คำพูดของจอง ลินทำเอาเท็นรู้สึกผวาไปหมดจนเขาแทบนอนไม่ได้ด้วยซ้ำ แม้ว่าร่างกายจะเหนื่อยล้าจากกิจกรรมอย่างว่าแค่ไหนก็ตาม
หลังเสร็จสิ้นกิจกรรมในร่มผ้าแล้วและต่างฝ่ายก็ต่างเพลียกันทั้งคู่ ขณะที่กำลังนอนเคียงกันอยู่ในห้อง เท็นก็ได้อาศัยจังหวะนั้นในการจ้องหน้าของจอง ลินที่หลับไปแล้วอย่างใช้ความคิด หลังคำพูดมากมายของอีกฝ่ายที่พร่ำออกมาระหว่างที่ทั้งคู่กำลังทำรักกันอยู่เป็นเสมือนกุญแจสำคัญที่จะบอกว่าจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายนี้มันมาจากอะไรกันแน่
ซึ่งมันก็คงไม่ได้มาจากการที่จอง ลินจับได้ว่าเท็นแอบพนันกับเพื่อนเพียงแค่เรื่องเดียวแน่
เพราะอีกฝ่ายดูแค้นมากกว่านั้น ไหนจะคำพูดจาแปลก ๆ นั่นอีก มันจึงเป็นไปได้ยากที่จะมีแค่ประเด็นนี้เพียงแค่ประเด็นเดียว โดยในเวลาต่อมา… เท็นก็ได้ตัดสินใจลุกขึ้นนั่งแล้วค่อย ๆ โน้มตัวเอื้อมไปหยิบเครื่องมือสื่อสารของอีกฝ่ายมา โดยที่ไม่ได้ขออนุญาต เพราะต้องการอยากรู้อะไรบางอย่าง
หลังหยิบโทรศัพท์เครื่องสวยมาได้แล้ว ผู้เป็นเจ้าของห้องก็แอบชำเลืองมองจอง ลินอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงนอนนิ่งอยู่ เท็นก็รีบเปิดหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นทันที ก่อนที่เขาจะชะงักไปเล็กน้อย หลังเพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายได้ตั้งรูปเขาเป็นภาพพื้นหลังหน้าจอโทรศัพท์เอาไว้
แล้วเพราะเห็นอย่างนั้น… เท็นจึงได้แต่ขมวดคิ้วแล้วนึกสงสัยในใจว่าจอง ลินจะตั้งรูปเขาเป็นภาพพื้นหลังหน้าจอไปทำไมกัน
“รหัสผ่านอะไรวะ” หลังเลิกให้ความสนใจกับหน้าจอโทรศัพท์แล้ว เท็นก็กลับมาพึมพำกับตัวเองต่อเบา ๆ เมื่อเขาพบว่าลินได้ตั้งรหัสผ่านโทรศัพท์เอาไว้ โดยที่เท็นคงไม่มีทางเดาถูกแน่ ๆ เพราะเขาไม่ได้รู้จักกับจอง ลินลึกซึ้งขนาดนั้น นอกจากความสัมพันธ์ทางกาย
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเกิดวันที่เท่าไร หมายเลขที่ชอบคือเลขอะไร แล้วเพราะเท็นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายเลยจริง ๆ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องลองเสี่ยงดวงยื่นโทรศัพท์เข้าไปใกล้ ๆ ใบหน้าของจอง ลินดูสักครั้ง เพราะหวังจะให้โทรศัพท์ถูกปลดล็อกด้วยใบหน้าของเจ้าของเครื่อง
“ทำอะไร” ทว่าทันใดนั้นเสียงทุ้มที่ดังขึ้น ทำเอาเท็นถึงกับสะดุ้งโหยง ก่อนที่โทรศัพท์ในมือเขาจะถูกผู้เป็นเจ้าของเครื่องตัวจริงดึงกลับไป
“ก็…แค่อยากเล่นโทรศัพท์นายเฉย ๆ” เท็นพูดโป้ปด แม้เขาจะรู้ดีว่ามันเป็นคำโกหกที่โง่ที่สุดแล้วและอีกฝ่ายก็คงไม่มีทางเชื่อแน่ ๆ แต่เท็นก็ยังเลือกที่จะโกหกออกไปอยู่ดี
“นายก็ใช้รุ่นเดียวกันไม่ใช่เหรอ? แล้วจะมาเล่นของคนอื่นทำไม” อีกฝ่ายถามกลับ
“….”
“ถ้าคิดจะทำอะไรก็ล้มเลิกความคิดนั้นเถอะ เพราะมันคงไม่ได้ง่ายอย่างที่นายคิดหรอก” พูดจบจอง ลินก็จับเท็นให้ล้มตัวลง แล้วขึ้นคร่อมร่างเขาไว้ทันที
“เท็น… เมื่อคืนกูโอนส่วนแบ่งของเดือนที่แล้วเข้าไปให้แล้วนะ มึงเห็นหรือยัง?” จอยพูดขึ้น ขณะที่เหล่าสมาชิกทั้งหมดกำลังนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่ที่หน้าตึกของคณะ เตรียมตัวจะขึ้นไปเรียนวิชาในภาคเช้า
“อืม กูเห็นแล้ว” ผู้เป็นเจ้าของชื่อพยักหน้ารับ สายตายังคงจับจ้องที่แท็บเล็ตของตัวเองตาไม่กะพริบ จนทำให้จอยถึงกับเลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจ
“เห็นแล้ว? แต่ทำไมมึงดูไม่ดีใจเลย เดือนที่แล้วได้เงินเยอะกว่าหลายเดือนที่ผ่านมามากนะ” เธอถามต่ออย่างไม่เข้าใจ
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนกูก็คงจะดีใจอยู่หรอก แต่ตอนนี้มันมีเรื่องอื่นให้กูคิดไง” เท็นตอบกลับเสียงเรียบ ก่อนจะนิ่งไปครู่หนึ่ง หลังเขากำลังลังเลว่าควรจะพูดมันออกไปดีไหม “มึง… มันเป็นไปได้ไหมที่เราจะเลิกทำเว็บนั้น”
เพียงแค่เท็นเอ่ยออกไปเช่นนั้น ความเงียบก็เข้าปกคลุมเหล่าสมาชิกทั้งหมดทันที จีซูและเยริที่กำลังหยอกล้อกันอยู่ถึงกับหยุดการกระทำทั้งหมดแล้วหันมามองเท็นพร้อมกันอย่างตั้งคำถาม ก่อนที่เวนดี้จะเป็นฝ่ายพูดขึ้น
“ถ้าคิดจะเลิกทำอะ…ได้ แต่เราต้องใช้เวลาประมาณปีหนึ่งเลยนะเท็น เพราะโฆษณาหลาย ๆ ตัวที่เตรียมจะลงเว็บ เราเซ็นสัญญาไปแล้วและก็เอาเงินเขามาใช้แล้วด้วย”
“ทำไมจู่ ๆ มึงถึงคิดจะเลิกทำเว็บนั้นทั้งที่ตอนนี้เว็บมันกำลังเติบโตล่ะ? แล้วกูก็จะถามอีกครั้งนะว่ามีเรื่องอะไรที่พวกกูยังไม่รู้หรือเปล่า?” จีซูเอ่ยถามเสียงนิ่ง
“กูก็แค่คิดว่าอีกไม่ถึงปี เราทั้งหมดก็จะเรียนจบกันแล้วนะ กูกลัวว่าเรื่องนี้มันจะแดงขึ้นในอนาคต” พูดจบ เท็นก็ถอนหายใจออกมาอย่างกลัดกลุ้ม เขาไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าหากเรื่องนี้มันไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว ความฉิบหายมันจะมาเยือนหนักแค่ไหน
“โธ่ กูก็นึกว่าเรื่องอะไร…ที่แท้มึงก็กังวลนี่เอง” เยริที่ได้ยินเช่นนั้นระบายยิ้มออกมาจาง ๆ แล้วพูดต่อ “แต่มึงไม่ต้องห่วงนะเท็น เพราะเรื่องนี้ก็มีแค่พวกเราไม่ใช่เหรอที่รู้มัน”
“แล้วมึงคิดว่าความลับมันมีในโลกหรือไง?” เท็นถามกลับทันที
“….”
“วันนี้เราอาจเก็บความลับกันได้ แต่พวกมึงคิดเหรอว่าเราจะเก็บความลับนี้ได้ตลอดไป”
เพราะเท็นเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการพูดเรื่องเครียด ๆ กับเพื่อนตั้งแต่เช้าตรู่ นั่นจึงทำให้บรรยากาศภายในกลุ่มเกือบตลอดทั้งวันดูอึดอัดลงอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าสมาชิกภายในกลุ่มจะไม่ได้มีปากเสียงหรือกระทบกระทั่งกันก็ตาม
ในช่วงพักเที่ยงของวัน…ขณะที่กำลังนั่งกินข้าวเที่ยงอยู่ในโรงอาหารพร้อมกับเพื่อนอยู่นั้น เท็นก็ลอบถอนหายใจออกมาอยู่บ่อยครั้ง หลังในตอนนี้เขากำลังมีเรื่องบางอย่างที่ยังไม่ได้บอกเพื่อน แล้วก็ยังไม่แน่ใจด้วยว่าควรจะเล่าเรื่องของจอง ลินให้เพื่อนฟังดีหรือเปล่า เพราะดูเหมือนอีกคนจะดักไว้ทุกทางแล้ว จนเท็นนึกกลัวว่าการที่เขาตัดสินใจเล่าให้เพื่อนฟัง มันจะกลายเป็นการทำให้ทุกอย่างดำเนินไปตามแผนของจอง ลิน
“เออ มึงกับลินทำงานคู่เสร็จหรือยังวะ?” เยริถามขึ้น หลังเธอกำลังนั่งกินข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน
“เหลืออีกสองเรื่องก็เสร็จแล้ว แต่หลังจากนี้ก็คงแยกทำใครทำมัน”
“อ้าว ทำไมอะ?” เธอถามต่อ
“ก็มันไม่มีเหตุผลให้ต้องเจอกันแล้วไง” เท็นตอบกลับไป ซึ่งในตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว จากที่เขาเคยพยายามเข้าหาจอง ลินก็กลายเป็นอีกฝ่ายบ้างที่เป็นฝ่ายเข้าหากึ่งจู่โจมเขา
“มึงนี่ก็ใจร้ายใช่ย่อยนะ แต่ก็เข้าใจได้เพราะเรื่องพนันในกลุ่มเรามันจบไปแล้วนี่เนอะ”
“ใช่ แล้วกูก็คิดว่า…คนอย่างจอง ลินน่ะ เราไม่ควรเข้าไปยุ่งน่าจะดีกว่า”
“แต่ลินเขาดูสนใจมึงมากนะ” เยริว่าต่อ ทำเอาเท็นที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากถึงกับชะงักไป
“….”
“เมื่อสัปดาห์ก่อนวันที่หมอนั่นมาสาย เขาก็มานั่งด้านหลังแถวเดียวกับมึง นั่งจ้องมึงตลอดทั้งคาบ แล้วพอมึงลุกไปเข้าห้องน้ำลินก็เดินตามมึงไปอีก นี่ไม่ได้ไปคุยกันเหรอ?”
“ไม่นี่ นอกจากงานคู่แล้ว…กูกับลินไม่เห็นมีอะไรให้ต้องคุยกันเลย”
หลังจากนั้นบทสนทนาทั้งหมดที่ว่าด้วยเรื่องของจอง ลินก็ถูกจบลงทันที เมื่อเท็นเริ่มแสดงออกผ่านสีหน้าแล้วว่าไม่ต้องการจะพูดถึงอีกคน
โดยในระหว่างที่เท็นกำลังนั่งกินข้าวมื้อเที่ยงร่วมกับเพื่อนอยู่นั้น เขาก็รู้สึกได้ว่ากำลังถูกสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่ เท็นจึงรีบหันมองรอบตัวอย่างหวาดระแวงทันที ก่อนที่สายตาของเขาจะไปประสานเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ห่างออกไปประมาณสี่โต๊ะ
ซึ่งนั่นก็คือจอง ลิน
ทั้งคู่สบตากันอยู่อย่างนั้น… ก่อนที่ในเวลาต่อมาจอง ลินจะเป็นฝ่ายกระตุกยิ้มมุมปากให้ มันดูน่ากลัวพิลึก จนทำให้เท็นต้องรีบก้มหน้าลงมองหน้าตักของตัวเองโดยพลัน แล้วทันใดนั้นเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ซึ่งมันก็ไม่ได้มาจากแอปพลิเคชันแช็ตแต่อย่างใด แต่ถูกส่งตรงจากเบอร์ปริศนาต่างหาก
‘อุตส่าห์ยิ้มให้แล้วทำไมไม่ยิ้มตอบ?’
‘ไม่มีมารยาท’
หลังจากอ่านประโยคเหล่านั้นจบ เท็นก็ถึงกับหน้าซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม เพราะตั้งแต่ที่เขาเริ่มทำงานคู่กับจอง ลินมา เท็นก็ไม่เคยให้เบอร์โทรศัพท์กับอีกฝ่ายเลยสักครั้ง ทั้งคู่ติดต่อกันผ่านแช็ตเท่านั้น แล้วก็มีแค่เพื่อนในกลุ่มเท็นด้วยที่มีเบอร์ส่วนตัวของเขา แต่ทว่าจอง ลินไปหาเบอร์เขามาจากไหน?
ซึ่งด้วยความฉงน นั่นจึงทำให้เท็นเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปมองทางจอง ลินอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้นั่งอยู่ตรงบริเวณเดิมอีกแล้ว
“มึงกำลังมองหาใคร?” จู่ ๆ เวนดี้ก็ถามขึ้น
“ป—เปล่า” เท็นปฏิเสธกลับไปแล้วก้มหน้าลงอีกครั้ง เพื่อจัดการอาหารตรงหน้าของตัวเองต่อ พร้อมนึกคิดในใจว่าจอง ลินรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา ในขณะที่เขาไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับอีกฝ่ายเลย นอกจากชื่อ…