เสียงดนตรีจังหวะชิลล์
ผสมกับเบสหนักดังคลอไปทั่วบริเวณสระน้ำ
แสงไฟประดับรอบสระกระทบผิวน้ำ
เป็นประกายระยิบระยับ
แขกในงานแต่งตัวทันสมัย
ทั้งกลุ่มหนุ่มสาวเดินชนแก้ว สลับกับเสียงหัวเราะ
และบทสนทนาที่คลอไปกับกลิ่นเครื่องดื่ม
และน้ำหอมราคาแพง
..
ทานน์นั่งเอนพิงพนักโซฟายาวริมสระ
แก้ววิสกี้ในมือไม่ได้ถูกยกขึ้นมาชนกับใคร
เหมือนทุก ๆ ครั้ง สายตาคมที่เคยเต็มไปด้วย
แววขี้เล่นกลับดูเหม่อลอย
แม้สาวๆ ในงานจะผลัดกันเข้ามาแซว
และเชิญชวนชนแก้ว
แต่เขาเพียงยกยิ้มบาง ๆ ตอบรับ
ก่อนจะปล่อยให้พวกเธอเดินจากไป
ด้วยความงุนงง
..
คิมหันต์ เพื่อนสนิทสมัยมหาวิทยาลัย
ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เอียงตัวกระแทกไหล่เขาเบาๆ
พลางเลิกคิ้ว
“วันนี้ไม่เห็นมึงเอ็นจอยกับสาวๆ
เหมือนทุกทีเลยว่ะ มีเรื่องอะไร..?
มึงอยากเล่าให้กูฟังไหม?”
..
ทานน์หันมามองเพื่อน สบตาเพียงแวบเดียว
ก่อนจะละสายตากลับไปที่ผิวน้ำ “วันวา”
เขาเอ่ยสั้น ๆ ราวกับชื่อนั้นคือคำตอบทุกอย่าง
..
คิมหันต์หรี่ตามอง สีหน้าฉายแววสงสัย
“แฟนเก่ามึง? …ทำไมวะ เธอจะแต่งงานรึไง ?
...มึงถึงได้ทำหน้างี้?”
..
ทานน์ส่ายหัวช้า ๆ
เสียงแผ่วจนแทบกลืนไปกับเสียงเพลง
“เปล่า… กูแค่… อยากกลับไปหาเธอ
กู…ไม่รู้สิ... กูอยากกลับไป”
.
คิมหันต์แทบสำลักเครื่องดื่ม เขาเบิกตากว้าง
“กูว่ามึงบ้าไปละ! น้องเขาไปได้ดีแล้วนะเว้ย
มึงก็รู้ มึงเคยทำเลวไว้ขนาดไหน”
..
บรรยากาศที่เคยครื้นเครง เงียบลงทันตา
คิมหันต์เอ่ยขึ้นเสียงขุ่น
“มึงจะไปยุ่งกับเขาอีกทำไมวะทานน์
ปล่อยน้องเขาเถอะ เขาเจ็บเพราะมึงมากพอแล้ว”
.
ทานน์ยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียว
ราวกับหวังจะกลบความรู้สึก
แต่รสขมกลับทิ้งร่องรอยแสบคอ
เขาก้มหน้าลง ใช้นิ้วหมุนขอบแก้วช้าๆ
ก่อนเอ่ยเสียงต่ำและแหบพร่า
“กูควรทำไงวะคิม… ตอนนี้วันวาเข้ามาทำงาน
ในบริษัทกู กูอยากเจอเธอแทบทุกวัน… แล้วแม่ง
—” เขาหยุดกลืนน้ำลาย เสียงเริ่มสั่น
“—มีคนส่งดอกไม้ ส่งขนม ให้เธอตลอด…
กูเห็นแล้วแม่งเจ็บ...บอกไม่ถูกจริง ๆ หว่ะ”
.
คิมหันต์ที่นั่งพิงพนักโซฟาเดิมอยู่ข้างๆ
ขยับตัวโน้มมาข้างหน้า
แววตาเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที
“เอาจริงๆ มึงก็ไม่มีสิทธิอะไรจะไปหวงเขา”
เสียงของเขานิ่งและหนักแน่น
“เพราะจบกันไปแล้ว อดีตก็คืออดีต
ถ้ามึงคิดว่ามึงจริงจังจริงๆ
ก็ต้องทำให้น้องเขาเห็น…
ไม่ใช่ควงคนนู้นคนนี้ไปทั่ว”
.
ทานน์เงยหน้ามองเพื่อน
สายตาเจ็บลึกแต่ยอมรับความจริง
คิมหันต์ถอนหายใจพลางจ้องตาเขาไม่หลบ
“ถ้ากูเป็นวันวา กูก็หนีมึงเหมือนกันว่ะ…
แต่ตอนนี้พวกมึงไม่ใช่เด็กมหาลัยแล้ว
ถ้ามึงแน่ใจจริง ๆ กูก็ว่าหน้าด้านจีบไปเลย
—แต่ต้องจีบแบบจริงจัง ไม่ใช่เล่นๆ แบบเมื่อก่อน”
.
คำพูดนั้นเหมือนกระแทกเข้ากลางอกทานน์
เขานิ่งไปครู่ใหญ่ เหลือบตามองผิวน้ำ
ที่สะท้อนเงาตัวเองในความมืด
แววตาที่เห็นคือความลังเลปนมุ่งมั่น
ความรู้สึกที่เขาไม่กล้าพูดออกมาตลอด
เริ่มถาโถมขึ้นจนเกือบล้น—ครั้งนี้เขารู้ดีว่า
ถ้าจะกลับไปหาเธอ
ต้องไม่ใช่ทานน์คนเดิมอีกต่อไป.
.
เขาพ่นลมหายใจหนัก
ราวกับจะระบายความกดดันที่อัดแน่นอยู่ในอก
“กูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันวา…กำลังคบกับใคร
หรือมีใครจีบอยู่รึเปล่า”
เสียงต่ำพร่าแฝงความหงุดหงิด
“กูพยายามเข้าหา แต่แม่ง…
คำพูดแต่ละคำของเธอ
เหมือนถีบกูออกจากวงโคจรตลอด”
.
คิมหันต์หัวเราะเบาๆ
พลางเอนหลังพิงโซฟาอย่างสบาย
แต่แววตาเต็มไปด้วยความจริงจัง
“เป็นกูก็ไม่อยากยุ่งกับมึงหรอก เจ็บแล้วจำไง”
เขายักไหล่
“แต่ใครจะคบกับเธอ ใครจะจีบเธอ…
เกี่ยวอะไรกับมึงวะ ถ้ามึงอยากได้จริง
ก็ต้องเดินเข้าไป ไม่ใช่เอาแต่เฝ้าดู”
.
ทานน์ก้มหน้าลง กำแก้วแน่นจนข้อนิ้วซีด
“เอาตรงๆ กูกลัว”
เสียงเขาแผ่วลงจนแทบเป็นกระซิบ
“กูกลัวว่าเธอจะปฏิเสธ…กูรับไม่ได้จริง”
.
คิมหันต์หัวเราะเสียงดังสะท้อนก้องริมสระ
“โธ่เอ๊ย หนุ่มเจ้าเสน่ห์อย่างมึงเนี้ยนะจะกลัว?
จีบสาวคนไหนกูไม่เคยเห็นมีใครรอดสักราย”
.
ทานน์เงยหน้าขึ้นสบตาเพื่อน
แววตาเข้มลึกจนคิมหันต์ต้องชะงัก
“คนนี้ไม่เหมือนกัน”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความหนักแน่น
“สิ่งที่กูเคยทำไว้…มันเป็นแผลในใจมาตลอด
กูเลยกลัว กลัวว่าแผลที่มีจะยิ่งบาดลึกกว่าเดิม”
.
เขาหยุดหายใจเพียงครู่
ก่อนเอ่ยต่อด้วยเสียงสั่นพร่า
“วันวาคือคนเดียวที่กูไม่เคยลืมมาตลอด—
ไม่ว่ากูจะพยายามลืมแค่ไหนก็ตาม”
.
คำพูดนั้นทำให้บรรยากาศรอบตัวเงียบลงทันที
แม้เสียงเพลงยังดังอยู่ แต่สิ่งเดียวที่ได้ยินชัดเจน
คือเสียงหัวใจของทานน์
ที่เต้นแรงราวกับกำลังประกาศความตั้งใจ
ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต.
.
คิมหันต์ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบเบา ๆ
ก่อนเอื้อมมือมาตบไหล่เพื่อนอย่างให้กำลังใจ
เสียงเพลงข้างสระยังคลออยู่ไกล ๆ
แต่คำพูดของเขาชัดเจนกว่าเสียงใด
“เอาน่า…กูจะคอยเอาใจช่วย”
คิมหันต์เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจ
แววตาคมเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา
มึงอยากได้ใจเขากลับมา
มึงต้องพยายามให้ถึงที่สุด ถ้ามึงจริงจังจริง ๆ
มึงก็ต้องพิสูจน์”
.
เขาหยุดเล็กน้อยเพื่อให้คำพูดนั้นซึมลึก
ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“ไม่แน่…แผลในใจของมึงกับวันวา
อาจจะรอวันที่จะกลับมาหายดีก็ได้”
.
ทานน์ก้มหน้าลง
เสียงหัวใจเต้นแรงในอกยังไม่คลาย
ความกลัวและความหวังตีกันในอก
แต่คำพูดของคิมหันต์เหมือนแรงผลัก
ให้เขามีลมหายใจใหม่
มือของทานน์กำแก้วแน่นขึ้น
ก่อนพึมพำแผ่วเบาเกือบเป็นเสียงในลำคอ
“กูจะพิสูจน์…ไม่ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน”
.
คิมหันต์ยิ้มบาง ๆ พลางตบไหล่เพื่อนอีกครั้ง
“นั่นแหละเพื่อนกู—จำไว้ ว่า
คนที่กล้ากลับไปขอโอกาส คือคนที่เข้มแข็งที่สุด”
.
ลมกลางคืนพัดผ่าน เสียงน้ำในสระ
กระทบขอบเบา ๆ เหมือนรับรู้ถึงคำสัญญา
ที่เพิ่งเอ่ยออกมาในค่ำคืนนั้น.