พี่รฐาไปทำงานแล้วเหรอจ๊ะ

2886 คำ
รถยนต์สุดหรูของแบรนด์ดัง ซึ่งพี่รฐาบอกว่าเป็นของเจ้านาย มันขับถูกจอดเทียบกับร้านขนมของป้าศรี  โดยตลอดทางฉันได้แต่นั่งเงียบ พูดอะไรไม่ออก มันดีใจที่ได้นั่งรถยนต์คันเดียวกัน  ในรถแคบ ๆ ใช้อากาศร่วมกัน ได้มองเห็นผู้ชายที่ชอบกำลังขับรถให้นั่ง แม้จะเพียงหางตาที่กล้าหันมอง ขาที่สวมทับด้วยกางเกงยีนส์สีเข้ม ชายในเสื้อยืดสีกรม แขนที่ดูแข็งแรง และมือที่กำลังจับพวงมาลัย  มันก็ทำให้ฉันตื่นเต้น รู้สึกว่าเครื่องปรับอากาศในรถเย็นไม่พอ  หัวสมองที่ชั่งจินตนาการเหลือเกิน เมื่อมันคิดถึง... สามีภรรยาที่นั่งรถมาคู่กัน พวกเขารักกันมาก และจะรักกันตลอดไป “หนูพิมพ์ หนูพิมพ์!! เป็นอะไรรึเปล่า” มือของพี่รฐาแตะลงบนบ่า ทำให้สติกลับคืนมาอีกครั้ง ตกใจในตอนแรกเพียงเสี้ยววินาที แต่หลังจากที่รู้ว่าถูกพี่รฐาแตะตัว ความตื่นเต้นก็เข้ามาแทนที่ “คะ! ปะ... เปล่าค่ะ” ใจลอยไปถึงไหนกันเนี้ย ดีเท่าไหร่ที่ไม่หลุดปากอุทานอะไรออกมา ไม่งั้นคงทำตัวลำบากแน่ “นั่งใจลอยคิดถึงหนุ่มที่ไหน ถ้ามีแฟน... หนูพิมพ์ต้องให้พี่สกรีนก่อนนะ ว่าเป็นคนดีรึเปล่า พี่จะช่วยดูให้เอง” พี่รฐาเอามือลูบหัวฉันอีกแล้ว สกรีนแฟนของฉันอย่างนั้นเหรอ ฉันไม่มีช่องว่างของสายตาไปมองใครได้อีกแล้ว นอกจากพี่รฐาคนเดียวเท่านั้น พี่คงต้องสกรีนตัวเองแล้วแหละ  “ตอนนี้มีแฟนรึยัง ไหนบอกพี่สิ” พี่รฐาถามต่อขณะที่ฉันเอาแต่มองหน้า อยากจะบอกว่า ‘พี่คือผู้ชายที่หนูอยากได้เป็นแฟน’ “ไม่มีค่ะ แต่หนูมีคนที่หนูชอบ เขาเป็นคนดีมาก เป็นคนน่ารักมาก สุภาพ อบอุ่น แสนดีที่สุดเลยนะคะ” “ใครกัน หนูพิมพ์ต้องแนะนำให้พี่รู้จักนะ พี่จะช่วยลุงภาคดูเอง ว่าดีเพียงพอสำหรับหนูพิมพ์ของพี่รึเปล่า” “เห้อ....” ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ พร้อมกับการมองออกไปนอกกระจกรถ ก็พี่รฐานั่นแหละ จะใครเล่า ไม่ต้องสกรีนแทนพ่อหรอก เพราะพ่อรู้มาหกปีแล้ว “หนูว่าเราไปซื้อขนมกันดีกว่านะคะ” “ค่ะ” รู้สึกชอบพี่รฐาเวลาพูดแบบนี้จัง จะมีผู้ชายสักกี่คน ที่พูดลงท้ายคะ/ค่ะแล้วน่าฟังเท่านี้ ขนมของป้าศรีถูกจัดใส่กล่องตามที่ฉันสั่ง ระหว่างที่กำลังรอขนมนั้น ฉันก็คลำหาเงินเพื่อเตรียมจ่าย แต่แล้วก็พบความจริงที่ไม่น่าให้อภัย มัวแต่ตื่นเต้นที่จะได้ออกมากับพี่รฐา จนฉันลืมหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาด้วย  เมื่อคิดว่าไม่มีเงินจ่ายแน่ ๆ ฉันจึงได้หันไปหาผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างกาย พี่รฐาคือตัวเลือกสุดท้ายแล้ว แต่ฉันควรจะพูดอย่างไรดี ‘พี่รฐา หนูขอยืมเงินหน่อย’ แบบนี้หรือ น่าอายจังเลย  ชายร่างสูงยืนล้วงกระเป๋ากางเกง มือข้างหนึ่งกำลังหยิบขนมเข้าปาก  ท่ามกลางสายตาของทุกคนในละแวก มองเห็นสาว ๆ หลายคนมองพี่รฐาด้วยความสนใจ หลายคนคงรู้สึกแปลกตา ทั้งที่พี่เขาคือคนพื้นที่ แต่หายไปเสียหลายปี ใครบ้างจะจำได้ มองพี่รฐาจากด้านข้างรู้สึกว่าหล่อมาก จมูกของเขาโด่งคมสัน รับกับผิวสีแทนที่ทำให้รู้สึกแข็งแรง ผู้ชายแบบนี้อยู่ใกล้แล้วรู้สึกปลอดภัย แต่ฉันจะได้อยู่ข้างเขาอีกนานแค่ไหนกันนะ “มีอะไรรึเปล่าหนูพิมพ์? เห็นมองพี่นานแล้วนะ” ฉันสะดุ้งเล็กน้อย ถูกจับได้ว่าแอบมอง ไม่ยักจะมองเห็นว่าเขาหันมา ทำไมรู้ว่าฉันแอบมองได้เล่า “คือ... หนู...” “พูดมาเถอะค่ะ” “หนูลืมเอาเงินมาค่ะ คือ...เอ่อ” ลูบหัวอีกแล้ว ทำไมต้องลูบหัวบ่อย ๆ รู้ไหมว่ามันทำให้ใจของฉันไม่รักดี ตัดใจจากพี่รฐาไม่ได้แน่ “พี่จ่ายเองค่ะ คิดว่าเรื่องอะไรสะอีก” คนพูดยื่นขนมในมืออีกข้างมาตรงหน้า มันทำให้ฉันมองอย่างมีคำถาม  “ลองชิมสิค่ะ อร่อยนะ” ชิมขนมชิ้นเดียวกันเหรอ มันยิ่งกว่าใช้หลอดน้ำเดียวกันหรือเปล่า มีความหมายว่าเราจูบกันทางอ้อม แบบนั้นใช่ไหม? “อร่อยนะ ลองชิมหน่อย” พี่รฐาคะยั้นคะยออีกรอบ ไม่ได้รู้เลยว่าทำฉันเสียอาการมากแค่ไหน แค่นี้หัวใจก็จะวายแล้ว ฉันค่อย ๆ กัดขนมในมือของพี่รฐา หัวใจมันจะออกมาจากอกอยู่แล้ว รู้สึกได้ว่าพี่รฐามองฉันเป็นแค่น้องสาว แต่ฉันสิ!! มันให้เขาไปทั้งใจแล้ว มันถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว สถานะเพิ่มมากขึ้นทุกวัน จะให้ลดมาเป็นแค่พี่ชายยากไปแล้ว “แหม... หนูพิมพ์ ไปเรียนพยาบาลไม่นาน พาแฟนมาไหว้พ่อแล้วเหรอ ร้ายไม่เบานะเนี่ย แถมแฟนหล่อด้วย ดูรวยเนอะ!” “ไม่ใช่นะครับ ผมเป็นคนที่อยู่ข้างบ้านหนูพิมพ์ครับ” พี่รฐารีบตอบ ผิดกับฉันที่ยังยิ้มกับความเข้าใจผิด หากไม่มีคนแก้ต่าง ฉันก้คงให้ป้าศรีเข้าใจไปแบบนั้น “คนข้างบ้าน ฐาเหรอ..ใช่ไหม” พี่รฐาพยักหน้าตอบ ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มเสมอ “โอ้โห... ขับรถหรูป้ายแดงมาเลยนะ ป้าคิดว่าแฟนหนูพิมพ์ ก็ยังแอบคิดอยู่ ได้ข่าวว่าแอบคบกับลูกชายผู้อำนวยการโรงเรียน แล้วทำไมมาอยู่กับอีกคนได้” ฉันถอนหายใจออกมาแรง ๆ จากนั้นก็รับขนมจากแม่ค้า ก้าวเดินกลับมาที่รถโดยไม่รอพี่รฐา ไม่พอใจกับคำพูดถากถางแบบนั้น ทั้งที่ฉันไม่ได้สนิทกับใครในหมู่บ้านเท่าไร โดยอย่างยิ่งคนที่ไม่หวังดี เหตุผลข้อหนึ่งที่พ่อไม่ชอบกินขนมของร้านป้าศรี ก็เพราะป้าแกเป็นพวกชอบสอดรู้สอดเห็น ชอบเอาเรื่องคนอื่นไปพูดให้เสียหาย เรื่องไหนจริงไม่จริงไม่เคยแยกแยะ ขยายข่าวเก่งจนเรื่องหน้ามือเป็นหลังมือก็เยอะ เช่นเดียวกับเรื่องของฉันกับลูกผู้อำนวยการ พี่ภาคิน หรือพี่คิน ที่ใคร ๆ ในละแวกนี้รู้จัก พี่คินตามจีบฉันตั้งแต่ตอนอยู่มัธยมปลาย  ตอนนั้นพี่คินเรียนจบไปต่อวิศวะในกรุงเทพฯ เห็นว่าได้งานทำเป็นใหญ่เป็นโต จนป่านนี้ทุกครั้งที่เขากลับมาที่บ้าน ก็ยังวนเวียนมาจีบฉันตามประสา ก็เขาเป็นผู้ชายเจ้าชู้ หรือเสือกลับใจก็ว่าได้  เขาพยายามจะบอกกับฉันในหลายปีที่ผ่านมา ว่าตอนนี้ปรังปรุงตัวแล้ว ไม่เจ้าชู้แล้ว เป็นคนดีแล้ว ซึ่งในสายตาของฉัน ไม่น่าเขาจะกลายเป็นคนใหม่หรือใหม่ ฉันก็ไม่มีทางชอบเขาอยู่แล้ว “ใครเหรอหนูพิมพ์ ใครที่ป้าศรีบอก พี่รู้จักไหม?” “ลูกของผู้อำนวยการโรงเรียนไงคะ” ไม่แน่ใจว่าพี่รฐาจะรู้จักไหม เพราะเขาเรียนในเมือง แต่ผู้อำนวยการค่อนข้างมีชื่อเสียง ก็น่าจะเคยได้ยินชื่อบ้าง “หนูพิมพ์ไม่ได้ชอบนะคะ เขาเป็นผู้ชายเจ้าชู้ หนูพิมพ์ไม่ได้ชอบเขา พ่อก็ไม่ชอบด้วย คนอื่นเอาไปพูดสนุกปาก!!” พี่รฐาพยักหน้าพร้อมกับเปิดประตูรถให้ฉัน แอบเห็นว่าเขายิ้มด้วย ไม่รู้ว่าขบขันเรื่องอะไรเหมือนกัน  เมื่อฉันเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อย พี่รฐาปิดประตูให้ เขาก็เดินไปนั่งประจำที่คนขับ ก่อนจะหันมาหาฉันด้วยความสงสัยอีกครั้ง ส่วนฉันคิดอะไรไม่ได้เลย หงุดหงิดผสมความตื่นเต้น เพราะทำตัวเป็นเจ้าหญิงมีคนเปิดประตูรถให้ “ภาคินเหรอ? ใช่ไหม ถ้าพี่จำไม่ผิด ลูกผู้อำนวยการโรงเรียนชื่อภาคิน” ความจำดีเป็นเลิศจริง ๆ ผู้ชายในฝันของฉัน  แต่น่าแปลก... เมื่อเขาไม่มีความจำพิเศษเกี่ยวกับตัวฉัน “มันเจ้าชู้จริง หนูพิมพ์อย่าไปยุ่งกับมันเข้าใจไหมคะ” “ค่ะ” พี่รฐาขับรถไปยังร้านของพี่เอก เป็นลูกชายของเพื่อนพ่อ เดิมทีเคยทำงานที่ร้าน แต่ก็หันมาเปิดร้านกาแฟตามความชอบ หลายครั้งที่งานซ่อมไม่ทัน พ่อก็มักจะตามตัวไปช่วยบ่อย ๆ  ในร้านคนเยอะมาก เพราะเป็นร้านที่ใกล้ชุมชน หนุ่มสาวต่างพากันมานั่งกินขนมและตากแอร์ในร้าน นับว่าเป็นที่สนใจของทุกคนที่นี่ เป็นร้านแรกที่ค่อนข้างเหมือนในกรุงเทพ แฟนของพี่เอกเป็นคนกรุงเทพ จึงพยายามปรับร้านให้ทันสมัย เมื่อฉันกับพี่รฐาเดินเข้าไปในร้าน มันเรียกความสนใจจากทุกคนได้เป็นอย่างมาก เพราะความหล่อของชายแปลกหน้าที่ทุกคนไม่เคยเห็น ชายแปลกหน้าที่หายไปร่วมหกปี  “ทุกคนดูเหมือนจะมองพี่แปลก ๆ หรือเปล่าคะ” พี่รฐากระซิบถาม ทำให้ฉันอดไมได้ที่จะลอบยิ้ม “พี่รฐาหายไปนานนี่ค่ะ ทุกคนคงสงสัย” ใจจริงอยากตอบว่า ‘ก็พี่หล่อนี่คะ จะไม่ให้คนมองได้ยัง ขนาดหนูพิมพ์เองก็ยังห้ามใจไม่อยู่’ ฉันกับพี่รฐากินขนมและเครื่องดื่มในร้าน เราพูดคุยกันหลายเรื่อง จนฉันเริ่มที่จะเกร็งน้อยลง พูดกับเขามากขึ้น เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น สบตาได้บ่อยครั้งแต่ก็ยังขัดเขิน “พิมพ์นี่ เอ๊ะ!! แล้วนี่ใครอ่ะ” วนิดาหรือนุ่มนิ่ม เป็นเพื่อนที่เรียนพยาบาลด้วยกัน เราอยู่หมู่บ้านใกล้กันด้วย จึงไม่แปลกที่เราจะเจอกันที่นี่  “ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอมีแฟนแล้วนะหนูพิมพ์ ไม่แนะนำหน่อยเหรอ” “ป่าวหรอก พี่ชายหน่ะ” ทั้งที่อยากจะยอมรับว่าเป็นแฟนจะแย่ แต่ฉันก็ทำไม่ได้  “นี่พี่รฐา ส่วนนี่นุ่มนิ่ม เพื่อนของหนูพิมพ์ เพื่อนที่เรียนพยาบาลด้วยกันค่ะ” “สวัสดีครับน้องนุ่มนิ่ม” “สวัสดีค่ะ แอบคิดว่าเป็นแฟน เพราะเมื่อวานตอนที่หนูพิมพ์ขึ้นรถไปแล้ว พี่คินก็มาถามหา เห็นว่ากลับมาจากกรุงเทพ เลยแวะมาหาหนูพิมพ์ที่โรงเรียน” ฉันหันไปมองหน้าพี่รฐาโดยที่ไม่ได้ตอบอะไร ก็อย่างที่ฉันบอก ฉันไม่ได้ชอบพี่ภาคิน ต่อให้เขาตามตื้อฉันแค่ไหน ฉันก็ไม่มีทางชอบ พี่รฐาดูสนใจเรื่องที่วนิดาเล่า นั่นก็คือเรื่องพี่ภาคิน ส่วนฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก จนกระทั่งระหว่างที่กำลังกลับถึงบ้าน พี่รฐาจอดรถเข้าข้างทางกะทันหัน ฉันจึงได้หันไปมองรอบ ๆ มันยังไม่ถึงบ้านเสียหน่อย แถมยังไม่มีร้านค้าที่พี่รฐาอาจจะอยากซื้อของ แต่เมื่อหันไปหาคนที่ทำหน้าที่ขับรถ ก็พบว่าเขามองหน้าฉันอยู่ก่อนแล้ว  “พี่รฐาจอดรถทำไมคะ?” “หนูพิมพ์ หนูพิมพ์ต้องดูแลตัวเองนะ อย่าปล่อยให้ตัวเองอยู่กับผู้ชายเจ้าชู้ บอกปฏิเสธมันไป ถ้าหนูพิมพ์ไม่ได้ชอบ แล้วอย่าไปไหนมาไหนคนเดียว เข้าใจไหม” นี่เขาเป็นห่วงฉันอย่างนั้นเหรอ แววตาขณะที่พูด น้ำเสียงที่ใช้ ทุกอย่างมันแสดงออกแบบนั้น ฉันไม่ได้คิดไปเองแน่นอน “หนูพิมพ์เป็นน้องสาวคนเดียวของพี่ พี่จะไม่ให้ผู้ชายคนไหนมาทำร้ายหนูพิมพ์ได้” โลกทั้งใบเหมือนจะแตกสะลาย เมื่อพี่รฐาพูดอธิบายต่อไป  ‘น้องสาว’ มันดังก้องอยู่ในใจ และเหมือนจะมีมีดนับร้อยเล่มปักลงบนอกของฉัน เป็นได้แค่น้องสาวจริง ๆ สินะ ตอกย้ำให้ฉันเจ็บปวด ทั้ง ๆ ที่กำลังยิ้มให้เขาอยู่  “ค่ะ หนูพิมพ์จะดูแลตัวเอง” หลังจากที่กลับมาถึงบ้าน ฉันก็แยกตัวขึ้นไปบนห้องทันที ทำงานของตัวเองที่คั่งค้างให้เสร็จ โดยที่ไม่ได้พูดคุยอะไรกับพ่อเลย แผนของพ่อไม่สำเร็จแล้ว เมื่อพี่รฐามองฉันอย่างน้องสาวอย่างชัดเจน แต่นั่นมันก็ไม่ได้สำคัญ เพราะฉันก็ยังชอบพี่เขาต่อไป เพียงแต่มันเจ็บอยู่บ้างก็เท่านั้น เมื่องานเสร็จเรียบร้อย ฉันให้องุ่นเป็นบุรุษส่งอกสารไปยังวนิดา เพื่อให้เธอไปส่งงานแทนในวันพรุ่งนี้ ก่อนจะพาตัวเองไปยังบ้านป้าจำปา ไม่รู้ว่าตอนนี้แผลของผู้หญิงคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ในฐานะคนที่เรียนพยาบาล ฉันควรทำหน้าที่ตนเองอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะอิจฉาเธอมาก สองเท้าเข้าไปในบ้านที่เงียบสนิท ไม่เห็นรถของพี่รฐาจอดอยู่ในรั้วบ้านแล้ว นี่พี่รฐากลับไปทำงานแล้วอย่างนั้นเหรอ กลับไปเร็วจัง  เดินเข้าไปในบ้านก็เห็นป้าจำปากำลังเตรียมเครื่องมือทำแผล ดูเหมือนกำลังเดินขึ้นไปบนชั้นสอง เพื่อทำแผลให้เธอคนนั้น ถ้าจำไม่ผิดเธอชื่อโยธกา พี่รฐาเรียกเธอแบบนั้น “ป้าจะไปไหนจ๊ะ” “ป้าจะไปทำแผลให้หนูโย เห็นเย็นแล้ว หนูยังไม่มา ป้าก็เลยจะไปทำเองน่ะ” ฉันเดินเข้าไปรวบตะกร้าใส่อุปกรณ์ทำแผล จากนั้นก็พาคนที่อายุเยอะมากแล้วไปนั่งที่เดิม มองเห็นลุงวัตรกำลังเด็ดผักใส่กะละมัง ท่าทางจะทำกับข้าวแน่นอน “เดี๋ยวหนูไปทำเองจ๊ะ” “ขอบใจนะหนูพิมพ์” “ว่าแต่พี่รฐาไปทำงานแล้วเหรอจ๊ะ” “ไปแล้ว... บอกว่าจะกลับมาให้เร็วที่สุด ไม่เกินสองวัน” ที่บอกว่าจะกลับมาให้เร็วที่สุด ก็เพราะว่าเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นสินะ ผู้หญิงที่ชื่อโยธกา ฉันไม่ได้พูดอะไรมาก พาตัวเองไปยังห้องที่ผู้หญิงคนนั้นนอนอยู่ เธอถูกมัดมือมัดเท้า รอบ ๆ รอยมัดเป็นแดงช้ำจากการเสียดสี เป็นเพราะเธอดิ้น มองจากตอนที่สู้กับพี่รฐา กำลังของเธอมีเยอะมาก  เมื่อเข้าไปด้านในห้อง สายตาของผู้หญิงคนนั้นก็มองมาด้วยความดุดัน จนฉันที่กำลังเดินเข้าไปต้องหยุดชะงัก หากจะให้เปรียบเทียบ ฉันคงต้องบอกว่าตาของเธอเหมือนกับเสือ “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ มาแก้มัดฉันเดี๋ยวนี้!!” ฉันสะดุ้งและถอยหลังไปหนึ่งก้าว เธอตะคอกเสียงดังมาก พี่รฐาชอบผู้หญิงแบบนี้เหรอ  น่ากลัวจัง “ฉันบอกให้มาปล่อยไง เดี๋ยวนี้!!” “เอ่อ... พี่รฐาจะรีบกลับมา และจะปล่อยคุณเองค่ะ” “มาปล่อยฉัน ฉันจะเข้าห้องน้ำ จะเข้าห้องน้ำยังไงมัดอยู่แบบนี้” ฉันนิ่งคิด โดนมัดทั้งมือทั้งเท้าย่อมทำอะไรลำบาก แบบนี้เธอจะเข้าห้องน้ำยังไง  “เร็วสิ ฉันปวดท้องมาก” ทำยังไงดีละ ฉันควรเชื่อเธอไหม หากฉันแก้มัดแล้วเธอหนี ฉันจะจับตัวไหวไหม ขนาดพี่รฐาก็ยังออกแรงเหวี่ยงกันไปมาหลายรอบ “นี่เธอ เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ไม่เข้าใจเหรอ” คราวนี้โยธกาพูดเสียงราบเรียบ ไม่ได้ตะคอก ไม่ได้ใส่อารมณ์ ท่าทางขอร้องอ้อนวอนซะมากกว่า “ก็ได้ แต่คุณอย่าหนีนะคะ” “อืม...” มีเพียงการพยักหน้าตอบกลับมาเท่านั้น ฉันจึงเดินเข้าไปแกะเชือกที่มัดมือและเท้าออกให้ “โอ๊ย!! คุณจะไปไหน” เชือกที่มัดมือยังไม่ทันหลุดดี โยธกาก็ผลักฉันล้มไปกับพื้นอย่างแรง ความไวของฉันทำให้ฉันรีบลุกไปกอดขาไว้มั่น พี่รฐาให้ดูแลเธอ พี่รฐาไม่ต้องการให้เธออยู่ที่นี่ ถ้าฉันปล่อยเธอไป เขาต้องโกรธแน่ ฉันจึงกอดรัดเธอเอาไว้สุดชีวิต  “ปล่อยเดี๋ยวนี้ อย่าให้ฉันต้องทำร้ายเธอนะ” “ไม่...พี่รฐาให้ฉันดูแลเธอ เธอต้องอยู่ที่นี่” “ปล่อย” โยธกาแรงเยอะมาก เธอเหวี่ยงฉันจนจุกไปหมด “ไม่!!!” “จะเอาแบบนี้ใช่ไหม” ฉันยังคงยึดเธอต่อไป “ใช่ ฉันไม่ยอมให้เธอไป โอ๊ย!! อื้ม” ร่างกายของฉันถูกกระชากเหวี่ยง ก่อนที่จะรู้สึกว่าช่องท้องเสียววาบกับความเจ็บปวด เพียงเสี้ยววินาที ร่างกายของฉันจะถูกผลักลงไปกับพื้น  “โทษที่ฉันใจร้ายไม่ได้” โยธกาพูดจบก็สาวเท้าเดินออกไปจากห้อง ขณะที่ฉันก้มมองร่างกายตนเอง ฉันถูกแทง  มีมีดเล่มเล็กปักอยู่ที่ช่วงท้อง “พี่รฐา” ไม่รู้ว่าตนเองกำลังอ้อนวอนอะไร แต่เขาคือคนแรกที่หัวสมองคิดถึง ก่อนที่จะพยายามตั้งสติ ฉันเป็นพยาบาล ฉันต้องเอาตัวรอดให้ได้ และสิ่งแรกที่ควรจะทำก็คือการห้ามเลือด ติดต่อใครสักคนให้มาช่วย นั่นดีที่สุดแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม