EP1จุดเริ่มต้น

1822 คำ
@ งานนิทรรศการภาพถ่าย , เวลลิงตัน "ภาพนี้จะไม่เปิดประมูลจริงๆ หรอคะ" ฉันเอ่ยถามพนักงานดูแลสถานที่ "เปิดไม่ได้จริงๆ ครับ ภาพนี้ทางเจ้าของงานจัดสรรมาให้ชมเฉยๆ ครับ" "น่าเสียดายจังเลยค่ะ" ฉันถอนหายใจ เมื่อพนักงานหนุ่มเอ่ยประโยคซ้ำเดิมหลังจากที่เฝ้าถามทุกวัน และใช่.. ฉันชอบภาพนี้ มองครั้งแรกก็รู้สึกถูกชะตาอยากบอกไม่ถูก ภาพที่มีชื่อว่า 'อิสระ' ฉันชอบมันมากถึงขั้นจะควักเงินก้อนสุดท้ายที่มีเอามาร่วมประมูล ย้อนกลับไปสองอาทิตย์ก่อนหน้า... ตุ้บ! "นี่มันอะไรกันยัยเมด!" ฉันก้มมองกระดาษผลการเรียนที่มหาวิทยาลัยส่งมาให้ถึงที่บ้านด้วยสายตาเบื่อหน่าย ก่อนจะหยิบไวน์ขึ้นมาดื่มอย่างไม่สนใจชายชราด้านหน้า และชายชราที่ว่านั้น.. เขาเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดของฉันเอง "จะถามทำไม ป๊าก็รู้อยู่แล้ว" ฉันตอบว่าที่เจ้าของโรงพยาบาลรัชตนกุลวิชัยเวชไป นั่นยิ่งทำให้เจ้าตัวโมโหจนหน้าแดงก่ำ "ทำไมเกรดแกถึงได้แค่นี้" "คำตอบเดิม เมดไม่อยากเป็นหมอ" ฉันเบื่อที่จะคุยเรื่องนี้กับป๊าแล้ว เลยเลือกที่จะเดินหนี เมอเมดผู้กลัวเลือดยิ่งกว่าสิ่งใด แล้วคิดสภาพว่าฉันต้องเรียนหมอ นึกดูดิว่ามันจะอึดอัดแค่ไหน "แต่บ้านแกทำธุระกิจโรงพยาบาล แกต้องเรียน!" ฉันกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย ขนาดเดินเข้ามาในบ้านแล้วป๊ายังเดินตามเข้ามาบ่น "ว๊า~ กลับมาผิดจังหวะอีกแล้ว" และนี่คือเสียงของพี่เมธา หรือพี่เเมธ พี่ชายของฉันเอง ที่พ่วงตำแหน่งรองประธานเจ้าของโรงพยาบาลแถวหน้าในกรุงเทพมหานคร "พี่แมธก็เป็นหมอแล้วไงป๊า ปล่อยเมดไปคนนึงเถอะนะ" ฉันหันไปส่งซิกให้คนเป็นพี่ช่วย แต่รายนั้นได้แต่ส่ายหัวไปมา พลางจะเดินหนีขึ้นห้อง "แกต้องเป็นอีกคน" ฉันหยุดเดินหันไปมองคุณเมธานินทร์ผู้บังเกิดเกล้า ซึ่งจังหวะที่ฉันหยุดเดินพี่แมธก็หยุดยืนมองอยู่ที่หัวบันได เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเลือกจะประจันหน้ากับพ่อของตัวเอง เพราะที่ผ่านมาฉันเลือกที่จะเดินหนีตลอด "เมดจะซิ่วไปเรียนคณะบริหาร" คำพูดของฉันทำให้พี่แมธถึงกับเอามืออุดหูตัวเอง "ยัยเมด!!!!!" และก็ตามมาด้วยเสียงตวาดลั่นบ้าน ตอนนี้ฉันเรียนอยู่ปีหนึ่งคณะแพทยศาสตร์ เกรดไม่ต้องถามถึงต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก จะโดนทายออกหลายรอบก็มีป๊านี่แหละคอยหนุนหลัง ซึ่งฉันโครตจะเบื่อ แค่เลือดยังกลัวจะให้เรียนหมอให้ได้อะไรก่อน อยู่มาได้ยันเทอมสองก็ถือว่าอึดพอสมควรละนะ -_-^ "ค่อยๆ คุยกันได้ไหมพ่อลูกคู่นี้" คุณแม่เดินเข้ามาสมทบอีกคน ดูท่าแล้วน่าจะพึ่งเข้าเคสออกมา ป๊าฉันเป็นศัลยแพทย์เฉพาะทาง ศัลยกรรมระบบประสาท ศัลยกรรมกระดูกและข้อ พี่เมธาศัลยกรรมทรวงอกและหัวใจ ส่วนคุณแม่จะเป็นศัลยแพทย์ทั่วไป ส่วนฉันนะหรอ? อยากเปิดบริษัทขนมครัวซองต์เป็นแบรนด์ของตัวเอง เพราะฉันไอเลิฟน้องมาก >< ชอบกินจนเก็บไปฝันว่าสักวันนึงฉันจะเป็นเจ้าของร้าน "ม๊าเก็บป๊าด้วยค่ะ" ฉันพูดกับแม่ตัวเอง ซึ่งท่านก็เดินเข้ามายืนแตะไหล่ป๊าฉันให้อารมณ์ท่านเย็นลง คนสูงอายุสูดลมหายใจเข้าเฮือกนึงก่อนจะพูดประโยคถัดมา "แกไม่อยากเป็นหมอ แล้วแกอยากเป็นอะไร" ฉันยืนนิ่งอยู่กับที่ นี่เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ป๊าฉันถามแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาท่านจะบังคับฉันตลอด ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ฉันจะได้ทำอะไรตามใจชอบ ซึ่งโชคดีที่พี่แมธชอบเรียนด้านนี้ ป๊าเลยไม่ต้องบังคับและท่านภูมิใจลูกชายคนนี้มาก ซึ่งต่างกับฉัน ท่านจะด่าทุกวัน ด่าจนขี้หูจะทะลุ คุยกันทีไรไมเกรนป๊าฉันจะขึ้นตลอด และในเมื่อตอนนี้ป๊าถามตรงๆ ฉันก็จะตอบตรงๆ "เมดอยากทำธุรกิจแบรนด์ขนมครัวซองต์ค่ะ" "เหตุผล" "เมดชอบกิน" ม๊าเอามือกุมขมับ ป๊านวดหว่างคิ้วไปมา ส่วนพี่ชายฉันยืนตบมือแปะๆ ทำหน้ากวนส้นเท้า บอกแล้วว่านางกวนจริงๆ -_-^ "อย่าไร้สาระ กลับไปตั้งใจเรียน" นอกจากจะไม่ฟังยังให้กลับไปเรียนเหมือนเดิมอีก "ไม่ค่ะ เมดบอกแล้วว่าเมดไม่อยากเป็นหมอ เมดจะเป็นเชฟทำขนม" ป๊ามองหน้าฉันนิ่ง แววตาท่านมองจากดาวอังคารก็รู้ว่าโกรธจนแทบจะถล่มบ้านทั้งหลังได้ แต่ในเมื่อได้พูดแล้วก็จะเอาให้สุด "พรุ่งนี้เมดจะไปยื่นเรื่องลาออก และจะไปเรียนต่อคณะบริหารธุรกิจที่นิวซีแลนด์ค่ะ" ป๊ากำมือแน่น ส่วนม๊าหันมาทำหน้าเหวอ เอาจริงคุณแม่ท่านไม่ค่อยบังคับฉันหรอก แต่ลึกๆ ก็รู้ดีว่าท่านก็อยากให้ฉันเป็นหมออีกคน ส่วนมากท่านจะตามใจฉันอยู่บ้าง ถามไถ่ ให้คำแนะนำ แต่ก็นั่นแหละขัดป๊าได้ซะที่ไหนกัน ส่วนเรื่องเรียนต่อฉันคิดและศึกษามาสักพักแล้ว มหาลัยนี้เป็นมหาลัยอันดับต้นๆ ของประเทศ ชื่อมหาวิทยาลัย HM Z University ซึ่งฉันมีเพื่อนสนิทที่เรียนอยู่ที่นั่นสองคน อีกอย่างฉันไม่ได้ตามเพื่อนนะ จากที่ศึกษาดูมหาลัยที่นั่นมีหลักสูตรการเรียนการสอนคล้ายๆ กับประเทศไทย แค่ยกระดับสื่อการสอนที่ทันสมัยกว่าและอาจารย์แต่ละคนระดับดอกเตอร์เก่งๆ ทั้งนั้น กว่าจะสอบเข้าได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ใช่ค่ะ.. ดิฉันแอบซุ่มอ่านหนังสือและสอบจนผ่านรอบคัดเลือกได้สำเร็จ เหลือแค่ไปรายงานตัวและก็บอกทางบ้านนี่แหละ เรื่องหมอฉันไม่ชอบเลยไม่สนใจ แต่สิ่งที่ฉันชอบฉันก็พร้อมจะเรียนรู้และก็มีความสุขไปกับมัน และนี่คือสิ่งที่ฉันโหยหามาตลอดอายุ 22 ปี "มันไม่ได้เข้าง่ายๆ นะเมด หนูต้องไปสอบทำเรื่อง..." คุณแม่กำลังจะพูดซึ่งฉันก็เดินไปหยิบกระดาษกรอกใบสมัครและใบรับรองว่าฉันสอบผ่านให้ป๊ากับม๊าดู ม๊าฉันดูอึ้งหนักกว่าเดิมส่วนคนเป็นพ่อตอนนี้ท่านนิ่งไปจนเดาความคิดไม่ถูก "แกยืนยันที่จะไปให้ได้ใช่มั้ย" "ค่ะ" ฉันยังยืนยันคำเดิม "งั้นแกก็ไปให้รอด" "......." ฉันสบตากับป๊าอย่างไม่น่าเชื่อว่าท่านจะยอม ก่อนที่ท่านจะมองกระดาษในมือแล้วหันมามองหน้าฉันอีกครั้ง "ฉันจะระงับบัตรเคดิตแกทุกใบ รถทุกคันแกไม่มีสิทธิใช้ จะออกไปก็ไปแต่ตัว" นั่นไง.. ไม่มีทางที่ป๊าฉันจะยอมง่ายๆ หรอก และเรื่องนี้ฉันก็เตรียมใจเอาไว้แล้ว "แต่คุณคะ.." "คุณไม่ต้องมาห้าม และจำเอาไว้ห้ามใครในบ้านส่งเงินให้ยัยเมดใช้ ถ้าฉันรู้ฉันจะตัดชื่อมันออกจากวงค์ตระกูล" "คุณ!" "งานหยาบแล้วน้องรัก" ทุกคนต่างตกใจ ไม่ต่างจากฉันที่ยืนนิ่ง ใจกระตุกวูบเมื่อป๊าพูดแบบนั้น เพราะท่านดูไม่ห่วงใยฉันเลยสักนิด แค่ฉันจะไปทำตามสิ่งที่ตัวเองชอบมันผิดขนาดนั้นเลยหรอ "ส่วนแก ถ้าซมซานกลับมาบ้านเมื่อไหร่ แกจะต้องเรียนหมอเท่านั้น จำไว้!" คุณพ่อพูดด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องทำงานส่วนตัว "เมด ม๊าว่า.." "ไม่เป็นไรค่ะม๊า เมดจะไป" ฉันกรอกตาไปมาเพื่อขับไล่น้ำตาของตัวเองไม่ให้ไหล ก่อนจะตอบคุณแม่ไปและเดินขึ้นมาเก็บของบนห้องของตัวเอง จากนั้นก็ส่งข้อความหาเพื่อนสนิทให้มารับ ที่ตอนนี้บินมาหาครอบครัวที่ไทยก่อนเปิดเทอมที่นั่น จนฉันเก็บเสื้อผ้าเสร็จหยิบเงินสดของตัวเองที่เก็บไว้ในเซฟออกมา ซึ่งมันคงพอให้ฉันใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นได้ไปเปาะนึง "สู้เขายัยเมด" แต่ระหว่างที่กำลังรูดซิปปิดกระเป๋า น้ำตาดันไหลหยดลงมาเต็มธนบัตร จนต้องรีบเช็ดมันออกอย่างลวกๆ เพราะใกล้ถึงเวลาที่นัดกับเพื่อนไว้แล้ว และพอออกมาด้านนอกก็พบกับพี่แมธยืนรออยู่ "จะไปจริงอ่ะ" พี่แมธถอนหายใจ "เคยล้อเล่นที่ไหน" "อยู่เรียนหมอดีๆ ไม่ชอบ โตเป็นควายแล้วยังกลัวเลือดอีก" "ไอ้พี่แมธ : (" ฉันทำหน้าบึ้ง แต่ถึงปากจะพูดแบบนั้นนางก็เดินเข้ามาช่วยถือกระเป๋าลงไปด้านล่าง ซึ่งไร้วี่แววของป๊า มีแต่ม๊าที่ยืนรอทำหน้าเศร้า "เมอเมด อยู่บ้านเราเถอะนะ" ม๊าพูดเสียงสั่น นัยน์ตาท่านดูแดงๆ สงสัยไปแอบร้องไห้มาแน่เลยม๊าฉัน "ม๊าไม่ต้องห่วงเมดนะ เมดดูแลตัวเองได้" ฉันพูดแล้วเข้าไปสวมกอดท่าน "แต่ว่า.." "ไม่มีแต่ค่ะ เมดจะทำให้ป๊ารู้ว่าเมดเอาตัวรอดได้ และสักวัน... เมดต้องประสบความสำเร็จโดยที่ไม่ต้องเป็นหมอ" ม๊ากอดฉันแน่น ฉันน้ำตาคลอเบ้าพยามบังคับตัวเองไม่ให้พูดเสียงสั่น "จะรอดูเหอะ" พี่แมธพูดก่อนจะส่งกระเป๋ามาให้เป็นจังหวะที่เพื่อนฉันขับรถเข้ามาจอดที่โถงหน้าบ้าน นั่นยิ่งทำให้ม๊าน้ำตาไหลออกมาเป็นทาง "เมดไปก่อนนะคะ ถึงเมื่อไหร่เดี๋ยวไลน์หา" ฉันก้มหอมแก้มม๊าฟอดนึง ก่อนจะหันไปหาพี่แมธแล้วดึงคอนางลงมาหอมแก้มอย่างแรง "อี๋ สกปรก" ฉันหัวเราะให้กับคำพูดของพี่ชายตัวเองที่หวงตัวกับน้องสาวยิ่งกว่าอะไร "ดูแลม๊าด้วย ออกเคสก็กลับบ้านไม่ใช่ไปเที่ยวเตร่หาสาว" "พูดมาก ไปๆ สักทีเหอะ" พี่แมธผลักหัวฉันหนึ่งที แต่แอบเห็นนะว่านางตาแดงๆ ที่ไม่อยากแซวก็เพราะว่ากลัวตัวเองนี่แหละจะเขื่อนแตก "ดูแลตัวเองดีๆ นะเมด" พูดไปด้วยเช็ดน้ำตาไปด้วย "ค่ะ เมดไปแล้วนะคะ" ฉันพูดก่อนจะหันไปมองด้านหลัง ยังไร้วี่แววป๊าเหมือนเดิม.. จึงตัดสินใจเดินไปขึ้นรถที่เพื่อนมาจอดรอรับ จนรถสปอร์ตคันหรูเคลื่อนตัวออกจากบ้านหลังใหญ่ และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นอิสระของฉัน....
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม