ฉันล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆ ด้วยรอยยิ้มอิ่มเอมหัวใจเมื่อหลิวซุ่ยอนุญาตอยู่ที่นี่ได้จนกว่าคนของเขาจะจัดการพวกมันได้ ซึ่งเขายกอีกห้องที่อยู่ถัดไปให้ฉันอาศัย
อยากจะรู้แล้วสิว่าเขาจะทำยังไงต่อไปเมื่อคนที่พวกเขาต้องการฆ่ามันคือคนทิพย์อะนะ ตามหายังไงก็ไม่เจอหรอก
ระดับฝีมือการแสดงของฉันนี่มันถึงขั้นยอดเยี่ยมเลยใช่ไหมล่ะ
"มีความสุขที่สุดเลย" กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงด้วยความรู้สึกหลากหลาย
ทั้งดีใจและภูมิใจในผลงานของตน ฉลาดและไหวพริบดีเหมือนม๊าไม่มีผิด!
อยากได้อะไรก็ต้องได้!
ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดสั่งอาหารสุดหรูเพื่อเลี้ยงว่าที่สามีให้อิ่มแทนการขอบคุณ
ผ่านไปสักพักเสียงกริ่งดังขึ้นสามครั้งฉันรีบวิ่งออกจากห้องเพื่อจ่ายเงินค่าอาหาร แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อหลิวซุ่ยกำลังจ่ายเงิน
งุ้ยยย ทำไมน่ารักจัง
ฉันยืนบิดเหมือนถูกไส้เดือนไชก้นพร้อมกับจับประตูห้องนอน จนกระทั่งอาหารที่ฉันสั่งไว้เมื่อประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนถูกส่งมาให้ตรงหน้า
"เท่าไหร่คะ? " ฉันถามพร้อมกับรับถุงอาหารจำนวนหนึ่ง
เขาไม่ตอบกลับมาเพียงแต่เดินหันหลังกลับไปนั่งโซฟาตามเดิม
ชิชะ! อุตส่าห์จะเนียนว่ามีตังเปย์ผู้ชายซะหน่อย
ฉันเดินไปนั่งข้างๆ เขาพร้อมกับแกะอาหารวางบนโต๊ะ ก่อนจะแอบมองใบหน้าคมคายด้วยหัวใจเต้นระริก พอมองใกล้ๆ หล่อมาก!
"ทานด้วยกันนะ.."
"ฉันไม่หิว"
หักน้ำใจได้ใจร้ายมากแต่รักนาราชอบจัง กร้าวใจและดุดันแบบนี้รักตายเลย
"รักสั่งมาเลี้ยงคุณ…" ฉันเว้นระยะเพื่อต้องการให้เขาบอกชื่อตัวเอง
"หลิวซุ่ย"
กรี๊ดดดดด!
แด้ดิ้นในใจเมื่อได้ยินน้ำเสียงนุ่มลึกน่าฟังหลุดจากปากของเขาโดยตรง ซึ่งตามความจริงฉันรู้ชื่อของเขาโดยคนทั่วไป แต่ครั้งนี้กลับได้ยินเขาเอ่ยชื่อด้วยตัวเอง
อยากได้อีกแล้ว งื้อ!
"หลิวซุ้ย.." แกล้งพูดเสียงผิด
"หลิวซุ่ย"
"หลิวชุ่ย"
"ซุ่ย...ซุ่ยที่แปลว่าน้ำ"
"อ๋อ! หลิวซุ่ย" ฉันหัวเราะเบาๆ แล้วตีหน้าเขินอาย "รักนาราค่ะ เรียกสั้นๆ ว่ารัก"
"อืม คนไทยเหรอ? " หลิวซุ่ยขมวดคิ้วถาม
โอ๊ย! ฉันต้องการให้เขาชื่อฉันตอนนี้ เรียกรักสิ! รักอะ! ร๊ากกก!
"ค่ะ" แสร้งยิ้มหวานฉ่ำ
ขัดใจจัง ทำไมไม่เรียกชื่อ!
"ฉันก็คนไทย..."
"...! "
ฉันอ้าปากค้างแทบจะทันที สเปกที่เคยคิดว่าจะไม่เอาผู้ชายไทยทำผัวคงต้องตัดทิ้งไปแล้วล่ะ ครั้งแรกที่เจอเขาฉันไม่คิดเลยว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นคนไทย เลยตั้งใจจะจีบเต็มกำลังและจะอ่อยสุดแรง พอมารู้ว่าหลิวซุ่ยคือคนไทยฉันก็จะเอาอยู่ดีนั่นแหละ
ขว้างสเปกไปไกลๆ
"งั้นขอเรียกชื่อไทยได้เปล่า" ฉันเสียงออดอ้อนดังขึ้นจากปากของฉันจนหลิวซุ่ยชำเลืองมอง
เจอเสียงของฉันไปบอกเอาไว้เลยว่าผู้ชายทุกคนตกหลุมรักทันที
"เสียงเป็นอะไร...มะเร็งกล่องเสียงกำเริบเหรอ" เย็นชาจัด
"..." ฉันอยากจะร้องไห้ตรงนี้จริงๆ ได้แต่นั่งหน้างอน่าเศร้าเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง
ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนกล้าหักหน้าได้เพียงนี้ เสียงออดอ้อนเหมือนดังสาวจีนหลายๆ คนเคยพูดอ่อยกลายเป็นว่าโรคมะเร็งกล่องเสียงไปซะแล้ว
รักนารารับไม่ได้!
ฉันถึงกับนวดขมับเพื่อผ่อนความเครียดออกไป เพิ่งจะเจอผู้ชายแบบนี้ครั้งแรก ปกติแค่ชายตามองทุกคนเดินเรียงกันเป็นแถวๆ แต่มันใช้กับหลิวซุ่ยไม่ได้
ทำไมได้ยากจังวะ! ยัดเยียดดีคืนนี้เลยได้ไหม
"ชลธี…"
"...!! "
ดีดดิ้นอยู่ในใจเมื่ออีกฝ่ายที่เงียบอยู่นานตอบกลับมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว แบบนี้เขาเรียกว่ามีใจหรือเปล่านะ
คืนนี้เอาจริง!
"เรียกเฮียชลได้เปล่า"
ฉันถามกลับไปแบบปกติ เพราะไม่อยากหน้าหักหน้าแตกต่อหน้าผู้ชายที่จะเอาทำสามีแล้วจริงๆ คะแนนว่าที่ภรรยาคงติดลบน่าดู
"ได้.." หลิวซุ่ยตอบกลับมาพร้อมกับยิ้มมุมปาก "เสียงปกติแล้วนี่"
เขากำลังล้อเลียนฉันอยู่ใช่ไหม…
"กินข้าวด้วยกันนะ"
"ไม่หิว" เย็นชา
"เท่าไหร่"
"เลี้ยง" นิ่งเฉย
"หมายถึงตัวคุณน่ะเท่าไหร่"
อุ๊บ! หลุดปาก
แก้สถานการณ์ต่อไปนี้อย่างไรดี อุตส่าห์แกล้งเป็นคนดีตั้งนาน ไม่อยากพังตอนนี้เว้ย รู้ตัวแหละว่าอยากได้เขาจนตัวสั่นแต่การหลุดปากออกไปเมื่อสักครู่ไม่ถูกโยนออกจากห้องก็ดีเท่าไหร่แล้ว
"อืมๆ กินก็กิน"
หลิวซุ่ย เอ๊ะ! ไม่สิ เรียกว่าเฮียชลดีกว่า เฮียชลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะดึงอาหารมาวางตรงหน้า
"เย้! "
ฉันยิ้มแก้มแทบปริเมื่อริมฝีปากหนากำลังตักข้าวเข้าปากก่อนจะเคี้ยวๆ และกลืนลงทันที อ่าา ลูกกระเดือกมันช่างกร้าวใจที่สุดเลย
อยากกัดคอเขาจัง
เราสองคนใช้เวลาเพียงไม่นานก็จัดการทุกอย่างเรียบร้อย ฉันอมยิ้มอย่างพอใจเมื่ออาหารที่สั่งถูกปากเขาอย่างจัง กะเอาไว้แล้วเชียวว่าเขาอย่างเขาต้องกินเผ็ด...แต่ฉันเผ็ดกว่า
ฉันรวบรวมของทุกอย่างไปทิ้งหน้าประตูห้องก่อนจะสูดลมเข้าปากยกใหญ่พร้อมกับน้ำตาเม็ดเล็กๆ รื้อขึ้นรอบดวงตากลมโต
"ซี๊ดดดด...เผ็ดๆๆ อ่าาา"
รักนารากินเผ็ดไม่ได้แต่จะมาตกม้าตายต่อหน้าผู้ชายไม่ได้ รักนาราไม่ยอม น้ำมูกน้ำตามาพร้อมเลยจ้า ถาโถมกันเข้ามาแทบสมองระเบิด
ทนไม่ไหวแล้ว!
ฉันรีบใส่รหัสห้องตัวเองทันทีก่อนจะพุ่งไปหยิบนมสดรสจืดขึ้นมากระดกรวดเดียวหมดขวด ความเผ็ดที่ทำเอาลิ้นชากลับทุเลาลงจนแทบจะกลับมาปกติ
"เกือบตาย.." โล่งอก
ความเผ็ดสามารถฆ่าคนได้จริงๆ
ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินกลับไปยังห้องของเฮียชลอีกครั้งด้วยสีหน้าปกติที่สุด สายตาก็ยังเห็นว่าเขากำลังนั่งทำงานที่เดิมไม่ยอมลุกจากโซฟา
"ออกไป! " น้ำเสียงดุดันกล่าวขึ้นจนฉันถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ
ก่อนจะมองซ้ายขวาอย่างไม่เข้าใจ ก็ไม่มีใครอยู่สักคนมีเพียงฉันและเขาเท่านั้นที่อยู่ในห้องนี้ อย่าบอกว่าไล่ฉัน? แล้วใครกันล่ะที่อนุญาตให้ฉันอยู่ที่นี่ได้ แล้วกลับมาไล่เสียเอง
บอกเอาไว้ตรงนี้เลยนะว่าไม่ไปเว้ย! จะหน้าด้านจนถึงที่สุดจนกว่าจะจับเขาได้
"กูบอกให้ออกไป! "
"กะ..เกิดอะไรขึ้น"
"กูบอกให้มึงออกไป! "
ฉันถอยหลังหนีด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆ เขาก็พุ่งมาบีบต้นแขนอย่างแรง ก่อนจะดึงจนร่างเล็กๆ ลอยตามเขาไป ฉันได้แต่เบ้หน้าด้วยความเจ็บก่อนจะล้มลงพื้นด้วยน้ำมือของเขา
เมื่อสักครู่ยังดีๆ อยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้ถึงกลับโกรธและโมโหเป็นฟืนเป็นไฟด้วย ฉันไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย!
สายตาคมกริบจ้องมองแทบอยากจะฉีกร่างฉันเป็นชิ้นๆ ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง
ปัง!
บานประตูปิดลงเสียงดังพร้อมกับเขาหายเข้าไปในห้อง ปล่อยให้ฉันนั่งงงๆ กับพื้น
ตึงๆๆ
ฉันลุกจากพื้นอย่างหัวเสียก่อนจะทุบประตูเพื่อต้องการให้เขามาเปิด เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง อนุญาตให้อาศัยอยู่ที่นี่ได้แล้วมาทิ้งกลางทางเนี่ยนะ กล้าให้ความหวังกับรักนาราแล้วโยนทิ้งลงถังขยะเหรอ ใจร้ายเกินไปแล้ว!
"อะไรอีก! " เฮียชลกระชากประตูออกมาพร้อมกับสวนกลับด้วยภาษาไทย
"ก็เฮียให้รักอยู่ที่นี่ไง ทำไมถึงโยนรักออกมาล่ะ รักจะไปอยู่ที่ไหน"
"เรื่องของเธอสิ! " ตอกกลับเสียงแข็ง
"แล้วถ้าพวกมันกลับมาเล่นงานรักอีกล่ะ รักไม่ตายเหรอ! "
"ตายไปได้ก็ดี! "
ปัง!
ประตูปิดอีกครั้งและเขาก็ไม่เปิดออกมาอีกเลย ไม่ว่าฉันจะทุบจะเคาะยังไงก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะเปิดออกมาต้อนรับสักนิด ปล่อยให้ฉันยืนเหวอกลางอากาศ
อ้าว! กลับคำทำไม!
"ถ้าเฮียชลไม่เปิดรักจะอยู่ตรงนี้แหละ! " ฉันกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ
เมื่อเขาไม่มีท่าทางจะเปิดประตูออกมาง่ายๆ นี่มันก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ปล่อยให้ฉันยืนจนน่องปูดน่องแข็งหมดแล้ว
คนอย่างรักนาราอยากได้อะไรก็ต้องได้ และไม่มีวันยอมแพ้อะไรง่ายๆ หรอกนะ
"คนไทยต้องไม่ทิ้งกันสิ! "
ได้แต่ตะโกนออกไปเหมือนคนบ้า ทั้งๆ ที่รู้อยู่ในใจว่าคนที่อยู่ด้านในจะไม่ได้ยินเสียงคนข้างนอกเลยสักนิด และคนข้างนอกก็ไม่สามารถได้ยินเสียงคนข้างในได้เช่นกัน
โอ๊ยยยย!! ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง!
จะเอาอย่างนี้ใช่ไหม...ได้! เราได้เห็นดีกันแน่
ฉันเดินเข้าห้องตัวเองด้วยความมุ่งมั่นก่อนจะเปิดประตูระเบียงออกไป ก่อนหน้านี้ฉันแอบปลดล็อกประตูระเบียงเขาเช่นกัน เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเมื่อสักครู่ฉันจะสามารถเข้าห้องเขาได้เหมือนเดิม
และตอนนี้ฉันก็กำลังจะปีนไปยังห้องเขาโดยตรงแต่ใจมันไม่กล้า พอมองลงไปด้านล่างก็พบว่ามันสูงเกินไป ถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมาตับแตก กะโหลกแบะแน่
ศพไม่สวย!
ฉันกัดปากล่างนึกคิดแผนการต่างๆ ในหัวว่าจะทำยังไงที่จะหอบร่างอันแสนบอบบางเข้าห้องเขาได้อีกครั้ง แต่คิดแล้วคิดอีกก็ไม่เข้าท่า สงสัยคงต้องนอนพักแล้วล่ะเผื่อจะมีอะไรดีๆ มาบ้าง
21.45 นาที
ฉันสะดุ้งตื่นด้วยความลนลานก่อนจะทึ้งหัวตัวเองไปมาอย่างขัดใจเมื่อเผลอหลับไปหลายชั่วโมง ก่อนจะเดินไปที่ระเบียงและชะโงกมองเข้าไปก็พบว่าเฮียชลกำลังจะออกไปด้านนอก
ฉันรีบหยิบเจลร้อนที่มีติดห้องไว้อย่างรวดเร็วก่อนจะประคบประหงมมันทั่วทั้งตัวและเดินไปนั่งหน้าประตูห้องเขาดั่งจัดวาง
"เฮ้อ" ถอนหายใจหนักๆ จากปากเฮียชล
เสียงเปิดประตูดังขึ้นฉันรีบโยนเจลร้อนให้พ้นทางแล้วแกล้งหน้าซึมเหมือนคนใกล้ตาย เฮียชลก้มมองฉันด้วยหางตาก่อนจะดึงขึ้นจากพื้นและลากเข้าห้องไป
ฉันหัวเราะคิกคักด้านหลังเขาอย่างชอบใจ แผนร้ายมักใช้ได้ผลเสมอ
ชลธีเหวี่ยงร่างเล็กๆ ลงบนโซฟานุ่มๆ ด้วยความหยาบคายก่อนจะดันโน้ตบุ๊กให้ฉันดูตรงหน้า
ฉันยิ้มแห้งๆ กลับไปแก้เขินก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาและพุ่งไปยังห้องนอนที่เฮียชลเคยให้ฉันอาศัยพร้อมกับปิดประตูจนเจ้าของห้องไม่สามารถทำอะไรได้
กรี๊ดดดดด!!
ร่างเล็กๆ กระโดดขึ้นเตียงก่อนจะกรีดร้องลงบนหมอนเพื่อกลบเสียงกรี๊ดตัวเองด้วยความอาย
โน้ตบุ๊กที่เฮียชลให้ดูมันคือสถานะของกล้องวงจรปิดปัจจุบัน ซึ่งมันเป็นจุดหน้าประตูห้องพอดี แบบนี้เขาก็เห็นทุกอย่างนะสิ แผนน่าอายนั่น...!
ปัง!
ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงเดินเข้ามาด้วยท่าทีขึงขัง แววตาของเขากำลังเขมือบร่างทั้งตัวของฉันให้หายไปจากห้องนี้แทบจะทันที
"มึงต้องการอะไร! " เฮียชลกดเสียงต่ำคล้ายเสียงคำรามของสัตว์ป่าที่เป็นจ่าฝูง
"อยากได้" ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"อยากได้อะไรจากกู! เงินเหรอ! " ชลธีล้วงธนบัตรหลากสีจากกระเป๋าก่อนจะโยนใส่ร่างฉัน
"รักไม่ต้องการเงิน" ฉันตะโกนกลับเสียงแหลมปี๊ด ก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินตัวเองขึ้นมาและโยนธนบัตรหลากสีลงพื้นเช่นกัน "รักมีเหมือนกัน! "
"แล้วมึงต้องการอะไร! " ชลธีก้าวฉับๆ มาหาฉันพร้อมกับคว้าต้นแขนไปบีบจนแดงเถือก
"รักต้องการคุณ"
"อะไรนะ! "
"รักอยากได้คุณ"
"ไอ้เด็กนี่! "
"อยากได้มากๆ "
"หุบปาก! "
"อยากได้เป็นแฟน! "
"กูไม่ชอบเด็ก! "
"อยากได้เป็นผัว! "
"แก่แดด! "
"จะเอาให้ได้! "
"ฝันไปเถอะ! "
"รักรักเฮียชลนะคะ"
ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงหวานเยิ้มจนอีกฝ่ายถึงกับชะงักด้วยความบ้าบิ่นของฉัน ระหว่างที่เขากำลังอึ้งฉันรีบใช้จังหวะนี้ดูดดื่มริมฝีปากหนาด้วยความต้องการจนอีกฝ่ายยืนนิ่งราวกับโดนต้องมนต์สะกด
"เป็นของรักนะคะ"