EP2 เรื่องซวยๆ

1878 คำ
วกกลับมาปัจจุบัน ตอนนี้ฉันกำลังยืนอยู่ที่งานนิทรรศการภาพถ่ายชื่อดัง สายตากำลังกวาดมองภาพท้องฟ้าที่มีนกโบยบินอยู่เพียงหนึ่งตัว เพราะเพียงแค่เห็นภาพนี้เป็นครั้งแรกฉันก็ตกอยู่ในภวังค์ มันให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายความเป็นอิสระ ที่ทั้งชีวิตฉันต้องการมันและตอนนี้กำลังก้าวข้ามออกมาจากเซฟโซนที่เรียกว่า 'บ้าน' มาใช้ชีวิตคนเดียวในโลกภายนอก จนยืนมองได้สักพัก เสียงพนักงานก็ประกาศเวลาปิดนิทรรศการ ฉันยกแขนขึ้นมาดูเวลาพบว่าเหลืออีก 10 นาที ก็จะถึงเวลาปิด ฉันมองภาพนั้นอีกครั้งด้วยความสิ้นหวัง ก่อนหมุนตัวหันหลังเตรียมจะเดินออกมาที่ลานทางออก ซึ่งตอนนี้ผู้คนกลับกันหมดแล้ว "คุณผู้หญิงคะ" ทว่าตอนที่ฉันกำลังจะเดินออกมากลับมีเสียงเรียกของพนักงานที่คอยดูแลสถานที่ดังขึ้น พอหันไปมองก็พบกับพนักงานผู้หญิงและถัดไปด้านหลังมีผู้ชายร่างสูงใส่สูทสีดำเซ็ตผมเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้ายืนอยู่ที่หน้ารูปภาพรูปนั้นและกำลังยืนจ้องมองมาทางฉัน "คะ?" ฉันละสายตาจากใบหน้าคมเข้มหันมาตอบพนักงาน "คุณโฮสจะคุยด้วยครับ" "คุณโฮส? เมดทำอะไรผิดหรือเปล่าคะ" คิ้วเรียวขมวดงง พลางหันไปมองผู้ชายคนนั้นเขาก็เอาแต่จ้องฉันนิ่ง สีหน้าไม่บ่งบอกว่าต้องการอะไร "เชิญทางนี้ค่ะ" พนักงานผายมือให้ฉันเดินตามไปที่รูปภาพนั้นอีกครั้ง หรือเขาจะคิดว่าฉันเป็นขโมย? ซึ่งฉันมองผู้ชายที่ชื่อโฮสอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับไปเพื่อจะอธิบายว่าไม่ได้มีเจตนาจะขโมยรูปภาพ "เอ่อ คือว่าฉันไม่ได้คิดจะขโมย..." "คุณสนใจภาพนี้หรอครับ" ยังไม่ทันอธิบายจบ ชายหนุ่มร่างสูงก็พูดแทรกขึ้นมา "ค่ะ" ฉันตอบไปตามตรง รู้สึกประหม่าเล็กน้อยเพราะตอนนี้เหลือแค่ฉันเพียงคนเดียวที่เป็นผู้ชมในงานศิลปะแห่งนี้ อีกทั้งยังรู้สึกเหมือนมีสายตาจับจ้องมองมา ทั้งที่ภายในโถงนี้มีคนแค่สามคน "ผมจะขายรูปนี้ให้คุณ" "ค่ะ คะ!?" "คุณจะขายภาพนี้ให้ฉัน?" นิ้วเรียวชี้ไปที่รูปภาพเพื่อย้ำอีกครั้ง "ครับ" "คุณเป็นเจ้าของภาพหรอคะ" "ไม่ครับ" "หรือว่าเป็นเจ้าของงาน.." "เอาเป็นว่า คุณจะซื้อหรือเปล่า?" "ซื้อโดยไม่ผ่านการประมูลหรอคะ" ฉันถามอย่างไม่เข้าใจ "......." แต่พอเห็นใบหน้านิ่งเรียบที่มองมา ฉันก็ต้องรีบพูดในสิ่งที่อยากได้ เพราะกลัวคนตรงหน้าจะเปลี่ยนใจ "ซื้อค่ะ ฉันจะซื้อ" ฉันรีบพูดด้วยความตื่นเต้น นัยน์ตาประกายความดีใจอย่างเห็นได้ชัด "ภาพนี้ปิดการขายที่ 1ล้านบาทครับ" "นะ หนึ่งล้าน O_O" ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ถึงจะรู้ว่าภาพนี้ต้องแพงอยู่แล้วแต่ก็อดที่จะตกใจไม่ได้ เพราะว่าเงินจำนวนนั้น มันคือจำนวนครึ่งนึงของเงินที่ฉันมีอยู่ "คือว่า.." "?" "ผ่อนจ่ายได้ไหมคะ" คำพูดของฉันทำให้คนตรงหน้ากระตุกยิ้ม แต่เพียงเสี้ยววินาทีก็กลับมาทำหน้านิ่งตามเดิม "ผ่อนจ่ายด้วยอะไรครับ" ฉันชะงักกับคำถามเล็กน้อย "เงินค่ะ ฉันมีเงิน แต่..ฉันมีความจำเป็นต้องใช้ เลยอยากขอทยอยจ่ายได้ไหมคะ" "อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้านายผม" "เจ้านาย?" "ครับ เอาเป็นว่าคุณรับภาพนี้ไป ถ้าเจ้านายผมรับข้อเสนอที่คุณต้องการ ผ่อนจ่าย ผมจะติดต่อกลับไป" "หมายถึง คุณจะให้ภาพนี้ฉันไปก่อนหรอคะ" บทจะให้ภาพก็ให้มาง่ายๆ อีกทั้งคำว่าผ่อนจ่ายที่ชายหนุ่มตรงหน้าย้ำมันทำให้ฉันเริ่มนึกกังวลขึ้นมา "ครับ" "ไม่ใช่ให้ภาพมาแล้วเรียกเก็บดอกเบี้ยย้อนหลังแพงนะคะ" "หึ เจ้านายผม.. ไม่ได้ต้องเงินหรอกครับ" เขาพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่อยากได้เงินแล้วจะขายภาพให้ฉันทำไม แต่องค์กรที่จัดนิทรรศการระดับโลกแบบนี้คงไม่มีเรื่องผิดกฏหมายเข้ามาแทรกแซงหรอกมั้ง.. "ตามนี้นะครับ ผมจะให้พนักงานนำภาพไปส่งที่รถของคุณ" ร่างสูงตรงหน้าพูด ก่อนจะพยักหน้าให้พนักงานนำรูปภาพนั้นลงมา เอิ่ม เหมือนมัดมือชกเลยอ่ะ "งั้นถ้าเจ้านายของคุณต้องการให้ฉันจ่ายแบบไหน ติดต่อมานะคะ" มือเรียวล้วงเข้าไปในกระเป๋าถือหยิบนามบัตรออกมายื่นให้คนตรงหน้า "ไว้ผมจะติดต่อกลับไปครับ คุณเมอเมด :) " "ค่ะ" ฉันตอบแล้วยิ้มกลับให้ผู้ชายตรงหน้า ก่อนที่ร่างสูงจะเดินออกไป แต่รอยยิ้มนั้น... ยิ่งมองยิ่งดูแปลกยังไงชอบกล หรือสไตล์การยิ้มของเขาจะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ........ @ คอนโด "รู้สึกดีจัง" ฉันยืนเหม่อมองภาพบนฝาผนังห้องนอน ที่พึ่งให้ช่างมาติดไปหมาดๆ และถึงแม้ราคามันจะเหยียบล้านฉันก็ไม่เคยนึกเสียดายเงินเลยที่ซื้อมันมา ห้องที่ฉันอยู่เป็นคอนโดของเพื่อน ชื่อ เพทาย มันเป็นลูกเจ้าของบริษัทส่งออกรถยนต์ซูเปอร์คาร์ และทำกิจการเกี่ยวกับรถยนต์ครบวงจร ตานี่เป็นเพื่อนกับฉันตั้งแต่ยังเด็กเลยสนิทและไว้ใจกันพอสมควร มันให้ฉันเข้ามาอยู่ฟรีๆ แต่ค่าน้ำค่าไฟจ่ายเอง เป็นคอนโดใกล้มหาลัยด้วยล่ะ จึงสะดวกกับการเดินทางไปเรียนมาก และไม่ต้องห่วงว่าเพทายมันจะไปนอนไหน หมอนี่มันไม่อยู่กับที่หรอก ชอบไปวางไข่ไว้ทั่วและถึงมันจะมานอนที่นี่ก็มีตั้งสองห้อง ปกติตอนอยู่ไทยเวลามันกลับมา เบื่อสาวๆ มันก็ชอบมาขลุกอยู่คอนโดฉัน อ้อ ลืมบอกเพื่อนฉันมีผู้หญิงอีกคนชื่อเหม่ยหลิน สองคนนี้คือเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก จึงสนิทและไว้ใจกันมากจนนอนเตียงเดียวกันได้ ครืดดด ครืดดด~ ระหว่างที่คิดอะไรเพลินๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น พบว่าเพทายกับหลินวิดีโอคลอกลุ่มในไลน์มา (เพทาย : ไม่ทราบว่าน้องเมอเมดไปรายงานตัวหรือยังคะ) "ตอแหลมาก" (หลิน : ฮ่าๆๆ) ฉันเเบะปากใส่เพื่อนด้วยความหมั่นไส้ ที่มันชอบล้อแบบนี้ก็เพราะว่าฉันซิ่วมาเรียนปีหนึ่งใหม่ ส่วนพวกมันสองคนอยู่ปีสองแล้ว ตอนนี้ฉันเลยเหมือนเป็นรุ่นน้องพวกมัน (เพทาย : พูดกับเฮียเพราะๆ หน่อย เดี๋ยววันรับน้องเฮียแกล้งหนักนะ) "ก็ลองดู ได้ข่าวว่าสับรางเด็กคณะบัญชีกับคณะบริหารอยู่นิ หรือกูจะส่งรูปให้น้องเขาดูดีน้าาา" (เพทาย : มึงรู้ได้ไง ฮุ่ยหลินมึงบอกมันหรอ? -_-^) (หลิน : เออ หมั่นไส้ แล้วก็เลิกเรียกกูแบบนี้สักทีเถอะ) เพทายทำหน้าหงิกก่อนที่ฉันจะสังเกตสีหน้ายัยหลินในวิดีโอคลอดูไม่ค่อยดีนัก "เป็นไรวะหลิน หน้าตาดูเครียดๆ" (หลิน : มีเรื่องนิดหน่อยว่ะ คลับกันมั้ย?) "หาแต่เรื่องเสียเงิน" ฉันตอบเพื่อนไป ไม่ใช่ไรนะ ภาพที่เด่นอยู่ตรงหน้ามันค้ำคอ คอยเตือนให้ฉันประหยัดเงิน T^T (หลิน : กลัวไร เพทายมันเลี้ยง) (เพทาย : ถามกูยัง?) (หลิน : ก็ถามอยู่นี่ไงคะเพื่อน) (เพทาย : คำถามมึงมัดมือชกมาก -_-) "สรุปเลี้ยงมั้ยคะ เฮียเพทายยย" ฉันถามเสียงออดอ้อน (เพทาย : เออ! เลี้ยงก็เลี้ยง มึงนี่เหมือนเมียเก็บกูเลยว่ะ คอนโดก็ให้อยู่ นี่ยังต้องคอยเลี้ยงเหล้าอีก) (หลิน : บ่นอะไรนึกถึงตอนที่พวกกูคอยไปตามล้างตามเช็ดเด็กที่มึงไปไข่ไว้เรื่อยราดด้วย) คำพูดของหลินทำให้ฉันหัวเราะออกมาลั่นห้อง ก่อนที่พวกเราจะด่ากันไปอีกสองสามประโยค ก็แยกย้ายกันไปแต่งตัว ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว พวกเรานัดกันที่คอนโดฉัน โดยที่เพทายจะวนรถไปรับหลินก่อน ฉันแต่งตัวเสร็จจึงมายืนรอเพื่อนที่ด้านล่างจะได้ไม่เสียเวลา และก่อนออกไปจากห้องฉันก็ไม่ลืมที่จะหันไปมองรูปภาพและยืนยิ้มให้ อย่างกับคนบ้ายังไงยังงั้น "เป็นเอามากนะเรา" ฉันหัวเราะตัวเอง จากนั้นก็ก้าวเท้าออกมาจากห้องลงลิฟท์มายังชั้นล่างสุด พลางกดเข้าดูไลน์กลุ่มพบว่าเพทายกำลังไปรับหลิน และคอนโดที่หลินอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก จึงตัดสินใจเดินออกมารอที่สวนสาธารณะด้านหน้าคอนโด สองเท้าก้าวมาหยุดอยู่ที่ริมฟุตบาทตรงทางม้าลาย มองซ้ายมองขวาไม่มีรถจึงจะเดินข้ามไปอีกฝั่ง ปรื้นนน ปรื้นนน! "เฮ้ยยย กรี๊ดดดด!" ทว่า เมื่อฉันก้าวไปอยู่กลางถนนกลับมีรถพุ่งเฉี่ยวมาที่ฉันอย่างรวดเร็ว ทำให้ฉันตกใจเสียหลักหงายหลังล้มลงกับพื้น ตุ้บ! "โอ๊ยย ขับรถภาษาไรวะ!" ฉันร้องโอดโอยหลังจากที่ก้นจ้ำเบ้ากับพื้น ถอดรองเท้าส้นสูงออกรีบพยุงตัวลุกเดินไปนั่งบนฟุตบาท พลางหันไปมองรถคันนั้นที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก ไม่นานก็มีผู้ชายหุ่นสูงเปิดประตูรถออกมาจากด้านข้างคนขับ พร้อมกับแผ่นกระดาษในมือ ฉันขมวดคิ้วมองลักษณะการแต่งตัวของคนที่กำลังเดินมา มันคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแต่ก็นึกไม่ออกและตอนนี้ฉันกำลังอารมณ์เสียและเจ็บแผลที่หัวเข่ามาก "ค่ารักษา" พอเดินมาถึง ผู้ชายคนนั้นก็ยื่นกระดาษมาตรงหน้า ซึ่งทำให้ฉันรู้ว่ามันเป็นเช็คเงินสด เหอะ! แก้ปัญหาด้วยวิธีนี้สินะคนรวย คำขอโทษสักคำก็ไม่มี ฉันแค่นหัวเราะ หันไปมองอีกฝั่งพบว่ารถของเพทายกำลังมาจอดตรงฉันพอดี "เฮ้ย! เมดเป็นไรวะ" เสียงของเพทายและหลินดังมา ฉันจึงพยุงตัวลุกขึ้นยืนหันไปมองผู้ชายคนดังกล่าวและปลายตาไปที่รถหรูกระจกทึบ เซ้นส์ฉันบอกว่าต้องมีคนนั่งอยู่ในนั้น "เอาไปตัดแว่นใส่กันเถอะค่ะ หรือไม่ก็ซื้อน้ำผลไม้บำรุงสายตากิน จะได้มองทางม้าลายได้ชัดขึ้น" ฉันพูดแค่นั้นก็เดินกะเผลกไปหาเพทายและหลินที่กำลังวิ่งมา "รถเฉี่ยวหรอวะ" "เออดิ หงุดหงิดชิบหาย" "แล้วมันเอาไง ขอโทษมั้ย รับผิดชอบรึเปล่า" หลินถามอย่างเป็นห่วงแต่ฉันดึงพวกมันไปที่รถ ไม่อยากจะเสวนากับคนพวกนั้น "ไปเหอะ กูไม่เป็นอะไรมาก" ฉันหันไปมองรถคันนั้นอีกรอบพบว่ายังจอดนิ่งอยู่ที่เดิม จึงลดกระจกลงแล้วชูนิ้วกลางออกไปให้เป็นของแถม บรื้นนนนนน~ จากนั้นเพทายก็เร่งรถออกไปในที่สุด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม