EP.4
อินทราชแจ้งจุดประสงค์อย่างตรงไปตรงมา เขาไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ สาเหตุที่เขาเลือกยื่นข้อเสนอนั้นให้กับเพลิน ไม่ใช่แค่เพราะอยากจะได้เธอเพียงอย่างเดียว
แต่เพราะเธอเหมือนกันกับคนๆ นั้น คนที่เขาเพิ่งอกหักมา
ชญานินท์…
นอกจากชญานินท์ก็เพิ่งมีเพลินไพลินคนแรกนี่แหละที่ทำให้เขาไม่มองว่าผู้หญิงเป็นแค่เครื่องมือระบายความใคร่ เขาอยากได้เธอ แต่ก็พร้อมที่จะรับผิดชอบและดูแล ไม่ใช่แค่ได้แล้วทิ้ง
เพลินไพลินกัดริมฝีปากเข้าหากันแน่น ข้อเสนอของเขาเป็นสิ่งที่เธอต้องการเกือบทุกข้อ เว้นก็แค่เรื่องที่ต้องเอาร่างกายเข้าไปแลก
เธอลังเลเพราะลึกๆ แล้วก็ไม่ได้อยากขายตัวให้กับใคร ทว่าหากเธอยอม เธอก็จะมีเงินไปใช้หนี้ให้แม่ รวมถึงมีเงินเดือนโดยที่ไม่ต้องไปเปลืองตัวให้กับผู้ชายหลายๆ คน
เป็นเด็กเอ็นใช่ว่าจะแค่นั่งดื่มเป็นเพื่อนลูกค้าเพียงอย่างเดียว ยังไงก็ต้องถูกจับนั่นแตะนี่เป็นเรื่องปกติและก็คงต้องโดนไปตลอด
แต่หากขายตัวให้กับเขาเธอก็คงไม่ต้องเสี่ยง และพอเขาเบื่อเขาก็จะปล่อยเธอไปพร้อมกับมอบเงินให้อีกสองล้านบาท
นอกจากนั้นอินทราชยังมีรูปร่างหน้าตาและบุคลิกที่ดี ใบหน้าเขาอาจไม่ได้คมเข้มมากนัก ทว่าออกแนวอปป้าที่หล่อบาดใจ เป็นที่ต้องการของสาวๆ จำนวนมาก
ดีกว่าถูกเสี่ยแก่ๆ ลวนลามเป็นไหนๆ
อื้อออ คิดหนักเลยเพลิน…
“เอาเบอร์โทรศัพท์เธอมา”
“เอาไปทำไมคะ”
“เธอยังตัดสินใจไม่ได้ไม่ใช่หรือไง? ฉันจะให้เวลาเธอสามวันแล้วฉันจะโทรมาถามอีกที”
“มะ...ไม่ต้องหรอกค่ะ...” เธอปฏิเสธแล้วหลุบตามองต่ำเมื่อถูกเขาจ้องมองไม่เลิก “นะ...หนูขอปฏิเสธข้อเสนอของคุณ” ถึงการขายตัวให้กับเขาจะทำให้เธอได้เงินเยอะชนิดที่ไม่ต้องทำงานอีก แต่เพลินก็ยังใจไม่แข็งพอที่จะกล้าทำอะไรแบบนี้
อินทราชถอนหายใจอย่างเสียดาย ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ยอมถอดใจอย่างง่ายๆ มือหนาล้วงหยิบกระดาษใบหนึ่งยื่นให้กับเธอ
“นี่นามบัตรฉัน เอาเป็นว่าเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็โทรมา”
“คือเพลิน...”
“รับไว้เถอะ ก็แค่นามบัตร ฉันไม่ได้ขอเบอร์เธอแล้วสักหน่อย”
ร่างเล็กลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรับนามบัตรเขามาเก็บใส่กระเป๋า คิดเอาไว้ว่าพอถึงบ้านค่อยเอาไปทิ้ง
“ขอบคุณค่ะ”
“แล้วสรุปบ้านเธออยู่ไหน”
“อยู่ที่...” เพลินไพลินยอมบอกที่อยู่ให้กับอินทราช การให้เขาไปส่งก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ที่เธอไม่ปฏิเสธก็เพราะรู้ว่าปฏิเสธไปก็หาได้ผล อีกอย่างก็อยากจะประหยัดเงินค่ารถเอาไว้ด้วย
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปทางใครทางมัน ต่างคนก็ต่างใช้ชีวิตของตัวเอง เพลินไพลินไม่ได้รู้ตัวเลยว่าอินทราชแอบบันทึกที่อยู่ของเธอเอาไว้ ไม่เพียงแค่นั้น แต่วันไหนที่ว่างๆ หรือรู้สึกเหงา เขาก็มักจะแอบขับรถมามองเธออยู่ห่างๆ
ไม่รู้ว่าที่ทำแบบนี้เป็นเพราะคิดอะไรกับเธอ หรือเพราะมองว่าเธอคือตัวแทนของใคร
มหาวิทยาลัย
“เพลินไพลิน นี่จะขึ้นเทอมสองอยู่แล้วแต่หนูยังไม่จ่ายค่าเทอมเทอมแรกเลยนะ” อาจารย์ถวิลที่ปรึกษาประจำคณะเรียกหญิงสาวเข้ามาพบเป็นการส่วนตัว เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยเริ่มทวงถามถึงค่าเทอมของเธอที่อาจารย์พยายามช่วยยืดเวลาให้มาตลอดอย่างจริงจัง
ทว่าตอนนี้อาจารย์คงไม่อาจช่วยเธอได้อีกแล้ว เพราะคำสั่งนี้ถูกส่งตรงลงมาโดยท่านอธิการบดี
“คือเพลิน...เพลินเพิ่งถูกไล่ออกจากงานน่ะค่ะ...อาจารย์พอจะช่วยยืดเวลาให้อีกหน่อยได้ไหมคะ” เพลินไพลินคุกเข่าพร้อมประนมมือยกขึ้นไหว้อย่างขอความเห็นใจ
ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ก็ผ่านมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว แต่เพลินไพลินก็ยังหางานทำไม่ได้ ที่ยังหาไม่ได้เป็นเพราะเธอพยายามจะไปสมัครงานอย่างอื่นที่ไม่ใช่งานเอ็นเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลวนลาม ทว่าก็ไม่มีที่ไหนรับเธอเข้าทำงานเลยสักที่
เอาจริงๆ ก็เพราะเข็ดเรื่องที่เคยถูกหลอกให้ไปขายตัวด้วยนั่นแหละ
“อาจารย์เสียใจด้วยนะเพลิน แต่ครั้งนี้ท่านอธิการบดียื่นคำขาดด้วยตัวเองว่าถ้าหากสิ้นเดือนหน้าเพลินยังไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าเทอมได้…ท่านคงต้องให้เพลินพ้นสภาพจากการเป็นนักศึกษา…”
อาจารย์ถวิลกล่าวอย่างลำบากใจ ท่านเองก็เสียใจที่ช่วยอะไรเพลินไพลินไม่ได้เลย ที่ผ่านมาท่านพยายามช่วยเธอก็เพราะเห็นว่าเธอเป็นเด็กดี ตั้งใจและขยันเรียนกว่าใครๆ
เพราะฉะนั้นท่านจึงเมตตาเธอเป็นพิเศษจนถึงขั้นเคยคิดว่าอยากจะส่งเพลินเรียนต่อด้วยทุนทรัพย์ของตัวเอง ทว่าลำพังแค่เลี้ยงลูกชายด้วยตัวคนเดียวก็แทบจะกัดก้อนเกลือกินกันอยู่แล้ว
อาจารย์เสียใจมากจริงๆ ที่ครั้งนี้ท่านทำได้เพียงมองศิษย์อยู่เฉยๆ
หัวใจของเพลินไพลินบีบรัดอย่างรุนแรง แม้เธอจะเคยทำใจเอาไว้แล้วว่าหากสถานะทางการเงินยังไม่ดีขึ้นเธอก็อาจจะต้องถอดใจแล้วเลิกเรียนหนังสือ
ทว่าพอวันนั้นมันมาถึงจริงๆ ก็กลับเจ็บปวดมากกว่าที่คิด…
“ไม่เป็นไรค่ะอาจารย์ เพลินจะสมัครงานให้ได้แล้วจะรีบเอาเงินมาจ่ายค่าเทอมให้นะคะ” เงินสองแสนห้าที่ได้มาจากอินทราชเธอก็นำไปใช้หนี้ให้แม่จนหมด ถึงจะใช้ได้แค่ดอกแต่เธอก็ต้องยอม เพราะตอนนั้นพวกเจ้าหนี้จับตัวแม่เธอไปแล้วขู่ว่าจะฆ่า
เพลินไพลินไม่มีทางเลือก...เธอไม่เคยเลือกอะไรได้สักอย่าง...
“อาจารย์เอาใจช่วยเพลินนะลูก”
หลายวันต่อมา
เพลินไพลินจำใจต้องกลับมาทำงานเป็นเด็กเอ็นแต่ไม่ได้ทำที่ร้านเดิมหรอกนะ ร้านใหม่ที่เธอมาสมัครดูดีกว่าร้านของแหววหลายเท่าตัว หวังว่าเธอคงจะไม่ถูกหลอกให้ต้องไปขายตัวอีกเป็นครั้งที่สอง
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวก็ออกไปนั่งกับแขกที่เรียกให้เธอไปดูแล เพลินไพลินค่อนข้างโล่งใจเพราะคลับนี้ส่วนใหญ่มีแต่ผู้คนที่อายุไม่เกินสามสิบห้า แถมลูกค้าคนที่เรียกเธอมายังดูหนุ่มกว่าที่คิด
คาดเดาจากสายตาอายุของเขาคงยังไม่เกินสามสิบปี
“ชื่อเพลินเหรอครับ?” เดชาเอ่ยถามเด็กเอ็นที่นั่งตัวเกร็งอยู่ข้างๆ ด้วยน้ำเสียงใจดี มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นน้องใหม่ของวงการคงยังไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อน
“ชะ...ใช่ค่ะ” เธอตอบโดยไม่มองหน้าเขา
“ผมเดชานะครับ”
“...ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“เฮ้ยไรวะไอ้เด มาถึงก็สั่งเด็กไม่รอกูเลยนะ” ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังทำความรู้จักกัน เสียงโวยวายของใครบางคนก็ดังขึ้นแทรก ร่างสูงเดินเข้าไปหย่อนตัวนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้าม เงยหน้าขึ้นมองสาวสวยที่นั่งอยู่ข้างกายของเดชา
“คะ...คุณอิน!”
“ว้าว ดีใจที่ได้เจอเธอนะ…เพลินไพลิน”