EP.5
เพลินไพลินเสียวสันหลังกับคำทักทายและรอยยิ้มอาบยาพิษของชายหนุ่ม ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกันที่นี่ มิหนำซ้ำอินทราชดูน่าจะยังเป็นเพื่อนกับลูกค้าของเธอด้วย
ซวยกว่านี้มีอีกไหม…
“สองคนรู้จักกันด้วยเหรอ?” เดชามองทั้งสองสลับกันไปมาอย่างงุนงง เขารู้ว่าอินทราชผ่านผู้หญิงมาเยอะ แต่ก็นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงของเพื่อนจะเป็นคนเดียวกันกับเด็กที่เขาเรียก
เขาและเพื่อนจะมีกฎร่วมกันอยู่หนึ่งข้อ คือห้ามกินเด็กคนเดียวกัน แม้ต่างฝ่ายจะเลิกรากันแล้วก็ตาม
“กูอะรู้จักเพลิน แต่ไม่รู้ว่าเพลินจะรู้จักกูหรือเปล่า” อินทราชแกว่งแก้วเหล้าไปมา ก่อนจะกระดกขึ้นดื่มโดยที่สายตายังไม่ละออกจากใบหน้าหวานของเพลินไพลิน
หญิงสาวก้มหน้าก้มตาเพราะทำตัวไม่ถูก เหตุใดอินทราชถึงได้พูดราวประชดเธอเช่นนั้น ไม่เจอกันยังไม่ถึงเดือนใครจะไปลืมเขาลง หรือต่อให้เวลาจะผ่านไปนานหลายปีแต่เธอก็ยังจำเขาได้ไม่มีลืม
ผู้ชายที่ขอให้เธอขายตัวให้เพื่อแลกกับเงิน…ใครจะไปลืมกันล่ะ?
“คือคุณอินเคยช่วยเพลินเอาไว้น่ะค่ะ” เธอหันไปตอบเดชาพร้อมยิ้มแห้งๆ ให้เขา
“จริงเหรอครับ คนอย่างไอ้อินเนี่ยนะเคยช่วยคน?”
“มึงพูดแบบนี้จะดิสเครดิตกูเหรอไอ้เด”
อินทราชมองค้อนเพื่อนอย่างไม่ชอบใจ ไม่รู้ว่าทำไมพอโดนหักหน้าต่อหน้าเธอแล้วเขาถึงได้หงุดหงิดอยู่ลึกๆ ราวกับกลัวว่าจะถูกเธอมองไม่ดีอย่างไรอย่างนั้น
อันที่จริงเดชาก็ไม่ได้คิดว่าเพื่อนเขาเป็นคนเลวร้ายอะไร แต่ปกติแล้วอินทราชมักจะไม่ชอบเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องวุ่นวายให้ปวดหัวหากไม่จำเป็น
แสดงว่าเขาคงถูกใจเพลินไพลินเป็นพิเศษ
“กูเปล่าจะดิสมึงซะหน่อย เอาเป็นว่าถ้าคุณเพลินเคยเป็นเด็กมึง มึงก็เอาคืนไป เดี๋ยวกูเรียกใหม่”
“ขอบใจ” อินทราชกระตุกยิ้มเบาๆ ก่อนจะพยักพเยิดหน้าให้เพลินไพลินย้ายมานั่งข้างๆ
หญิงสาวไม่มีทางเลือก เธอจำเป็นต้องตามใจลูกค้า จึงทำได้แค่ถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วย้ายก้นไปนั่งข้างๆ อินทราชแทน
ทันทีที่นั่งลงเพลินไพลินก็สะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เมื่อคนข้างๆ วาดแขนขึ้นมาโอบไหล่มน ทั้งยังออกแรงดึงให้ร่างกายเธอแนบชิดกับลำตัวเขา
“อ๊ะ! ทะ…ทำอะไรคะ” เธอพยายามจะดิ้นแต่อินทราชกอดเธอเอาไว้แน่นมากจริงๆ
“ก็กอดไง นี่มันเบสิกมากเลยนะสำหรับการทำงานในที่แบบนี้” ชายหนุ่มไม่ได้จะแกล้งหรือตั้งใจจะกวนประสาทเธอหรอก เขาเพียงแค่อยากให้เพลินรู้ไว้ว่าหากเลือกทำงานแบบนี้เธอจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
อย่างที่เขาพูดว่าแค่นี้มันพื้นฐานมากจริงๆ หากโชคร้ายไปเจอพวกไอ้แก่ตัณหากลับมันคงจะไม่จบแค่การนั่งโอบไหล่เธอแน่ๆ
พอคิดมาถึงตรงนี้เขาก็ยิ่งอยากจะให้เธอยอมรับในข้อเสนอที่เคยให้เอาไว้
“คะ…คือเพลิน…เพลินโอเคแล้วค่ะ ขอโทษที่เมื่อกี้เสียมารยาทใส่” เพลินไพลินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามบอกให้ตัวเองอดทนกับสิ่งที่เลือก ทว่าอีกใจก็เริ่มรู้สึกหวั่นๆ
นี่ขนาดแค่โดนโอบไหล่เธอยังไม่ชอบใจมากเท่านี้ หนำซ้ำคนที่โอบก็คืออินทราชไม่ใช่พวกเสี่ยแก่ๆ ที่ใกล้จะลงโลง จิตนาการไม่ออกเลยว่าหากโดนพวกเสี่ยลามกลวนลามมากกว่าโอบแล้วเธอจะทนได้หรือเปล่า
หรือเราจะยอมรับข้อเสนอของเขาดี…
วูบหนึ่งอยู่ๆ ความคิดนี้ก็ผุดเข้ามาในหัว แต่ไม่นานเธอก็รีบไล่มันออกไป ไม่ว่าจะถูกลวนลามหรือต้องยอมขายตัวแลกกับเงิน เธอก็ไม่อยากทำมันทั้งนั้น
“ถ้าโอเคก็ดีไป อย่าลืมนึกเผื่อวันที่ถูกพวกเสี่ยตัณหากลับลวนลามแบบโต๊ะนั้น” เขาชี้ไปยังโต๊ะตรงข้ามที่อยู่ถัดออกไปอีกสองโต๊ะ
หญิงสาวคนหนึ่งกำลังถูกเสี่ยพุงพลุ้ยพยายามจะลวนลามอย่างโจ่งแจ้ง ทั้งลูบขา จับหน้าอกและลามไปจนถึงพยายามจะสอดมือเข้าไปใต้กระโปรง…
“หรือจะพวกเสี่ยที่แอบหนีเมียมาเที่ยว และสุดท้ายเมียก็ตามมาเจอ” คราวนี้เขาชี้ไปที่โต๊ะด้านหลัง
สถานการณ์กำลังชุลมุน เมื่อภรรยาของเสี่ยที่โต๊ะนั้นตามมาแหกอกสามีรวมถึงเด็กที่ถูกเรียกมานั่งด้วยอารมณ์โกรธจัด หล่อนฟาดขวดเหล้าลงกลางกบาลของสามี ก่อนจะหันไปรัวมือตบเด็กที่ถูกเรียกมานั่งจนใบหน้าแดงเป็นจ้ำ แถมริมฝีปากยังมีเลือดซิบอีกต่างหาก
เพลินไพลินขนลุกไปทั้งตัว อยู่ๆ ก็รู้สึกหายใจได้ไม่ทั่วท้องราวคนกำลังจมน้ำก็ไม่ปาน เธอไม่ได้นึกถึงเรื่องพวกนี้ที่มีโอกาสขึ้นได้ทุกเมื่อมาก่อนเลย
ลำพังแค่ถูกลวนลามก็ยังพออดทนให้มันผ่านไปได้ ทว่าหากถูกเมียเสี่ยตามมาตบแบบผู้หญิงคนนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะรับมือได้อย่างไร
อีกอย่างร้านนี้ก็ไม่ได้กรองหรือออกกฎห้ามคนมีเมีย แล้วเธอก็ไม่สามารถเลือกลูกค้าได้เสียด้วย
“แค่ตามมาตบนี่ยังไม่เท่าไรนะ เคยอ่านข่าวไหม บางคนโดนน้ำกรด หรือบางคนอาจจะโดน…” อินทราชพูดกระซิบพลางลากเสียงยาว แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ เพลินไพลิน “…ฆ่าหมกป่า”
เฮือก!!
“พะ…พอแล้วค่ะ…อ๊ะ!” หญิงสาวผวาและหวาดกลัวจนไม่อยากฟังเขาพูดอีก จึงตั้งใจจะหันไปปราม แต่เพราะอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่านเลยทำให้เธอเผลอหันแรงไปหน่อย เป็นเหตุให้พวงแก้มนวลกระแทกโดนปลายจมูกของอินทราชอย่างเต็มแรง
อยู่ๆ ก็หันมาให้หอมแก้มซะฟอดใหญ่ กำไรของไอ้อินละโว้ย
อินทราชคิดในใจ
ชายหนุ่มไม่ได้เหวอหรือรู้สึกตกใจอย่างเธอเลยสักนิด นอกจากนั้นเขายังสูดลมหายใจดมกลิ่นหอมจากเรือนแก้มของเธอจนเกิดเสียงดัง “ซื้ด!” อย่างน่าไม่อาย
เพลินไพลินเขินอายจนตัวเกร็ง เธอเบิกตาค้างอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าขยับไปไหนจนเกือบจะลืมหายใจไปชั่วขณะ หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามประท้วงความหวั่นไหวที่กำลังก่อตัวขึ้นทีละนิด
ตั้งแต่เกิดมา นอกจากพ่อแม่แล้วก็ยังไม่เคยถูกชายใดหอมแก้มมาก่อน เขาคือคนแรก
เดชารู้สึกไร้ตัวตนราวกลายเป็นอากาศธาตุ เขาอมยิ้มกรุ้มกริ่มเพราะดูเหมือนว่าเพื่อนรักจะได้สาวใหม่มาดามหัวใจที่เพิ่งอกหักมาหมาดๆ
เขาลุกออกจากตรงนั้น แล้วเดินไปหาเหยื่ออย่างเงียบๆ ปล่อยให้ทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง
“ช็อกตายแล้วรึไง นั่งตัวแข็งอยู่ได้” อินทราชจ้องคนในอ้อมกอดด้วยสายตาเจือความน้อยใจ เธอไม่เขินเขาบ้างหรือไง ไม่รู้หรือว่าโชคดีแค่ไหนที่เขาสนใจในตัวเธอ
บนโลกนี้ยังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่อยากมานั่งแทนที่เธอตรงนี้
“ปะ…ปล่อยได้แล้วค่ะ” เพลินไพลินขยับกายเล็กน้อย เพราะคิดว่าอินทราชคงยังไม่ยอมปล่อยเธออย่างง่ายๆ ทว่าเธอคิดผิด เขายอมผละละมือออกจากไหล่แล้วปล่อยให้เธอนั่งอย่างเป็นอิสระ
หญิงสาวงุนงงจนทำตัวไม่ถูก เมื่อกี้ยังทำเหมือนกับว่าอยากใกล้ชิดเธอมากอยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้ถึงปล่อยเธอไปง่ายนักล่ะ?
“ดะ…ดื่มอีกไหมคะ” เธอเอ่ยถามเมื่อเขานั่งเงียบไม่พูดไม่จาจนเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วน อาจเพราะก่อนหน้านี้เขาทำเหมือนต้องการเธอจนชิน จึงรู้สึกแปลกๆ ไปพอเขาทำทีเป็นเฉยๆ
“ไม่ล่ะ เธอกลับไปหลังร้านเถอะเดี๋ยวฉันจะกลับละ” อินทราชหยิบเงินออกมาสองจำนวน จำนวนหนึ่งเป็นเงินค่าเครื่องดื่ม ส่วนอีกจำนวนเขาให้เธอเป็นทิป
“เอ่อ…” ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไร อินทราชก็ลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะไปทันที ทิ้งให้เพลินไพลินนั่งงุนงงอยู่ที่เดิมว่าเธอทำอะไรผิดไปหรือเปล่า
แล้วทำไมพอเขานิ่งเฉยและยอมกลับไปแบบง่ายๆ เราต้องรู้สึกใจหายแปลกๆ ด้วยนะ
เธอพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว แล้วเดินนำเงินค่าเครื่องดื่มไปจ่ายแทนเขาที่เคาน์เตอร์ ก่อนจะเบิกตากับเงินที่เขาให้เธอเป็นทิป
“ห้าหมื่นเลยเหรอ เทียบเท่าค่าตัวเราเลยนะ” หญิงสาวพึมพำอย่างไม่เข้าใจ มีแขกที่ไหนให้ทิปเด็กเอ็นที่ยังไม่ได้ทำอะไรตั้งห้าหมื่นบ้าง
ไม่สิ…จะบอกว่าไม่ได้ทำอะไรก็ไม่ถูกเพราะเขาได้หอมแก้มเธอไปฟอดใหญ่เลยนี่นา…
เพลินไพลินนำทิปที่ได้ไปเก็บใส่กระเป๋าในล็อกเกอร์โดยไม่ลืมล็อกให้แน่น ก่อนจะกลับออกไปบริการลูกค้าคนต่อไป
เธอแทบไม่ได้พักเลย ด้วยความที่เป็นเด็กใหม่บวกกับการมีใบหน้างดงามและทรงเสน่ห์อย่างเย้ายวน ทำให้มีแขกจองคิวกันเข้ามาอย่างล้นหลามจนยาวไปถึงวันพรุ่งนี้
เมื่อเดินออกมาหญิงสาวมีอาการหน้าเสียเล็กน้อย เมื่อพบว่าลูกค้าคนนี้ค่อนข้างมีอายุ แถมสีหน้ายังดูหื่นกามอยู่ตลอดเวลา แค่ยืนมองอยู่ตรงนี้ขนดำตามร่างกายก็ลุกเกรียวไปทั้งตัว
เธอพร่ำบอกตัวเองให้อดทนแล้วท่องเอาไว้ว่า ‘เพื่อเงิน’ จากนั้นก็ค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินออกไปนั่งกับแขกคนใหม่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใส
“สวัสดีค่ะ” เธอกระพุ่มมือไหว้อย่างนอบน้อม
“สวัสดีจ้ะ เพิ่งมาใหม่เหรอหนู” เสี่ยพรชัยรับไหว้เธอด้วยการประคองมือเธอที่กำลังไหว้เขาเป็นการหลอกแต๊ะอั๋ง เธอสะดุ้งเบาๆ แต่ก็ไม่ได้สะบัดมือออก พยายามอดกลั้นและเก็บอาการรังเกียจรังเอาไว้ให้ลึกสุดใจ
“ใช่ค่ะ…เสี่ยอยากดื่มอะไรคะ” เธอใช้จังหวะที่พูดค่อยๆ ชักมือกลับคืนมา โชคดีที่เสียพรชัยไม่ได้ตื้อหรือดื้อดึงไม่ยอมปล่อย
“เสี่ยยกแก้วนี้ให้หนู ส่วนหนูไปสั่งแก้วใหม่ให้เสี่ยหน่อยไป พอดีเสี่ยไม่ชอบแบบชง”
“ดะ…ได้ค่ะ…แล้วเสี่ยจะรับอะไรดีคะ”
“ไปบอกเด็กว่าของเสี่ยพรชัยเดี๋ยวมันก็จัดให้เอง”
“โอเคค่ะ รอสักครู่นะคะ” กล่าวจบเพลินไพลินก็ลุกออกไปที่เคาน์เตอร์บาร์ แล้วบอกตามที่เสี่ยพรชัยสั่ง ซึ่งบาเทนเดอร์ก็พยักหน้ารับแล้วเริ่มลงมือมิกซ์เครื่องดื่มหลากชนิดอย่างรู้งาน
คล้อยหลังที่เพลินไพลินเดินออกไป เสี่ยพรชัยก็หันมองซ้ายมองขวาเพื่อดูต้นทาง เขาหยิบซองสีขาวออกมาเทผงบางอย่างลงในแก้วของเพลินไพลิน จากนั้นก็เขย่าเบาๆ ให้ตัวยาละลายแล้วรีบเก็บหลักฐานใส่กระเป๋าเอาไว้อย่างเดิม
“เป็นเมียเสี่ยนะหนูเพลิน เสี่ยจะเลี้ยงดูหนูอย่างดี หึ”