EP.4 ลองดูหน่อยน่า
“เฮ่อ ๆ ๆ” พริ้งพราวนอนหายใจรวยรินและผล็อยหลับไปอย่างหมดแรง
“หึ...” คริสเช็ดคราบน้ำกามบนท่อนรักของเขา ก่อนจะเลื่อนลิ้นชักหยิบเม็ดยาความสุขบางอย่างออกมากลืนลงคอ และตามด้วยน้ำเปล่า ผ่านไปไม่ถึงห้านาที คริสก็จับเรียวขาของเด็กสาวแยกออก และก้มลงเลียชิมเลือดความบริสุทธิ์ของเธออย่างลืมความรังเกียจใด ๆ ไปเลย
หลังจากที่เขาดื่มด่ำเลียสาวบริสุทธิ์จนหนำใจแล้วก็สาวท่อนเอ็นรอ จ่อเสียบกลับเข้าไปซ้ำ ๆ ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่า เขาไปเอาพละกำลังมาจากไหน แต่สภาพของหญิงสาวแทบไม่หลงเหลือเค้าโครงเดิมเลย หลังจากที่ถูกใช้งานอย่างหนักหน่วงมาตลอดทั้งคืน จวบจนถึงเช้าอีกวัน
วันต่อมา
เสียงโทรศัพท์มือถือของพริ้งพราวดังขึ้น ครืด...ครืด... เธอสะดุ้งตื่นจากการหลับลึก สายตาเบลอ ๆ จ้องมองที่หน้าจอโทรศัพท์ซึ่งโชว์เบอร์ของพ่อขึ้นมา พริ้งพราวเองก็ตกใจไม่น้อยเลย ด้วยความอ่อนเพลียทำให้เธอนอนเพลินจนลืมเวลาไปเลย
“หนึ่งทุ่มแล้วเหรอเนี่ย?”
(พริ้งพราวคุยโทรศัพท์กับพ่อ)
“ฮัลโหลค่ะ”
(ฮัลโหลลูก...นี่ทุ่มกว่าแล้วนะ...ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก ให้พ่อไปรับไหม?) พริ้งพราวชะงักไปเล็กน้อย เพราะเธอขอพ่อมานอนแค่คืนเดียว และตั้งใจว่าตอนเช้าจะรีบกลับไป
เธอมองไปทางคริสที่ยังคงนอนอยู่ข้าง ๆ เธอ ใบหน้าของเขาดูผ่อนคลาย มือของเขายังพาดอยู่บนเอวเธออย่างสบาย ๆ คริสลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ และยิ้มอ่อน ๆ ให้กับเธอ
“อยู่ต่ออีกคืนเถอะนะที่รัก...” เขากระซิบเบา ๆ พลางลูบหัวของเธอ และหอมแก้มเธอเบา ๆ พริ้งพราวเองก็ไม่เคยมีความรักหรือแฟนมาก่อนเลย พอได้รับสัมผัสแบบนี้จากเขาคนนี้ เธอก็เคลิบเคลิ้มเอามาก ๆ อย่างอธิบายไม่ถูก
(ฮัลโหลพริ้ง...มีอะไรรึเปล่า ทำไมพ่อเหมือนได้ยิน)
“อ๋อ พริ้งออกมาร้านข้าวแถวบ้านเพื่อนน่ะค่ะ แต่พ่อขา...คืนนี้พริ้งขออยู่ต่อกับเพื่อนนะ”
(ร้านอยู่ไหน เดี๋ยวพ่อรีบขับรถไปรอรับเลย)
พริ้งพราวลังเล เธอรู้สึกถึงความผูกพันที่เริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างเธอกับคริส แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้ว่า พ่อของเธอเป็นห่วงมากแค่ไหน
“คือว่า...พริ้งยังติวหนังสือไม่เสร็จเลยค่ะ”
(พ่อว่าไม่ดีมั้งลูก นอนบ้านเพื่อนหลายวันแบบนี้ พ่อเป็นห่วงนะ) เสียงของพ่อเงียบไปชั่วขณะก่อนที่เขาจะตอบกลับมาด้วยความเป็นห่วงมาก ๆ
“พ่อคะ...” พริ้งพราวพยายามจะพูดต่อ แต่คริสก้มลงกระซิบข้างหูเธอ
“เลิกทำตัวเป็นลูกแหง่ได้แล้วน่า...เราโตมากแล้วนะ” คำพูดของคริสทำให้พริ้งพราวรู้สึกถึงความเป็นอิสระที่เธอเพิ่งค้นพบ
“ควรเป็นอิสระจากพ่อแม่ได้แล้ว”
เธอสูดลมหายใจลึก ๆ และตอบพ่อว่า
“เอาเป็นว่าพริ้งจะกลับพรุ่งนี้นะคะ พ่อไม่ต้องเป็นห่วง”
(ไม่ได้...พ่ออนุญาตแค่คืนเดียว!)
“แต่พ่อคะ...พริ้งสิบแปดแล้วนะ ไม่ใช่เด็ก ๆ อีกอย่างหนังสือสอบเข้ามหา’ลัยเล่มตั้งหนา ถ้าพริ้งไม่อ่านให้จบจะสอบติดเหรอคะ?”
“และถ้ากลับไปอ่านที่บ้าน ไหนจะพ่อกับแม่ที่ชอบทะเลาะกัน ไหนจะพัตเตอร์ที่กวน ๆ ชวนเล่นทั้งวัน พริ้งจะเอาสมาธิที่ไหนอ่านหนังสือไม่ทราบ?”
“พริ้งคิดว่า ถ้าพ่ออยากให้พริ้งสอบติด พ่อก็ควรจะให้อิสระกับพริ้งมากกว่านี้นะ”
พ่อถอนหายใจ (ก็ได้ ๆ...พ่อก็แค่เป็นห่วงหนูมาก ๆ น่ะ)
(พ่อไม่อยากให้หนูไปไกลหูไกลตา แค่ไม่เจอหนูหนึ่งคืนพ่อก็คิดถึงลูกจะแย่แล้ว)
“หนูก็เหมือนกันค่ะ...งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ หนูจะอ่านหนังสือต่อแล้ว” พริ้งพราวตอบกลับอย่างอ่อนโยนก่อนจะวางสาย
เมื่อเธอวางสาย คริสก็ยิ้มออกมาและลูบผมของเธอเบา ๆ
“น่ารักจังเลย...เมียใครเนี่ย?”
“ก็...เมียพี่ไง” พริ้งพราวเม้มปากอย่างเขิน ๆ แต่ไออุ่นจากอกของเขามันทำให้เธอรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเลยจริงๆ
‘ผู้ชายคนนี้แหละ...ที่จะเป็นคนแรกและคนสุดท้ายของฉัน’. พริ้งพราวรู้สึกถึงความตื่นเต้นและความกังวลที่ผสมผสานกันอยู่ในใจ เธอรู้ว่าเธอกำลังก้าวเข้าสู่โลกที่ไม่คุ้นเคย แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกว่ามันเป็นเส้นทางที่เธอเลือกเอง
คริสยิ้มและดึงเธอเข้ามาใกล้ พริ้งพราวรู้สึกถึงความอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเมื่อเขากอดเธอไว้แน่น เธอไม่สามารถต้านทานความรู้สึกนั้นได้อีกต่อไป
บาร์แห่งหนึ่ง
พริ้งพราวยังคงรู้สึกตื่นเต้น และสับสนกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่คริสกลับทำให้เธอรู้สึกเป็นพิเศษ ด้วยความอบอุ่น และการดูแลเอาใจใส่ที่เขามอบให้เธออย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“ชอบมั้ย?” คริสถามเมื่อดับเครื่องยนต์และหันมาทางเธอ ขณะที่พวกเขาจอดอยู่ในลานจอดรถหลังบาร์ดังย่านมหาวิทยาลัย
“ชอบค่ะ ขอบคุณนะคะที่รัก” พริ้งพราวตอบด้วยรอยยิ้ม เธอมองไปที่กระเป๋า รองเท้า และเสื้อผ้าใหม่ที่คริสเพิ่งซื้อให้ รู้สึกประทับใจกับความเอาใจใส่ของเขาที่มอบให้เธอทุกอย่างที่เธอต้องการ
คริสยิ้มเล็กน้อยก่อนจะวางกล่องยาเล็ก ๆ ไว้ข้างมือของเธอ “กินยาก่อนสิ แล้วค่อยกินข้าว”
“ยา? อะไรเหรอคะ?” พริ้งพราวมองกล่องยาด้วยความงุนงง
“ยาคุมฉุกเฉินน่ะ รีบกินซะคนดี” คริสพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่ไม่รอให้เธอปฏิเสธ เขาแกะยาและยัดใส่ปากของเธอทันที
“แล้ว...ทำไม...” พริ้งพราวพยายามจะถามต่อ แต่คริสลุกขึ้นยืน และทักทายกับกลุ่มเพื่อนที่เดินตรงเข้ามาที่โต๊ะ ทิ้งเธอให้นั่งอยู่คนเดียวในความงุนงง
ภายในบาร์เป็นร้านนั่งชิลที่มีทั้งเครื่องดื่มและอาหารตามสั่ง พริ้งพราวรู้สึกไม่คุ้นเคยกับสถานที่แบบนี้ แต่ความอบอุ่นที่คริสมอบให้ก่อนหน้านี้ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น
“โอ้โห ไอ้คริส...ล่อเด็กเลยนะมึง ระวังคุก” เพื่อนคนหนึ่งเดินเข้ามาเอ่ยทักทาย พร้อมกับหันมองพริ้งพราวด้วยสายตาสำรวจ
“สิบแปดแล้วเว้ย” คริสตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะ
“หวัดดีครับ พี่ชื่อบากินะครับ เป็นช่างภาพชื่อดังประจำคณะนิเทศ แล้วน้องชื่ออะไร?” เพื่อนของคริสทักทายพริ้งพราวพร้อมกับยื่นมือมาทำความรู้จัก
“พริ้งพราวค่ะ” เธอตอบกลับอย่างงง ๆ แต่พยายามรักษามารยาท เธอจับมือกับเพื่อนของคริสทีละคนอย่างไม่ค่อยมั่นใจ แต่สายตาของพวกเขา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มไปแล้ว
“ไว้มีโอกาสให้เด็กมึงมาถ่ายงานให้เราบ้างสิวะ” บากิหันไปบอกคริส ซึ่งทุกคนในโต๊ะหัวเราะกันเบา ๆ
“ถ่ายงานอะไรเหรอคะ?” พริ้งพราวหันมาถามคริสด้วยความสงสัย
“งานของคณะน่ะ... ก็ถ่ายแบบทั่ว ๆ ไปนั่นแหละ แต่พี่หวงเรามากนะ” คริสตอบพร้อมกับโอบเอวของเธอแน่น โน้มใบหน้าลงกระซิบเบา ๆ ข้างกกหู ทำให้เธอรู้สึกเสียววาบ
“ถ้าอยากถ่ายละก็...พี่เองก็ถ่ายให้ได้” เขาคลอเคลียใบหน้าพร้อมกับสอดปลายนิ้วลอดเข้าไปมาใต้ชายกระโปรงเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน
ไม่นานพวกเขาก็เรียกเด็กเสิร์ฟมานั่งด้วย บางคนก็มีสาวมาแต่แรก ทุกคนก็เริ่มนัวเนียกันอย่างเปิดเผย ยิ่งดื่มเหล้ามากเท่าไรก็ เหมือนจะยิ่งขาดสติกันมาขึ้น
เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถลำลึกลงไปในโลกที่ไม่คุ้นเคย แต่ไม่สามารถห้ามตัวเองได้ บรรยากาศของชีวิตผู้ใหญ่เนี่ยมันสนุกแบบนี้นี่เอง ถึงว่าพี่พิมพ์ พี่สาวของเธอถึงพยายามที่จะสอบเข้ามหา’ลัยนี้ เพราะได้ใช้ชีวิตอิสระแบบนี้นี่เอง
กลุ่มเพื่อนของคริสยังคงพูดคุยและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศในบาร์เต็มไปด้วยความเร่าร้อนของวัยรุ่นที่มาพร้อมกับเสียงเพลงดัง และแสงไฟที่สลัว ๆ พริ้งพราวพยายามทำตัวให้เข้ากับกลุ่ม แต่ความคิดหลายอย่างยังคงวนเวียนในหัวของเธอ
จู่ ๆ บากิที่เดินกลับเข้ามาในบาร์ หลังจากหายไปนานเกือบชั่วโมงได้ เขาหยิบม้วนสีดำ ๆ บางอย่างขึ้นมาจากกระเป๋าและเริ่มจุดไฟ เธอรู้สึกประหลาดใจ แต่ไม่กล้าปฏิเสธเมื่อเพื่อน ๆ ของคริสเริ่มส่งต่อกันไปรอบ ๆ โต๊ะ จนมาถึงคริสและส่งต่อถึงเธอ
“ลองดูสิ นิดเดียวเอง ไม่เป็นไรหรอก” บากิยิ้มให้เธอด้วยท่าทีเป็นกันเอง พร้อมกับยื่นม้วนนั้นมาทางเธอ
พริ้งพราวลังเลอยู่ชั่วขณะ แต่สายตาของคริสที่มองมาอย่างคาดหวังทำให้เธอตัดสินใจรับมา และสูดเข้าไปเล็กน้อย ความรู้สึกที่แปลกใหม่เริ่มเข้ามา เธอรู้สึกมึน ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
“เก่งมาก...ยัยเด็กร่านของฉัน” คริสกระซิบเบา ๆ ข้างหูเธอ ก่อนจะจูบที่ข้างแก้มของเธอเบา ๆ
หลังจากที่สูดดมเข้าไปไม่นานหนัก พริ้งพราวรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยไปในอีกโลกหนึ่ง ความรู้สึกสับสนและความรู้สึกผิดถูกกลบด้วยความเร่าร้อนและความตื่นเต้นที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน