เช้าวันต่อมา
ฉันฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็ปาไปครึ่งค่อนวันพร้อมกับมีอาการปวดหนึบบริเวณต้นคอ เหตุการณ์เมื่อคืนย้อนเข้ามาเป็นภาพเคลื่อนไหวต่างๆ สองมือทุบเตียงนอนด้วยความขัดใจ
สามีทำแบบนี้กับรักไม่ได้นะคะ! สับต้นคอนิดเดียวแต่กระดูกแทบหัก
"หลิวซุ่ย! "
ฉันกระโดดลงจากเตียงนอนก่อนจะกระชากประตูห้องนอนให้เปิดออกเพื่อจะไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง
แค่เอาฉันทำเมียมันจะยากอะไรหนักหนาวะ!
"หลิวซุ่ย! หลิวซุ่ย! "
ได้แต่ตะโกนเรียกชื่อในความว่างเปล่ามองซ้ายมองขวาก็ไม่เจอกับบุคคลคนนั้นเลยสักนิด
หายไปไหนของเขานะ
เมื่อหาทุกซอกทุกมุมของตัวห้องแล้วไม่เจอแม้แต่เงาหัว ฉันก็ไม่ยอมกลับห้องตัวเองหรอกๆ ทั้งอยู่ที่ติดกัน
ใครจะโง่ออกไปกันเล่าในเมื่อที่ทำอยู่ทุกวันนี้คือการที่ฉันต้องมาอยู่ห้องนี้นะ
"ซื้อเฝือกดามคอมาให้ฉันด้วย อย่ารู้มาก! ฉันสั่งลุงก็ต้องทำ! "
ฉันกดตัดสายทันทีเมื่อสั่งงานลุงคนขับรถจบลงก่อนจะล้มตัวลงบนโซฟาตัวยาวและนวดท้ายทอยตัวเองเบาๆ ตีมาได้ยังไง! คอเกือบหักตาย เจ็บชะมัด! ฉันบ่นในใจงึมงำพรางสายตาสอดส่องบริเวณห้องของหลิวซุ่ยอย่างพินิจ ส่วนมากข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ไม่มีอะไรมากเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยได้อาศัยอยู่ที่นี่เท่าไรนัก
ฉันสำรวจสิ่งต่างๆ รอบห้องอย่างสงสัยก่อนจะมาหยุดลงตรงประตูห้อง ฝ่ามือเล็กๆ เอื้อมไปเปิดดูก็พบว่ามันไม่ได้ล็อกจากข้างนอก
นี่เขารอให้ฉันตื่นและออกไปเองงั้นเหรอ!
ไม่มีทางหรอกนะ!
ฉันปิดประตูเสียงดังด้วยอารมณ์ขุ่นมัวและขัดใจ กักตัวฉันสักนิดก็ไม่ได้หรือไง ฝ่าเท้าคู่เล็กเตะประตูเหมือนคนบ้า
ระหว่างที่กำลังประทุษร้ายกับสิ่งของเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงเรียกเข้า ฉันรีบเปิดประตูอีกครั้งโดยไม่ทันได้มองตาแมวว่าใครคือคนที่อยู่หลังประตู เพราะมันสองจิตสองใจคิดว่าลุงขับรถจะเอาของที่ฉันสั่งมาให้หรือว่าหลิวซุ่ยกลับมาแล้ว
ใครวะ!
ฉันถอยหลังอัตโนมัติเมื่อชายฉกรรจ์สามคนยืนหน้าห้องด้วยท่าทางแข็งกร้าวบวกกับสายตาอาฆาต สัญชาตญาณรับรู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอนและต้องมีปัญหากับเจ้าของห้องนี้แน่
แต่มันผิดตรงที่ว่าเจ้าของห้องไม่อยู่นี่สิและก็คงจะเป็นฉันที่ต้องรับกรรม
"จับไปเลยนะแต่ยะ...อย่าทำหน้าฉันนะ เดี๋ยวไม่สวย"
ฉันยิ้มสู้แห้งๆ กลับไปพร้อมกับยื่นแขนทั้งสองข้างไปด้านหน้า แค่มันคนเดียวเหวี่ยงฉันติดกำแพงก็กระอักเลือดตายคาที่แล้ว ฉันก็ตัวเล็กนิดเดียวจะไปมีปัญหาอะไรไปสู้
พวกมันหัวเราะอย่างพอใจเมื่อเหยื่ออย่างฉันไม่คิดจะสู้ ลองสู้กับพวกมันตรงนี้ดูสิ จังหวะนี้โดนตบหน้าแหกแน่
ชายหัวโจกค่อยๆเดินเข้ามาหาฉันอย่างช้าๆ พร้อมกับฉันก้าวถอยหลังตามจังหวะของมัน ไม่ใช่ไม่คิดที่จะสู้ แต่ฉันมีวิธีรับมือกับพวกมันอยู่ในหัว
การที่จะสู้กับผู้ชายหน้าประตูห้องมันไม่ใช่เรื่องดีที่จะทำ ถ้าพลาดนิดเดียวโดนลากออกนอกห้องแน่และบริเวณทางเดินไม่มีสิ่งของที่จะใช้เป็นอาวุธอีกด้วย เล่นมันในห้องนี่แหละอย่างน้อยก็มีโคมไฟไว้ฟาดหัวมัน
มือสากจับข้อมือฉันเบาๆ เพราะอีกฝ่ายคิดว่าฉันยอมจำนนแต่หารู้ไม่ว่าอีกมือฉันหยิบแจกันใส่ดอกไม้ติดมาด้วย ทันทีที่มันหันหลังพร้อมกับดึงให้ฉันเดินตามไป แจกันใบงามฟาดลงบนต้นคอพอดิบพอดี
เพล้ง!!
เสียงแตกของเศษแก้วเรียกอีกสองชายวิ่งเข้ามาในห้อง ทั้งสองมองหัวโจกที่นอนแน่นิ่งพร้อมกับกองเลือดกระจายเต็มตัว ฉันรีบวิ่งไปอีกฟากของห้องก่อนจะเปิดประตูห้องนอนและปิดทันที
เสียงตึงตังดังขึ้นเมื่อชายทั้งสองกำลังจะพังประตูเข้ามา ฉันรีบควานหาอาวุธเพื่อป้องกันตัวสุดความสามารถแต่ก็ต้องทึ้งหัวตัวเองเมื่อทั้งห้องไม่มีอะไรเลยและที่สำคัญโทรศัพท์มือถือก็วางไว้ด้านนอกอีกด้วย
โครมมม!!
ประตูห้องพังลงต่อหน้าต่อตาฉันรีบมุดตัวลงใต้เตียงเพื่อซ่อนให้พวกนั้นลำบากต่อการจับ แต่ก็ไม่ค่อยเป็นผลเท่าไหร่เมื่อมือสากคว้าข้อเท้าได้พอดี
"กรี๊ดดดดด!! "
มันดึงฉันออกมาพรวดเดียวจนตัวลอยจากพื้นพร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องให้ผู้อื่นได้ยินแต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อห้องมันเก็บเสียงได้ดีทำให้ไม่มีผู้ใดได้เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือ
ปักๆ!!
ฉันคว้ารองเท้าส้นสูงมาได้ก่อนจะหวดเต็มหน้าจนเลือดสดๆ กระจายเป็นวงกว้างรวมทั้งใบหน้าของฉันด้วย กลิ่นคาวเลือดฟุ้งทั่วทั้งห้องจนแทบอาเจียน
มือหนาเงื้อมสูงหมายจะฟาดให้ฉันสงบลง ในจังหวะหวุดหวิดฉันรีบนั่งลงทันทีทำให้ฝ่ามือนั่นฟาดกลางอากาศก่อนจะเสียหลักล้มลงบนเตียงนอน
ชายอีกคนเข้ามาล็อกตัวฉันบนเตียงนอนพร้อมกับมือสากบีบคอแน่นจนอากาศไม่เข้าปอด ฉันดิ้นรนเมื่อกำลังจะหมดลมหายใจแต่ก็ไม่สามารถสู้แรงผู้ชายเอาไว้ได้ สติที่กำลังจะหมดลงแต่เสียงบางอย่างทำให้ฉันฟื้นสติขึ้นมาอีกครั้ง
ปังๆๆ!
เสียงปืนดังขึ้นรัวๆ จนชายที่คร่อมร่างฉันล้มทับและแน่นิ่งไป ฉันรีบส่งเสียงขอความช่วยเหลืออีกครั้งเมื่อมีน้ำหนืดๆ และเมือกๆ กำลังเอ่อล้นไปทั้งตัว กลิ่นเหมือนสนิมผสมเกลือทำเอาฉันเวียนหัวแทบอาเจียนออกมา
หลิวซุ่ยเข้ามาดึงร่างใหญ่ออกจากร่างฉันอย่างเร็วก่อนจะดึงฉันเข้าไปกอดเต็มอก ฝ่ามือหนาคอยลูบศีรษะเป็นการปลอบประโลม
กรี๊ดดดด!
ครั้งนี้ไม่ได้อ่อยก็ได้อ้อมกอดไปแบบฟรีๆ ฉันรีบใช้จังหวะนี้ตักตวงความสุขให้ตัวเองก่อนจะซุกหน้าลงบนอกแกร่งพร้อมกับบีบน้ำตาแสดงเป็นคนอ่อนแอและเสียขวัญ
แต่ฉันไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยนะ เขาจะเชื่อหรือเปล่า
"ตายหมดทั้งสามคนไหมวะ! " น้ำเสียงขึงขังดังขึ้นจากปากของเขา
จังหวะที่เขาสนใจลูกน้องแต่มือหนายังคงลูบแผ่นหลังเบาๆ ฉันรีบกัดปากตัวเองจนรู้สึกถึงกลิ่นเลือดและแอบข่วนแก้มทั้งสองจนรู้สึกแสบ
แค่นี้ก็เป็นที่น่าพอใจ..
"ทั้งสามตายหมดแล้วครับ" เสี่ยวหลงเดินเข้ามาสำรวจอีกสองศพในห้องนอน
"ดี! "
"ฮือๆ รักกลัว" ฉันช้อนตามองเขาพร้อมกับน้ำตา เลือดสดๆ ไหลตามมุมปากเหมือนดั่งจัดวาง "สามคนเหรอ? "
"มันตายแล้ว"
พอได้ยินคำว่าตายฉันแกล้งกลัวขึ้นมาเหมือนเด็กน้อยตัวเล็กกระจิ๊ดและสั่นตัวโยนเหมือนเจ้าเข้าจนหลิวซุ่ยต้องกอดแน่นขึ้น
อ๊ายย! กลิ่นเร้าใจเป็นบ้า รักนาราอยากได้!
"แต่พวกมันมาห้าคนนะ" ฉันโกหกออกไป
ถ้าในความคิดฉัน...เขาเป็นคนใหญ่คนโตการที่เขาจัดการพวกมันทั้งสามหมดไป เขาต้องปล่อยให้ฉันเป็นอิสระในเร็ววัน และแน่นอนว่าฉันไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นหรอกเพราะฉันจะอยู่ติดเขาเหมือนเงาตามตัว
ถ้าการโกหกครั้งนี้ประสบผลสำเร็จเขาต้องดึงฉันอยู่ข้างๆ เพื่อปกป้องแน่
"รอดไปสองเหรอคะ...รักกลัว" ตีหน้าใสซื่ออ่อนต่อโลก คนอะไรฉลาดจังและเนียนเรียกชื่อตัวเองให้เขาจำด้วย
"เสี่ยวหลง! ไปลากตัวมันมาแล้วจัดการซะ! " หลิวซุ่ยออกคำสั่งทันทีพร้อมกับเสี่ยวหลงรีบลากศพพวกมันออกไป
ฉันยังคงกอดร่างสูงเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ปล่อยก็บ้าแล้วนาทีเงินนาทีทองขนาดนี้ตักตวงให้ถึงที่สุด
"ฮึกๆ รักจะเป็นอะไรไหมคะ? " ฉันร้องไห้พอเป็นพิธีเดี๋ยวจะโดนหาว่าเป็นเด็กงอแง "รักกลัว ฮึกๆ "
"..." เขาเงียบ
ฉันชำเลืองมองเขาเงียบๆ เมื่อเห็นเขาเงียบผิดปกติ สีหน้าของเขาเหมือนกำลังคิดอะไรในหัว
ต้องเรียกร้องความสนใจ
"อ๊ะ! เจ็บจัง" ขยับตัวออกห่างเขาเพื่อรักษาภาพพจน์ก่อนจะแกล้งร้องด้วยความเจ็บปวดทิพย์
มือสากช้อนคางให้เงยมองเขา ใบหน้าหล่อเหลามองบาดแผลของฉันด้วยสายตาสื่อความนัยต์ มันเปล่งประกายคำว่าขอโทษ
เขาปล่อยคางมนเป็นอิสระก่อนจะดึงชายแขนเสื้อของฉันให้เดินตามเขาไปด้านนอก แหม...จับมือก็ได้นะฉันไม่ถือหรอก
หลิวซุ่ยพยักหน้าให้ฉันนั่งลงบนโซฟาตัวยาวก่อนที่เขาจะเดินหายเข้าไปในห้องครัวเพื่อหยิบอุปกรณ์ปฐมพยาบาลติดมือมาด้วย
เขานั่งลงโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำก่อนจะลงมือทำความสะอาดบาดแผลให้ฉันอย่างเบามือ ดวงตาคมกริบจดจ้องแต่กับบาดแผลโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลยสักนิด จนกระทั่งเขาเก็บอุปกรณ์ฉันจึงรู้สึกตัว
ทำไมเป็นคนอ่อนโยนจัง
"จำเรื่องราวเมื่อคืนได้ไหม" หลังจากที่เงียบอยู่นานเขาก็ถามขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง
เรื่องที่ฉันจะลักหลับเขานะเหรอ จำได้สิ จำได้ขึ้นใจเลยเพราะฉันตั้งใจให้เป็นแบบนั้นแต่ต้องแอ๊บเป็นคนดีเพื่อรักษาหน้าตา
"คุณช่วยชีวิตรักไว้แต่รักทำอะไรเหรอ หลังจากนั้นจำไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าทำอะไรไม่ดีก็ขอโทษด้วย" ก้มหน้าลงเพื่อกลบเกลื่อนเสียงหัวเราะที่กลั้นแทบขาดใจ
"เปล่า...ไม่มีอะไร" เสียงถอนหายใจดังขึ้นจากปากของเขา
"คุณคือผู้มีพระคุณของรักค่ะ คุณช่วยชีวิตของรักไว้ รักขอบคุณค่ะ"
"ไม่เป็นไร" เขากล่าวเสียงเรียบ "บ้านเธออยู่ที่ไหน ฉันจะไปส่ง"
โอ๊ยยย! ไม่ได้ดั่งใจเลย
"คือว่า...รักเพิ่งย้ายมาเรียนที่นี่แล้วโดนรุ่นพี่หลอกไปร้านเหล้า ฮึก! " ผู้จัดละครส่งคิวงานมาให้แล้วล่ะเจอรักนาราเข้าไป "แล้วหลังจากนั้น...ถ้าไม่ได้คุณช่วยเอาไว้ รักคง.." บีบน้ำตาเนียนๆ
"เป็นผู้หญิงควรระวังตัวให้มาก! " น้ำเสียงดุดันดังขึ้นจนฉันสะดุ้งด้วยความตกใจ
คนกำลังบิ้วน้ำตาเจอแบบนี้เข้าไปน้ำตาแห้งหมดเลย!
"ขะ...ขอโทษค่ะ"
"เฮ้อ! "
"รักขออยู่กับคุณได้ไหม? "
"..." หลิวซุ่ยขมวดคิ้วจนเกือบผูกปมก่อนจะมองหน้าฉันอย่างไม่เข้าใจ ในใจคงจะด่าว่าเป็นคนบ้าแน่เลย
"รักกลัวคนพวกนั้น…"
"คุณไม่ต้องห่วงหรอก คนของฉันจัดการเองนั่นแหละ"
จัดการใครจ๊ะ? คนที่ไม่มีตัวตนนะเหรอ ยากหน่อยนะ ฮ่าๆ
"แล้วถ้าสมมติว่าคนของคุณจัดการไม่ได้ล่ะ...พวกนั้นเห็นหน้ารักชัดๆ รักจะไม่เป็นอันตรายใช่ไหม"
"..."
"คุณจะปกป้องรักใช่ไหม.."
"..."
อย่าเงียบสิเว้ย! ตอนนี้ไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรออกมาเพื่อให้เขารับข้อเสนอนี้แล้วนะ
"ถ้าคุณไม่ทิ้งรักไว้คนเดียวในห้องนี้เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นหรอก! "
โวยวายเสียงดังเอาให้เขารู้สึกผิดที่กล้าทิ้งว่าที่ภรรยาไว้เพียงลำพังจนเกือบโดนไอ้สามตัวนั้นลักพาตัวไปจริงๆ เพราะเรื่องนี้คือเรื่องจริง! ฉันไม่ได้จัดฉากเหมือนครั้งก่อนนะ
เกือบตายฟรีเว้ย!
"อืมๆ ฉันจะให้คุณอยู่ที่นี่ได้จนกว่าจะจัดการพวกมันได้เช่นกัน"
"ขอบคุณค่ะ"
ค่อยน่ารักขึ้นมาหน่อย