หมอผีแทน
ย้อนไปเมื่อ 300 กว่าปีก่อน
“ ยะนิระ ภูตานิ สะมาคะตามิ กุมมานิวายานิวะ อัตะสิกเข สัพเพวะ ภูตา สุมานะ ภะวันตุ อะโกปิ สักกัจจะ สุณินตุ กาสิตัง “ เสียงของชายหนุ่มรูปหล่อ อยู่ในชุดโจงกระเบนสั่นนั่งไม่ใส่เสื้อ อีกทั้งรายสักขอมโบราณของชายหนุ่มก็เต็มตัวของชายคนที่ร่ายมนต์อยู่ใต้ต้นไทรใหญ่ หลังป่าช้า หลังจากที่ชายคนนี้ท่องคาถาอยู่ไม่นาน อยู่ๆก็มีเสียงลมพัดมาอย่างกับว่ามีพายุ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ฟ้ายังเปิดอยู่แท้ๆ
ฟู่……ฟิ๊ว…..ซู่………ซ่า…….ฟิ๊ว………ตูม..
เสียงของลมที่โหมกระหน่ำอย่างกับมีพายุ พัดจนแทบหลังคาโบสถปลิวเลยก็ว่าได้ หลังจากนั้นไม่นาน ที่ลมพัดอย่างกับโทนาโดเข้า อยู่ๆก็มีอะไรบางอย่างที่อยู่ในหลุมระเบิดออกมา จนกระดานไม้ปลิวออกจากหลุมศพแต่การเปิดของฝาโลงนั้นไม่ได้เปิดแบบธรรมดาปกติ แต่เปิดออกมาเหมือนกับว่ามีใครวางระเบิดเอาไว้ข้างใน
ผลึบ
เมื่อฝาโลงเปิดออก ร่างของคนที่อยู่ในโลงก็ลุกขึ้นมานั่งจังก้า นั่งหลับตาอยู่ในท่าพนมมือ โดยศพที่อยู่ในโลงนั้นมีสภาพเละไปแล้วครึ่งซีก หนอนตัวอ้วนตัวผอม ต่างก็แย่งกันกัดกินเนื้อหนังของศพอย่างกับว่า ร่างนี้มีเป็นอาหารชั้นยอด
“ อีมะลิ อย่าว่ากูเลยนะ กูแค่อยากได้น้ำมันของมึงนิดหน่อยเท่านั้น แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้กูจักทำบุญกรวดน้ำไปให้มึงนะอีมะลิ “ ผลึบ หลังจากที่ฝาโลงเปิดออกร่างของหญิงสาวที่เน่าผุผัง อีกทั้งยังมีท้องที่โตนั้นหมายความว่าร่างที่เน่าอยู่ตอนนี้เป็นร่างของศพตายทั้งกลมนั้นเอง เมื่อชายตรงหน้าจัดการขอขมาศพเรียบร้อยแล้ว เขาก็เอาเทียนมาจุดไฟก่อนจะเอามารนที่ครางของศพ เพื่อเอาน้ำมันที่อยู่ในตัวศพออกมาจากคางของศพ
ผลึบ
ระหว่างที่ชายคนนี้กำลังรนเอาน้ำมันที่คางของศพอยู่นั้น อยู่ๆศพก็ลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับเอามือมาบีบที่คอของหมอผีหนุ่มรูปหล่อคนนี้ แทน หมอผีหนุ่มที่โดนแบบนั้นมันก็บ่นอะไรพรึมพร่ำออกมาเบาๆก่อนจะเป่าลมออกจากปากเข้าใส่หน้าของศพไป
“ กุตตะปิโต สุมังคะโล “ ฟู่…… แทน ที่โดนร่างของศพผีตายทั้งกลมบีบคอจ้องหน้าด้วยสายตาดุดัน แทน ที่เป็นหมอผีมาตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นย่า รุ่นตา รุ่นยาย แล้วเขาไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวอะไรเลย มิหน่ำซ้ำเขากับจัดการถ่องคาถาอะไรบางอย่าง จากนั้นก็เป่าลมใส่หน้าของผีสาว พอลมออกจากปากของแทน มือที่บีบคอของแทนอยู่นั้นก็ค่อยๆคลายออกช้าๆก่อนจะปล่อย แล้วก็นั่งนิ่งให้แทนรนเอาน้ำมันพราย
กุฏิ หลวงตาอินทร์
บรู๊……บรู๊……บรู๊
“ หลวงตาขอรับ เหตุใดถึงไม่นอนละขอรับ “ เณร น้อยเดินมาหาหลวงตา เมื่อเห็นว่าหลวงตาที่ยืนนิ่งมองไปยังทางป่าช้า ด้วยสายตาเรียบนิ่งทั้งที่ลมพายุก็พัดอย่างบ้าคลั่งแท้ๆ
“ อื้ม ไปนอนกันเถอะเณร “ หลวงตา ที่ยืนมองไปทางด้านของป่าช้าอย่างกับรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นอยู่ด้านในนั้น หลังจากที่เณรน้อยมาเรียกไปนอน หลวงตาที่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ก็หันมามองเณรน้อยด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะบอกกับเณรว่า ท่านจะเข้าไปนอนแล้ว เมื่อเณรน้อยได้ยินแบบนั้นก็พยุงร่างอันแก่ชราของหลวงตาเดินเข้าไปยังด้านในกุฏิไม้หลังเก่าๆ เพื่อไปพักผ่อน
เช้าวันต่อมา
เรือนเจ้าพญาสิงค์ขร
“ ท่านพ่อหมอ ว่ายังไงของที่กูอยากได้มึงได้เอามาด้วยหรือไม่ “ ที่เรือนของท่านพญาสิงค์ขร มีหมอแทนที่นั่งอยู่ที่ท่าน้ำด้วยท่าทางมอบกราบ อย่างคนเป็นผู้น้อย ท่านเจ้าพญาสิงค์ขร ที่ได้รับรายงานมาจากบ่าวของตน ก็เดินมาที่ท่าน้ำเพื่อมาหาหมอผี ที่ตนได้สั่งให้ทำอะไรบางอย่าง เมื่อหมอผีได้ยินที่คนจ้างถามแบบนั้น แทนก็เอามือค่อยๆล้วงเข้าไปด้านในของหย้าม ก่อนจะยื่นขวดแก้วเล็กๆบางอย่างให้กับพญาสิงค์ขรไป พญาสิงค์ขรพอเห็นของที่หมอผีหนุ่มยื่นให้ก็ยกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ ก่อนจะหยิบของที่อยู่ในมือของหมอผีแทน มา จากนั้นก็โยนถุงผ้าเก่าๆให้กับหมอผีหนุ่ม
ผลึบ
“ ขอบน้ำใจท่านเจ้าพญา ขอรับ “ เมื่อถุงผ้าของท่านเจ้าพญาอยู่ในมือของหมอผีหนุ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หมอพีก็เปิดดูของที่อยู่ด้านใน ก่อนจะกล่าวขอบคุณจากนั้นก็ขอลากลับ
“ หึหึหึ มึงเล่นตัวนักรึอีพะยอม กูอุตส่าห์ไปสู่ขอมึงมาอยู่กับกูสบายๆแต่มึงกับเล่นตัวดีนัก คราวนี้แหละมึงต้องเป็นของกู หึหึหึ “ หลังจากที่หมอผีพายเรือจากไปเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านเจ้าพญาสิงค์ขรก็พูดกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับกำขวดแก้วเล็กๆที่อยู่ในมือเอาไว้แน่น จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะรอดไรฟันออกมาอีกครั้ง
“ คุณพี่เจ้าคะ มาทำกระไรอยู่ที่นี้เหรอเจ้าคะ เหตุใดไม่ขึ้นไปกินข้าวกินปลา “ ระหว่างที่เจ้าพญานั่งคิดอะไรกับตัวเองอยู่นั้น อยู่ๆเสียงของหญิงสาวที่หน้าตาสะสวยแต่ดูมีอายุ ก็เดินเข้ามาเรียกสามีของตัวเองก่อนจะถามสามีของตัวเองว่า ทำไมสามีของตัวเองไม่ยอมไปกินข้าวกินปลา แต่กลับมานั่งทำอะไรอยู่ที่ท่าน้ำ พญาสิงค์ขรที่ได้ยินเสียงของผู้เป็นภรรยาถามแบบนั้นก็ถึงกับสะดุ้งตัวโยนด้วยความตกใจ ก่อนจะได้สติแล้วก็หันมายิ้มหวานแล้วก็พูดกับเมียว่า
“ มะ มะ ไม่มี ไม่มีอะไรจ๊ะ คุณหญิง พอดีท่านเจ้าพระคุณหรดีให้คนมารายงานข้าว่า เพลาเพลให้ข้าเข้าไปหาลือเรื่องราชกาลน่ะจ๊ะคุณหญิง “ พญาสิค์ขร บอกผู้เป็นเมียด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ก่อนจะตั้งสติตัวเองให้ได้แล้วก็พูดโกหกคำโตกับผู้เป็นเมียทันที คุณหญิงดาวเรืองเมียเอกของท่านเจ้าพญา แล้วก็ยังเป็นเมียดุร้ายจนคนทั้งพระนครต่างก็โจทย์จันทร์กันว่าเธอเป็นคนโหดเหี้ยมแม้แต่เมียน้อย ที่ไม่เชื่อฟังนาง คุณหญิงพยอมก็จัดการคนนั้นซะ เล่นเอาทุกคนที่อยู่ที่นี้ต่างก็รู้สึกหวาดกลัวหญิงสาวคนนี้มาก แม้แต่สามีของเธอเอง เจ้าพญายังรู้สึกกลัวเลย