บ้านหลังเก่าย่านการค้าสามเหลี่ยมขุมทรัพย์
"หลังนี้แหละครับที่คุณโหยวเทียวไปเทียวมาตลอดสองปีมานี้"
"อ้อ ขอบคุณมากเลยครับ"
"เดี๋ยวผมเข้าไปกับคุณด้วยครับ เพราะทุกครั้งผมจะเป็นคนเจรจาแทนคุณโหยวครับ"
"งั้นดีเลยครับ ผมได้ข้อมูลมาคร่าวๆ ว่าฝั่งโน้นก็เอนเอียงอยู่เหมือนกัน"
"ครับ" ชนะศึกมองไปยังบ้านหลังเก่าโทรมๆ หลังนั้นพร้อมหรี่ตาลงจินตนาการภาพที่ป๊ากับม้าของเขาพยายามลากกระเป๋าออกจากบ้านทั้งที่ป๊ากำลังบาดเจ็บอยู่ โดยมีม้าอุ้มเขาในวัยห้าเดือนเดินเคียงข้างไปอย่างทุลักทุเล ความรู้สึกเจ็บปวดร้าวไปถึงก้นบึ้งของหัวใจชายหนุ่มพยายามสะกดน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา
เขากัดกรามแน่น ตั้งใจแน่วแน่ว่าวันนี้จะต้องทวงคืนบ้านหลังนี้มาให้ได้ พลันก็ได้ยินเสียงทุ้มดังมาจากข้างหลังของเขา
"อ้าว มากันแล้วเหรอ สวัสดีครับ คุณสองคนที่ติดต่อซื้อบ้านหลังนี้ใช่ไหมครับ"
ทันทีที่ชนะศึกกลับหลังหันมา สายตาก็ปะทะไปยังร่างบางที่กำลังเดินตามหลังชายร่างสูงใหญ่ที่เอ่ยทักเขาและมุ่งตรงมายังเขากับผู้ประสานงานชายหนุ่มอุทานออกมาเบาๆ
"บั๊วะ บัว บัววิคตอเรีย"
"อ้อครับ สวัสดีครับคุณบุตรพนา นี่คือคุณชนะศึก ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านหลังนี้ ส่วนผมเสกสรรครับ" เสกสรรผู้ประสานงานและเป็นตัวแทนอาโหยวในการเจรจาขอซื้อบ้านทุกครั้งรีบทักทายและแนะนำชนะศึกให้อีกฝั่งได้รู้จัก ใน ทันทีที่หนุ่มใหญ่แนะนำจบ
บัววิคตอเรียก็เงยหน้าขึ้นมองคนร่างใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกใจ พูดอะไรไม่ออก
"สวัสดีครับคุณชนะศึก คุณเสกสรร คุณคงรู้จักผมอยู่แล้วสินะครับ"
"ครับ คุณพนา คุณพ่อของคุณแจ้งกับผมมาแล้วครับ ว่าคุณจะเข้ามาแต่ไม่ได้แจ้งว่าจะเข้ามากับใคร"
"อ้อ ครับ นี่บัววิคตอเรีย เป็นว่าที่คู่หมั้นของผม งานหมั้นจะถูกจัดขึ้นอีกหนึ่งอาทิตย์นับจากนี้ และหากไม่มีอะไรผิดพลาดก็น่าจะแต่งกันในปีนี้แหละครับ"
"อะไรนะ ว่าที่คู่หมั้นอย่างนั้นเหรอครับ" ชนะศึกอุทานขึ้นมาเสียงดังอย่างลืมตัว
"ครับ วันนี้ผมพาเธอมาดูเรือนหอน่ะครับว่าเธอต้องการขายแล้วไปซื้อใหม่หรือจะรีโนเวทดี ว่าไงจ๊ะบัว อยากเก็บบ้านไว้หรือขายดี พี่ตามใจบัวค่ะ"
"บัว เอ่อ..." หญิงสาวที่มีสีหน้าซีดเผือดมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาที่อ้อนวอนว่าให้ฟังเธออธิบายก่อน ชนะศึกจ้องมองหญิงสาวไม่วางตากัดกรามแน่นไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ว่ามันคืออะไร
"เก็บบ้านหลังนี้ไว้ค่ะ หากมันจะเป็นเรือนหอของเรา บัวไม่ขายค่ะ" หญิงสาวเอื้อนเอ่ยออกมาพร้อมทั้งมองไปยังชนะศึกด้วยแววตาที่เศร้าหมอง
"ไม่คิดให้ดีก่อนเหรอครับคุณบัววิคตอเรีย บ้านหลังนี้ก็ไม่ได้เป็นของพวกคุณมาแต่แรกไม่ใช่เหรอครับ หากไม่ใช้วิธีสกปรกแย่งมันมา คิดเหรอว่าคุณจะได้มายืนต่อรองกับผมอยู่แบบนี้"
"อ้าว คุณชนะศึก จะพูดจะจาอะไรก็ระวังข้อหาหมิ่นประมาทเอาไว้บ้างก็ดีนะครับ ปรักปรำคนอื่นโดยไม่มีหลักฐานแบบนี้ผมแจ้งความได้นะครับ"
"อย่าทะเลาะกันเลยค่ะ บัวตัดสินใจแล้วยังไงก็ขายบ้านหลังนี้ให้คุณไม่ได้หรอกค่ะคุณชนะศึก กลับไปเถอะนะคะไม่มีอะไรที่เราจะต้องคุยกันอีก"
"นี่ถือว่าคู่หมั้นผมขอร้องนะ ไม่งั้นคุณไม่ได้ออกจากพื้นที่นี่แน่"
"ใหญ่คับฟ้าจังเลยนะครับคุณบุตรพนาเนี่ย เอาล่ะ ก็ได้ ถ้าจะเล่นกันแบบนี้ ก็ได้ครับ คุณบัววิคตอเรีย ผมยอมถอยออกไปก่อนหนึ่งก้าวก็ได้แต่ก่อนจะไปผมขอถามคุณสักหนึ่งคำถามได้ไหมครับ"
"ค่ะ เชิญถามมาได้เลยค่ะ"
"คุณเป็นลูกของคุณบวรยศ โสภณภักดีใช่หรือไม่ครับ"
"ค่ะ คุณพ่อของฉัน ชื่อบวรยศ โสภณภักดี มีอะไรรึเปล่าคะ"
"หึ ทำไมต้องเป็นคุณด้วยนะ บัววิคตอเรีย" ชนะศึกจ้องมองบัววิคตอเรีย สายตาของเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดจนหัวใจของเธอกระตุกวูบ
เมื่อในแววตาคู่นั้นว่างเปล่าไม่มีเงาของเธออยู่ในนั้นอีกต่อไป
"แล้วมันทำไม เป็นบัวแล้วมันยังไงออกไปให้ห่างว่าที่คู่หมั้นของฉันนะเว้ย ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน" เมื่อเห็นว่าชนะศึกเข้าใกล้บัววิคตอเรียมากเกินไปแล้ว บุตรพนาจึงรีบเข้ามาแทรกเพื่อกันให้ชายหนุ่มออกห่างไป
"กลับกันเถอะครับคุณเสกสรร"
"ครับ ครับ สวัสดีนะครับคุณบุตรพนา คุณบัววิคตอเรีย" ชนะศึกสาวเท้าขึ้นรถนั่งรอในเบาะข้างคนขับ ส่วนเสกสรรรีบวิ่งขึ้นประจำหลังพวงมาลัยเหยียบคันเร่งออกไปในทันที
ส่วนบัววิคตอเรียก็มองตามรถยุโรปคันสีดำพร้อมกับคิดในใจ
"หากมันเป็นบ้านของการรบจริงเราจะปกป้องบ้านหลังนี้เอง ขอเวลาบัวหน่อยเถอะนะคะการรบ บัวจะทวงคืนบ้านหลังนี้มาให้โดยที่การรบไม่ต้องเสียเงินเลยแม้แต่บาทเดียว"
เพราะหญิงสาวก็พอทราบมาบ้างว่าพ่อของเธอและลุงพนาได้บ้านหลังนี้มาอย่างไม่ชอบธรรม แม้จะไม่รู้ความเป็นมายังไงแต่เมื่อเธอรู้แล้วว่าเป็นของการรบ เธอจึงอยากมอบมันให้กับเจ้าของที่แท้จริง
บนรถของเสกสรร
"ทำไมตะกี้บรรยากาศมันดูมาคุอย่างนั้นล่ะครับคุณรบ" เสกสรรเอ่ยถามชายหนุ่มขึ้นเมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอะไรตั้งแต่ขึ้นรถมา ผิดกับตอนเจอเขาครั้งแรกที่ถาม และชวนเขาคุยไม่หยุด
"ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่ผิดหวังและเสียใจน่ะครับที่คว้าน้ำเหลวกลับไปให้ป๊ากับม้า"
"อา อย่าคิดมากเลยนะครับ แม่ของผมเคยบอกเอาไว้ว่าอะไรที่จะเป็นของเรา ก็จะเป็นของเราวันยันค่ำแหละครับต่อให้อยู่บนยอดไม้ที่สูงเสียดฟ้าก็ตกลงมาใส่มือเราในซักวันอยู่ดี แต่อะไรที่ไม่ใช่ของเรา ต่อให้ใส่หีบฝังดินไว้อย่างดีก็หายตายจากเราไปอยู่ดีนั้นแหละครับ บ้านหลังนั้นอาจจะไม่ใช่ของคุณโหยวแล้วก็ได้ครับผมเห็นท่านเดินทางขึ้นลงกรุงเทพฯ ตลอดระยะหลายปีมานี้มากกว่าห้าสิบครั้งละมั้งครับ ผมก็เห็นท่านคว้าน้ำเหลวกลับไปทุกที"
"ครับ ผมคงต้องกลับไปตั้งหลักก่อนว่าจะเอายังไง ขอบคุณมากนะครับคุณเสกสรรสำหรับคำแนะนำที่ดี ผมจะจำและนำไปใช้ครับ"
"ด้วยความยินดีเลยครับ"
วันหมั้นของบัววิคตอเรีย
Rrr... โทรศัพท์ของชนะศึกดังขึ้น
"ฮัลโผลตอบโจทย์"
("การรบแกรู้ข่าวการหมั้นของบัววิคตอเรียไหมวะ")
"อืม รู้ ทำไม"
("แล้วแกไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ แฟนแกทั้งคนนะเว้ย")
"รู้สึกสิ ทำไมฉันจะไม่รู้สึก")
("แต่ทำไมแกยังเฉยอยู่ล่ะ")
"แล้วฉันจะทำยังไงได้ล่ะตอบโจทน์ บัวเขาเลือกแล้ว เขาเลือกที่จะตัดฉันออกจากชีวิตของเขาแล้วไปแต่งงานกับไอ้หน้าปลาจวดนั่นเอง ฉันจะไปเรียกร้องอะไรได้ล่ะ"
("แต่แกก็น่าจะ...")
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
ชนะศึกกดวางสายในทันทีที่พูดจบ เสียงโทรศัพท์ของชนะศึกที่ตอบโจทย์โทรเข้ามาอีกครั้งดังขึ้น Rrrr...
"โธ่โว้ย!"
เปรี๊ยะ!
ชายหนุ่มขว้างโทรศัพท์เข้าผนังอย่างแรงจนโทรศัพท์แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
"ไหนบอกจะรอกันไง ห่างกันแค่สามวันกลับกลายไปเป็นคู่หมั้นของคนอื่นซะได้ บัววิคตอเรียทำไมเธอทำกับฉันแบบนี้ ฮือๆ... แต่ยังไงซะ เธอก็เป็นลูกศัตรูของตระกูลฉันอยู่ดี ฉะนั้นบัว เธอกับฉัน เราสองคน ยังไงก็เหมือนเส้นขนานอยู่ดี" ชนะศึกร้องไห้ออกมาอย่างคนสิ้นหวัง ชายหนุ่มร้องไห้จนพอใจ ลุกขึ้นเช็ดน้ำตาหยดสุดท้ายประกาศกร้าวกับตัวเองว่าจะเดินหน้าแก้แค้นและทวงคืนสิทธิ์ที่เขาและครอบครัวพึงจะได้รับกลับคืนมาให้หมด
..........
เอาแล้วๆ ชนะศึกของเราเริ่มปฏิบัติการทวงคืนทุกอย่างแล้วจ้า ตอนหน้ามาดูกันว่าเขาจะเอาคืนกับบุตรพนาอย่างเจ็บแสบแค่ไหนกัน... รักรี๊ดน๊าาาา