ตอนที่ 3

1291 คำ
หัวคิ้วคุณหนูใหญ่ฝูครุ่นคิดหนัก จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้ หากนางเผลอหลุดวาจาตอบโต้กำไลเจ้าปัญหาขึ้นมาอีก “คุณหนูเจ้าคะ ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ” “ชิวถงเจ้าหายหัวไปไหนมา ข้าหิวจนท้องร้องไปหมด” “ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าบอกพ่อครัวทำหัวสิงโตน้ำแดงที่ท่านอยากกิน เขาบอกว่าไม่เคยได้ยินเจ้าค่ะ โชคดีคุณชายเจามายกอาหาร เลยพออธิบายหัวสิงโตน้ำแดงที่คุณหนูอยากกินออกมาได้ ลองดูสิเจ้าคะ” ดวงตากลมมองไปในชามกระเบื้องอันใหญ่ ก้อนเนื้อไส้ผักหน้าตาประหลาดอันนี้กลายเป็นหัวสิงโตน้ำแดงขึ้นมาได้ ฝูมู่เสวี่ยถอนหายใจก่อนจับตะเกียบตั้งหน้าตั้งตากินข้าว มือน้อยขยับตะเกียบไปได้สามคำก็วางลง ชิวถงมองสลับไปมาระหว่างใบหน้างดงามของคุณหนูใหญ่ กับจานอาหารมากมายบนโต๊ะ ไม่ใช่ว่าคุณหนูบอกให้นางยกมามากหน่อยหรือ? “ข้าอิ่มแล้วเจ้ายกออกไปแบ่งกับชิวอี้เถอะ ต่อไปพวกเจ้าสองคนรับใช้ในเรือนข้าด้วยกัน เข้าใจหรือไม่” “คุณหนูกินไปสามคำอิ่มได้อย่างไรกันเจ้าคะ” “ชิวถง” ดวงตาคมกริบปรายมอง “ข้าบอกว่าอิ่มแล้วเจ้าจะถามมากเรื่องไปไย” ชิวถงซึ่งยังคงไม่เข้าใจวิถียอดหญิงงามตั้งท่าถามต่อ ส่วนชิวอี้ไม่พูดมากรีบเข้ามารับใช้ยกจานอาหารมากมายออกไป ที่จริงฝูมู่เสวี่ยสามารถกินได้เพิ่มอีกสองสามคำ ติดตรงที่เวลานี้นางไม่อยากอาหาร ไม่ใช่แค่ไม่อยากอาหารยังไม่อยากทำสิ่งใดทั้งนั้น! น่าเสียดายฝูมู่เสวี่ยไม่อาจอยู่เฉย เริ่มจากเรื่องแรกนางต้องการสัตว์เลี้ยงสักตัว เอาไว้กันยามเผลอหลุดวาจาพูดคุยกับกำไลขาว “จริงสิข้าอยากเลี้ยงลูกแมวสักตัว เจ้าพอจะหามาให้ข้าได้หรือไม่” ชิวถงดวงตาสว่างวาบ “มีเจ้าค่ะ วันก่อนข้าเพิ่งเห็นลูกแมวขาวในจวน อีกเดี๋ยวจะไปอุ้มมาให้คุณหนูเจ้าค่ะ” “เจ้าเอามันมาแล้วอย่าลืมป้อนอาหารอย่าให้มันไปที่อื่น ทางที่ดีอุ้มมาให้ข้าดูก่อน หากไม่ชอบเจ้าไปหาตัวอื่นมาใหม่” สีหน้าชิวถงแปรเปลี่ยนไปมา คล้ายมีวาจาอยากพูดกลับไม่กล้าเอ่ย นิสัยฝูมู่เสวี่ยไม่ชอบเก็บงำ สุดท้ายนางบีบสาวใช้พูดความในใจออกมาจนได้ “ชิวถงเจ้ามองอะไร อยากรู้สิ่งใดถามออกมาเถอะ หากไม่ถามระวังเจ้าจะท้องอืด” “แต่ก่อนหากคุณหนูรู้จักพูดความใจในออกมาเช่นนี้ คงไม่ถูกนายท่านกับฮูหยินเข้าใจผิดใหญ่โตแน่เจ้าค่ะ” “อ้อ” ฝูมู่เสวี่ยขานรับในลำคอ “บ่าวพูดจริงนะเจ้าคะ กลับจากอารามคราวนี้คุณหนูเปลี่ยนไปมาก” “เจ้าไปอุ้มลูกแมวมาได้แล้ว ข้าจะเอนหลังพักสักหน่อย” ชิวถงไม่พูดอะไรอีกรีบออกไปตามหาลูกแมวตัวนั้นมาให้ผู้เป็นนาย สาวใช้คนดีไม่มีทางรู้เลย เมื่อครู่นางทิ้งข้อกังขาใหญ่ไว้ให้ฝูมู่เสวี่ยครุ่นคิดต่อ แต่ก่อนนายท่านฝูกับฮูหยินเข้าใจผิดเรื่องใด? เหตุใดถึงได้ลงโทษบุตรสาวคนโตไล่ไปอยู่อารามชี ข้อมือขาวเนียนคว้าม้วนภาพที่ยัดไว้ใต้ฟูกนอนมาเปิดดู เป็นอย่างที่คิดไว้ ภาพวาดในนั้นไม่มีเรื่องของคุณหนูใหญ่ฝูมู่เสวี่ย มีแต่เพียงฝูหว่านอิงกับเจาจื่อจิ้ง ม้วนภาพปริศนาโดนคนงามยัดเข้าไปเก็บที่เดิม ไม่รู้ว่าปมปัญหาข้อนี้ ฝูมู่เสวี่ยสมควรรื้อฟื้นสักหน่อยหรือไม่ แต่เรื่องที่ฝูหว่านอิงลงแรงไปไม่อาจดูแคลนนาง พิธีก้มคารวะคลานเข่าบูชาเทพใช่ว่าอยากทำก็ทำได้ ยามก้มกราบตัวตนนอนราบไถไปบนพื้น ยืนขึ้นมาได้ยังคงต้องคุกเข่ากราบคารวะถูไปกับพื้นเช่นนี้จนถึงที่หมาย ฝูหว่านอิงใช้วิธีนี้บีบบังคับบิดามารดาขออภัยแทนพี่สาว บุตรสาวคนเล็กที่นิสัยดีหนักแน่นใจกว้างมีเหตุผล ถึงกับใช่วิธีทรมานตนเองเช่นนี้ ไม่ทันที่ฝูหว่านอิงจะออกไปจากประตูจวนสกุลฝูด้วยซ้ำ นายท่านฝูกับฮูหยินพยักหน้ายินยอมให้ฝูมู่เสวี่ยกลับจวน หากยึดตามโครงเรื่องเดิม วันที่ฝูมู่เสวี่ยกลับจวนรถม้าของนางเกิดเรื่องจนตกเขา คุณหนูใหญ่ฝูคู่หมั้นจอมทรราชแซ่เจาสิ้นใจตายไปเช่นนี้เอง ตอนนี้เนื้อเรื่องเปลี่ยนไปแล้ว นี่คือภารกิจสวมรอยคู่หมั้น ให้ฝูมู่เสวี่ยหาทางเปลี่ยนจอมทรราชแซ่เจากลายเป็นคนดี “..หืม?...เจ้ามีรอยเพิ่มขึ้นแล้ว เป็นไปได้อย่างไรข้าไม่ได้ทำอะไรเลย” สายตาคนงามเหลือบไปเห็นกำไลข้อมือที่เมื่อครู่กล้าทำนางเจ็บตัว ปรากฏริ้วรอยเส้นสีแดงเพิ่มขึ้น ฝูมู่เสวี่ยมองแล้วมองอีกหรือจะเป็นรอยเลือดบนข้อมือ? น่าแปลกรอยเจ็บตรงข้อมือไม่มีแผลแต่เจ้าตัวปัญหาน้อยกลับมีริ้วแดงเพิ่ม หรือว่านางเผลอทำภารกิจใดสำเร็จ? “คุณหนูเจ้าคะข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ ท่านดูสินี่ก็คือเจ้าลูกแมวขาว” “ชิวถงเจ้าโง่ใช่หรือไม่ นี่มันลูกหมา” ฝูมู่เสวี่ยโบกมือ “ช่างเถอะเจ้าตัวนี้ก็น่ารักดี ข้ายอมเลี้ยงมันก็ได้ เจ้าไปหาเบาะนุ่มมาให้มันสักหน่อยให้มันนอนหน้าเตียงข้าก็แล้วกัน” เป็นชิวอี้เดินถือเบาะนุ่มอันเล็กเข้ามา สีหน้าสาวใช้คล้ายมีบางอย่างอยากพูดกลับไม่เอ่ยวาจา ฝูมู่เสวี่ยมองเห็นแล้วแต่ตอนนี้นางมัวลูบพุงเอาใจเจ้าตัวก้อนขาวอยู่ มันเป็นลูกหมาที่แปลกยิ่งนัก ขนยาวทั้งตัวเป็นสีขาวไร้ตำหนิใบหน้าดูยาวไม่น่ารัก โชคดีฝูมู่เสวี่ยไม่สนใจหน้าตาของมัน นางแค่อยากเอาเจ้าตัวก้อนขนมาเลี้ยงไว้แก้ต่างให้ตนเอง “ตั้งชื่อเจ้าว่าอะไรดี ฟู่ฟู่หรือไป๋เสวี่ย” “คุณหนูมันเป็นลูกหมา หากตั้งชื่อดีเกินมันจะอายุสั้นนะเจ้าคะ” “จริงหรือ? เหตุใดข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน” “คุณหนูเคยเลี้ยงลูกหมาหรือเจ้าคะ” ชิวถงท้วง “เช่นนั้นตั้งชื่อมันว่าอะไรดี เจ้าน่ารักขี้อ้อนชื่อชิวเพ่ยก็แล้วกัน” ได้ยินคุณหนูตั้งชื่อลูกหมาว่าชิวเพ่ย ชิวถงกับชิวอี้หางตากระตุกยิก สาวใช้ในเรือนจี๋ฟางใช้ชื่อต้นเป็นอักษร ชิว คุณหนูกลับตั้งชื่อสัตว์เลี้ยงตามอย่างสาวใช้ แล้วเจ้าตัวหน้าขนนี้นับเป็นบ่าวรับใช้ด้วยหรือไม่ “เมื่อครู่มีบ่าวรับใช้ชายมาทำท่าทางมีพิรุธ ข้าไม่ชอบให้พวกเจ้าทำตัวมีพิรุธเช่นนั้น จำไว้อยู่รับใช้ในเรือนนี้ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนตัว” “..เอ๋...บ่าวรับใช้ชายหรือเจ้าคะ เรือนจี๋ฟางไม่มีบ่าวชายนะเจ้าคะ หรือเป็นบ่าวนายท่านส่งมา” ชิวอี้เอ่ยวาจา “บ่าวผูใดข้าก็ไม่ชอบ เอาเถอะเรื่องผ่านไปแล้ววันหน้าพวกเจ้าสองคนระวังอย่าให้มีอีกก็พอ” ชิวถงดวงตาเป็นประกายวาววับ “ไม่แน่อาจเป็นบ่าวรับใช้จากเรือนนายท่าน ให้ข้าไปสอบถามดูสักหน่อยดีหรือไม่เจ้าคะ หากฮูหยินอยากพบคุณหนูข้าจะได้รีบมาบอกท่านเจ้าค่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม