำสวนดันตัวสุดแรงครั้งแล้วครั้งเล่า การกระทำของเขาช่วยเพิ่มความล้ำลึกทุกการกระโจนจ้วง คนเบื้องล่างต้องกัดริมฝีปากตัวเองจนห้อเลือด รอรับการโจมตีที่ไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ต้นขาด้านหน้าของเธอชนกับขอบโต๊ะพอดิบพอดี และจากการถูกกระแทกครั้งแล้วครั้งเล่ามันเริ่มจะเจ็บแปลบอย่างสุดบรรยาย “คุณพอส...เจ้าขาเจ็บ...อื้อ...” “ฉันจะส่งเธอขึ้นสวรรค์เจ้าขา...อีกนิด” ร่างกึ่งเปลือยของชายชาตรียังคงขยับโยกแทรกแกนร้อนๆ เข้าออกร่างอิสตรีอย่างไม่ยั้งแม้จะมีคำอุทธรณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า เสื้อเชิ้ตที่ถูกปลดกระดุมตลอดแนวรวมถึงกางเกงที่กองอยู่แทบเท้าสร้างความรำคาญให้เจ้าของร่างหนาไม่ใช่น้อย แต่ด้วยสถานที่ เขาจึงไม่อยากถอดมันออกเผื่อไว้เพื่อความรวดเร็วยามสวมใส่เมื่อเสร็จกิจแล้ว มือข้างหนึ่งลดต่ำลงด้านล่างจับช่วงเอวให้ออกห่างขอบโต๊ะแล้วสอดนิ้วเข้าหากลีบสาวค่อยๆ แหวกแทรกขึ้นลงตลอดร่องหลืบแล้วกดเน้นย้ำตรงปุ่มกระสันจนสาวเจ้าร่อนส่ายสะโพกด้วยความเสียวซ่าน “อื้อ...คุณพอส” ขาสองข้างที่พยุงตัวเริ่มหนีบเข้าหากันเมื่อการโจมตีจากเขาสร้างอารมณ์รัญจวนเพิ่มทวีมากขึ้น ผิวเนื้ออ่อนโยนที่ถูกเสียดสีด้วยแกนร้อนระอุ ตอดรับกับการเคลื่อนไหวเข้าออกอย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มจับปฏิกิริยาตอบสนองของเธอได้เป็นอย่างดี เขาโน้มตัวเข้าหาร่างที่นอนคว่ำแนบกับโต๊ะ กระโปรงที่ถูกร่นอยู่เหนือเอวกับเสื้อทำงานที่เธอสวมใส่ขวางกั้นสัมผัสที่ควรจะชิดเชื้อแบบเนื้อถึงเนื้อมากกว่านี้อย่างน่าขัดใจ แต่เมื่อสถานการณ์มันไม่เอื้ออำนวยก็คงต้องปล่อยเลยตามเลย อีกอย่าง ตอนนี้เกมรักในห้องทำงานสุดหรูก็กำลังจะสิ้นสุดเต็มทีแล้ว “แยกขาออกอีกนิดเจ้าขา...อย่าหนีบสิ...” เสียงหอบทุ้มพร่ากระซิบใกล้หูเมื่อตัวเขานั้นคร่อมร่างเล็กของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เมื่อสองขาแยกห่างจากกัน จุดเชื่อมต่อก็ถูกดันให้ลึกล้ำยิ่งขึ้น สองมือใหญ่สอดเข้าใต้ตัวแล้วกอบกุมทรวงอกงามไว้ในอุ้งมือ ปลายนิ้วบีบบี้ยอดถันที่แข็งรับสัมผัสจนเจ้าของพุ่มอกงามสั่นระริกกับความเสียวที่เขาหยิบป้อนให้ทุกช่องทาง สะโพกผายเริ่มส่ายวนเข้ารับแรงกระแทกด้านหลัง ปากก็ร้องครางไม่เป็นศัพท์สร้างความพอใจให้คนด้านบนเป็นอย่างมาก เพราะยิ่งเธอทำตัวร่านราคะเท่าไหร่ ตัณหาของเขาก็ยิ่งเพิ่มพูนเท่านั้น บทรักจะยิ่งเร่าร้อนจนแทบไม่อยากถอดกายออกจากเธอเลย “อื้อ...คุณ...พอเถอะค่ะ...” “ใกล้แล้วใช่ไหม...เจ้าขา...แรงอีกนะ...อืม...” คนใต้ร่างโยกคลอนไปตามแรงกระหน่ำที่เพิ่มทั้งจังหวะเข้าออกและเน้นแรงขึ้น เธอครางกระเส่าอย่างไม่อาย เพราะความอัดอั้นใกล้ถึงจุดปะทุเต็มทีแล้ว “...” ชายหนุ่มเร่งจังหวะอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่แยแสต่อการร้องขอ อารมณ์ของเขาตอนนี้ อะไรก็มาหยุดยั้งไม่ได้ เอวสอบกระแทกกระทั้นเข้าหาโพรงสาวสุดตัวแล้วถอนออกก่อนจะดันเข้าไปอีก เป็นอย่างนั้นซ้ำๆ จนเหงื่อกาฬไหลท่วมกายคนทั้งคู่ “อื้อ!!” เสียงสวรรค์ที่แว่วหวานผ่านหูดังขึ้นพร้อมๆ กับร่างระทดระทวยฟุบลงกับโต๊ะโดยที่ยังมีมือใหญ่รองรับทรวงอกทั้งสองข้าง แต่เวลาไล่เลี่ยกันนั้นเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานก็ดังขัดจังหวะขึ้นเช่นกัน “รับ...รับโทรศัพท์ก่อนค่ะ...” เมื่อเห็นว่าคนที่บุกกระหน่ำร่างกายจนเธอเยือนวิมานล่วงหน้าไปแล้วยังไม่มีทีท่าจะสนใจเสียงแทรกจากเครื่องมือสื่อสาร หญิงสาวจึงรีบเตือนสติด้วยกลัวว่าคนที่โทร.มาอาจจะมีธุระสำคัญ “บ้า...ฉิบ...” จังหวะรักต้องหยุดชั่วคราวทั้งที่ชายหนุ่มกำลังเมามันได้ที่ อารมณ์ขุ่นเคืองแทนที่เข้ามาเล็กน้อย เขาเอื้อมหยิบตัวสร้างปัญหามาแนบหูทั้งที่ยังประสานกายอยู่กับเธอ ‘คุณเหมราชครับ...คุณหฤทชนันท์กับคุณหนูมาครับ ตอนนี้กำลังขึ้นลิฟต์ไปแล้วด้วย!!’ “ฉิบหาย!!” ข่าวด่วนถึงขั้นคอขาดบาดตายถูกสื่อสารผ่านโทรศัพท์โดยพนักงานรักษาความปลอดภัย และชื่อบุคคลที่กำลังขึ้นมาหาก็ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน แต่เป็นภรรยากับลูกสาวของเขานั่นเอง “ไม่มีเวลาแล้วเจ้าขา...ฉันต้องรีบ ซองพลูกำลังมา...” เหมราชรีบวางโทรศัพท์ทันที ต่อให้ฟ้าถล่มหรือแผ่นดินทลายยังไง เขาก็ไม่ยอมทิ้งสวรรค์ไว้กลางคันแบบนี้หรอก “อ๊ะ...เจ็บ...ค่ะ” หญิงสาวร้องครางเสียงหลงเมื่อถูกกระหน่ำอย่างไม่ทันตั้งตัวจากคนตัวใหญ่ นั่นไม่เจ็บเท่าชื่อที่ออกจากปากของเขาเมื่อสักครู่ มันเสียดแทงเข้าไปถึงหัวใจ ฐานะของเธอแจ่มแจ้งขึ้นทันตา ทั้งที่ตอนนี้เธออยู่ในอ้อมกอดของเขาแท้ๆ แต่กลายเป็นว่าอ้อมกอดนี้มีไว้แค่โอบรัดเธอไว้เพื่อสนองตัณหาเท่านั้น ตัวจริงของเขากำลังมา คนไร้ความหมายอย่างเธอคงต้องอยู่ในที่ลับเช่นเดิม... “อูว...เร็วเข้าช่วยฉันหน่อย...” ชายหนุ่มยันตัวยืนขึ้นอีกครั้ง รั้งเอวคอดกิ่วเข้าหาตัวและเร่งให้เธอช่วยเพิ่มแรงกระแทกเป็นการย่นระยะเวลาให้เร็วขึ้น กลีบบุปผชาติที่เข้าที่บอบช้ำจากการถูกรุกรานเผยแก่สายตาคม มันสวยงามไม่มีที่ติสำหรับเขา และอยากจะแช่ความแข็งขึงไว้ในนั้นตลอดไปด้วยซ้ำ สถานที่และสถานการณ์ช่างขัดกับความต้องการของเขาเหลือเกิน และเขาต้องรีบให้ทันเวลาซึ่งเหลืออีกแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น “โอ...เจ้าขา...เธอร้ายมาก...” หญิงสาวเองก็รู้ว่าตัวเองควรทำอย่างไรให้เขาสมปรารถนาโดยเร็ว เธอเอื้อมมือผ่านช่องขาด้านหน้าไปควานคว้าจนเจอก้อนเนื้อคู่ ลูบคลำมัน กำมันไว้ในมือและบีบคลึงเบาๆ หูได้ยินเสียงครวญครางไม่ขาดระยะ พร้อมๆ กับต้องตั้งรับการจู่โจมโพรงรักที่เขาใส่มาไม่ยั้ง เธอเจ็บ...แต่ต้องทน เธอปวดแต่ต้องรอ “ดีมาก...สาวน้อย อืม!!” สายธารแห่งราคะถูกปลดปล่อยเข้าภายในร่างกายของเธอจนหมดสิ้น เสียงครางสุดท้ายสิ้นสุดลง และเขารีบถอนตัวออกจากเธอทันที หญิงสาวพยุงตัวยืนและหันหน้ามาทางเขาที่กำลังจัดการกับเครื่องแต่งกายอย่างรีบเร่ง                                                                                                “ไปอยู่ในห้องก่อนเร็วเข้า...” แพนตี้ตัวจิ๋วถูกเก็บจากพื้นและยัดใส่มือเธอ พร้อมจับเธอให้หันหลังแล้วดันไปข้างหน้า ห้องทำงานนี้มีห้องนอนสำหรับพักผ่อนของเขาอยู่ด้วย และเป็นที่ที่เขาใช้ปลดปล่อยความต้องการกับเธอ ซึ่งบางครั้ง เขาก็ไม่เลือกนักว่าจะเป็นตรงไหนในห้อง ขอแค่เขาพอใจ เธอก็ต้องยอมให้เขาทุกที่เสมอ                                         “เร็วสิ...อ้อยอิ่งอยู่ได้ เดี๋ยวก็งานเข้าหรอก” หญิงสาวถูกผลักแรงๆ อีกครั้ง คราวนี้น้ำตาที่กักเก็บไว้กลับอั้นไม่อยู่และไหลอาบแก้มขาวในที่สุด จันทิมันต์เดินรีบจ้ำอ้าวไปเปิดประตูบานนั้นแล้วแทรกกายหายลับเข้าไปในห้อง ประตูถูกปิดลงพร้อมๆ กับร่างอ่อนแรงในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้ายับยู่ยี่และอยู่ไม่เป็นสัดเป็นส่วน ไม่รู้ว่าตัวเธอจะต้องมาทนรับชะตากรรมแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่กัน อีกนานแค่ไหน ฟ้าจะเข้าข้างบันดาลทางออกจากความอัปยศนี้ให้เธอเสียที หากเพียงเหมราชไม่ถือความลับสำคัญบางอย่างของเธอเอาไว้ เธอก็คงไม่ต้องมาทนฝืนแบกรับความทุกข์แสนสาหัสอย่างทุกวันนี้เป็นแน่ “พี่พอสทำอะไรอยู่คะนั่น” “คุณพ่อขา...” ประตูห้องทำงานถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสองร่างเยื้องกรายเข้ามา ในขณะที่เขายังเก็บข้าวของบนพื้นซึ่งตกเกลื่อนเพราะฉากรักเมื่อสักครู่ ด้วยอารมณ์ในตอนนั้น ไม่ว่าอะไรขวางหน้า เขาก็กวาดมันทิ้งเรียบเหมือนมันไร้ค่าเต็มที ทั้งๆ ที่บางอย่างเป็นเอกสารสำคัญด้วยซ้ำไป “ซองพลู...มอลลี่...คือ...เมื่อกี้พี่เผลอหลับบนโต๊ะแล้วละเมอจ้ะ...กวาดของบนโต๊ะซะเกลี้ยงเลย” รอยยิ้มอย่างจริงใจนั้นถูกตอบกลับด้วยการมองจิกอย่างจับผิดจากสาวเจ้า เพราะท่าทีของเขาส่อพิรุธชัดเจน แม้พยายามปกปิดแค่ไหน คนที่รู้ไส้รู้พุงกันมามีหรือจะมองไม่ออก...หญิงสาวผู้ได้ชื่อว่าเป็นเบอร์หนึ่งยืนกอดอกพิงโต๊ะเยี่ยงนางพญา ในขณะที่ลูกสาววิ่งโร่ไปซุกในอ้อมแขนของบิดาแล้วกอดแน่น หอมแก้มซ้ายขวาแถมให้อีกต่างหาก “คิดถึงคุณพ่อมากเลยค่ะ” “หือ...เมื่อเช้าพ่อก็ไปส่งลูกที่โรงเรียนอยู่เลย ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง ขี้อ้อนจริงนะเรา” ชายหนุ่มรีบลุก วางของในมือบนโต๊ะแล้วโน้มตัวอุ้มลูกน้อยขึ้นมาหอมกลับบ้าง “ฝันร้ายเหรอคะพี่พอส...เหงื่อท่วมเชียว” “อ้อ...จ้ะ ใช่จ้ะ ฝันร้ายมากเลย” “ฝันว่าฟัดกับหมาบนโต๊ะเหรอคะถึงได้มีสภาพแบบนี้เนี่ย” หฤทชนันท์มองจิกสามีทั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อผ้าหน้าผมของเขาดูไม่เรียบร้อยอย่างตอนออกจากบ้านสักนิด เสื้อสูทที่ใส่ก็ดูลวกๆ พิกลทั้งเหงื่อกาฬก็ท่วมตัวซะดูน่าเกลียด ข้าวของก็หล่นเกลื่อนบนพื้น และด้วยนิสัยเจ้าชู้ติดอันดับทีมชาติแล้วมีเรื่องเดียวเท่านั้นที่ควรแก่การระแวง ‘ผู้หญิง' คำพูดเจาะจงเน้นๆ นั่นทำเอาจุกสะอึกทั้งคนที่ยืนฟังตรงหน้าและรวมถึงคนที่นั่งพิงประตูอยู่ด้านในห้องนอนนั้นด้วย ระยะห่างห้องนอนกับห้องทำงานไม่ได้ไกลกันมาก รวมถึงไม่ได้ติดปราการป้องกันเสียงใดๆ ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ครอบครัวเขาถ่ายทอดถึงกันด้วยคำพูด จันทิมันต์จึงรับรู้ทั้งหมด แม้ใจจริงจะไม่อยากรู้เลยก็ตาม หญิงสาวกัดริมฝีปากจนห้อเลือดเมื่อได้ยินคำเปรียบเทียบของผู้ถืออภิสิทธิ์ มันเจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจ เลือดสดๆ กลั่นไหลรินออกมาเป็นน้ำตานองสองแก้ม แม้เจ็บช้ำแค่ไหนก็ไม่อาจหลีกลี้หนีหายไปจากตรงนี้ได้ จำใจรับชะตากรรมที่เสียดแทงอย่างไม่มีทางเลือก “แหม...ซองพลูละก็ พี่บอกว่าหยุดก็หยุดสิจ๊ะ” พูดแล้วก็แอบพ่นลมหายใจอย่างเนือยๆ ลูกสาวตัวน้อยก็พลอยทำหน้าเหลอหลาสงสัยไปด้วย ทั้งคู่ก็เหมือนจะรู้ด้วยสัญชาตญาณ “จะกลับบ้านกันได้หรือยังคะ...ซองพลูกับลูกหิวแล้ว ว่าจะมารับพี่พอสไปหาอะไรทานแล้วกลับพร้อมกันเลย...หรือว่าพี่พอส 'อิ่ม' แล้วคะ” แม้ปลาไหลทีมชาติยังต้องปาดเหงื่อ เหมราชสะดุ้งแล้วสะดุ้งอีกกับคำพูดกระแนะกระแหนของภรรยาสาว นี่ขนาดไม่เห็นกับตา แค่ระแวงเฉยๆ ยังขนาดนี้ แล้วถ้าแม่ลองจับได้ขึ้นมาละก็...จองศาลาสถานเดียว คิดถึงคนก่อนๆ ว่าเจนจัดพอตัว มาเจอฤทธิ์เมียหลวงมือวางอันดับหนึ่งเข้าไปแทบมีสภาพไม่เป็นผู้เป็นคน แล้วคนอ่อนปวกเปียกอย่างจันทิมันต์จะไปเหลืออะไร ว่าแล้วก็นึกแล้วก็ให้เสียวสันหลัง “ยังจ้ะ...ยังไม่ได้กินอะไรเลย...เอ่อ...เดี๋ยวซองพลูกับลูกนั่งรอพี่แป๊บนึงนะ พี่เคลียร์งานอีกนิดเดียวก็เสร็จแล้วจ้ะ" “อ้อ ค่ะ...เดี๋ยวซองพลูจะพาลูกไปนั่งเล่นในห้องก็แล้วกันนะคะ” หฤทชนันท์ยิ้มร้ายมุมปาก จากการคาดคะเนคร่าวๆ รับรองว่าก่อนหน้าเธอจะขึ้นมา ห้องทำงานนี้คงไม่ได้มีสามีเธออยู่คนเดียวเป็นแน่ และอีกคนที่อยู่ร่วมด้วยคงยังไม่ได้ไปไหนหรอก คงซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งในนี้แหละ สถานที่น่าสนใจที่สุดคือห้องนอนที่สามีใช้พักผ่อนยามเหนื่อยล้าจากงานนั่นเอง “เอ่อ...พอดีพี่นึกขึ้นได้ว่าไม่สำคัญเท่าไหร่ เราไปกันเลยดีกว่าจ้ะ พี่กลัวเรากับลูกจะหิวจนปวดท้อง ไม่สบายเสียเปล่าๆ” ชายหนุ่มเกิดอาการเสียวไส้เหลือประมาณ แม่ภรรยาเบอร์หนึ่งของเขาสัญชาตญาณดีเหลือเกิน และเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าเซนส์เธอดีเป็นเลิศ วันนี้คงเป็นคราวซวยจริงๆ ที่สองแม่ลูกจูงมือกันมาโดยที่เขาไม่รู้ล่วงหน้า และไม่มีใครที่บ้านรายงานให้ทราบด้วยทั้งที่กำชับเอาไว้แล้วแท้ๆ นี่ถ้าไม่ได้พนักงานรักษาความปลอดภัยคนใหม่ล่าสุดซึ่งยังไม่อยู่ในจอเรดาร์ของหฤทชนันท์ ป่านนี้ห้องทำงานของเขาคงเกิดอัคคีเพลิงไปเรียบร้อยแล้วกระมัง “ซองพลูลืมบอกไปว่าเราสองคนทานแซนด์วิชรองท้องตอนอยู่บนรถมาแล้วค่ะ ปะ...มอลลี่เราเข้าไปรอคุณพ่อในห้องกันนะคะ” “ค่ะ...คุณแม่” หนูน้อยรีบปล่อยมือจากบิดาแล้ววิ่งแจ้นไปจับมือของมารดาทันที ทั้งคู่พากันเดินไปยังห้องนอนอย่างที่บอกไว้ โดยที่เหมราชไม่มีทางทำอะไรได้เลยเพราะจะยิ่งเป็นการทำตัวให้เป็นที่สงสัย เขาได้แต่ยืนกุมขมับลุ้นตัวโก่ง ภาวนาให้หญิงสาวอีกคนเอาตัวรอดได้ด้วยเถิด         ประตูห้องถูกเปิดอย่างไม่เบามือ สายตาคมปลาบกวาดมองคร่าวๆ ทั่วห้อง แต่ก็ไม่เจอความผิดปกติใดๆ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นปกติเสมอไป หฤทชนันท์จูงมือเด็กหญิงตัวน้อยมานั่งบนเตียงหรูแล้วตัวเองก็เดินไปสำรวจรอบๆ อีกครั้ง ทั้งห้องน้ำ หลังผ้าม่าน ตู้เก็บของ หรือแม้แต่ใต้เตียง “เสร็จแล้วจ้ะ...เรา...รีบไปกันดีกว่า เดี๋ยวรถติดน่าเบื่อแย่” “อะไรกันคะเร็วจัง” หญิงสาวมองกลับไปตามเสียงเรียก เธอรู้ว่าเขาเห็นการกระทำ แต่ใครจะไปสน เพราะถึงอย่างไร เขาก็ทำอะไรเธอไม่ได้อยู่แล้วนอกจากปล่อยให้เธอสำรวจตามแต่ใจ แต่ยิ่งเขาเร่ง เธอก็ยิ่งสงสัยเพิ่มพูนเข้าไปอีก เคลียร์งานอะไรกันแค่ไม่ถึงห้านาทีก็เสร็จแล้ว ได้เปิดแฟ้มงานดูหรือยังก็ไม่รู้ “พี่บอกแล้วว่าเหลืออีกไม่มาก ไปกันเถอะนะ...มาเร็วลูกพ่อ” เมอรีอาลุกวิ่งแจ้นยิ้มระรื่นไปตามคำเรียกอีกครั้ง ในขณะที่มารดาของเธอยังคงยืนกอดอกอยู่ข้างตู้เก็บเอกสาร “เร็วค่ะคุณแม่...มอลลี่เบื่อที่นี่จะแย่แล้วค่ะ” เด็กหญิงวัยสี่ขวบร้องเรียกเสียงเจื้อยแจ้ว กระโดดให้บิดาอุ้มอย่างเคยตัว “เดี๋ยวคุณ ขอดูตรงระเบียงหน่อยนะคะ” บอกไปตรงๆ ไม่ต้องมีการอ้อมค้อม ว่าแล้วก็เดินไปเปิดประตูกระจกเลื่อน เยื้องกายออกไปยืนนอกระเบียง มองซ้ายมองขวา ทุกอย่างก็สงบ ไม่มีอะไรให้สงสัยสักอย่าง หญิงสาวเริ่มรู้สึกขัดใจที่มาเสียเที่ยว อุตส่าห์ข่มขู่คนงานในบ้าน รวมถึงคนขับรถไม่ให้รายงานมายังคนทางนี้เพื่อจะมาดักจับแมวขโมยโดยเฉพาะ แต่ต้องกลับไปมือเปล่าซะนี่ “คราวนี้โชคดีไปนะคะพี่พอส...” หญิงสาวเดินเข้าด้านใน ปิดประตูเรียบร้อยแล้วเดินมายืนตรงหน้าสามีหนุ่มที่กำลังหยอกเย้ากับลูกสาวในอ้อมแขน “โชคดีอะไรกันจ๊ะ...ซองพลูคิดมากไปเอง พี่บอกแล้วไงว่าไม่มีแล้ว เชื่อกันบ้างสิจ๊ะ” “เชื่อพี่พอส ซองพลูก็คงต้องเลิกเป็นเมียพี่พอสแล้วไปไถนาสิคะ จับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็แล้วไป ถ้ารู้แจ้งขึ้นมาวันไหนละน่าดู ที่ผ่านๆ มาไม่หลาบไม่จำกันบ้างรึไงนะ แม่หน้าหนาพวกนี้ ฮึ...” ใช่ว่านี่เป็นครั้งแรกเสียเมื่อไหร่ที่เธอคอยตามล่าล้างผลาญสตรีที่ได้ชื่อว่าเมียน้อยของเหมราช ตลอดห้าปีที่แต่งงานกันมา มันแทบนับกันไม่ทันแล้วต่างหาก ต่างคนต่างใช้เล่ห์เหลี่ยม กลยุทธวิธีต่างๆ เอามาประชันกัน เขาหลบ เธอล่อ...เขาลวง เธอล้วง...และผลคือ เธอจะกำราบแม่พวกนั้นจนหนีกระเจิงไปแบบจบไม่สวยสักราย “โธ่...แค่ได้ยินบารมีของเมียพี่ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าเฉียดมาแล้วละจ้ะ...แม่เสือที่ว่าร้ายยังต้องหลีกทางให้เลย ซองพลูน่ะร้ายเกินคน ไม่มีที่จะเปรียบแล้วละรู้ไหม” “มีค่ะ เปรียบกับงูจงอางไงคะ...จงอางหวง ‘ไข่’ พี่พอสเคยได้ยินไหม” พูดจบสาวเจ้าก็สะบัดตัวเดินเบียดออกจากห้องนอนไปทันที  เหมราชเป่าปากอย่างโล่งใจ มิวายเหลือบมองทั่วห้องด้วยความกังวล ไม่รู้ว่าป่านนี้แม่กวางน้อยของเขาจะไปหลบอยู่ซอกไหนเสียแล้วถึงได้รอดแบบหวุดหวิดไปอย่างนั้น เขาไม่ได้มีเวลาสนใจมากนักเพราะกำลังอุ้มลูกอยู่ และภรรยาแสนดุก็ยืนจ้องเขม็งเรียกด้วยสายตาแล้วด้วย จึงจำใจหันหลังเดินจากไปกับครอบครัว ทิ้งคนเบื้องหลังให้เดียวดายจมในห้วงเหวแห่งน้ำตา...

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

My Buddy เล่นเพื่อน

read
16.9K
bc

FirstLove น้องพี่ที่รัก

read
8.1K
bc

นางสาวอินทุอรณ์

read
5.9K
bc

ซ่านเสน่หา พี่น้องต่างสายเลือด

read
4.3K
bc

กระชากกาวน์

read
5.2K
bc

ร้อยสวาททาสหัวใจ

read
3.4K
bc

แคดดี้ที่รัก

read
1.2K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook